การปลูกพืชไร้ดิน ใช้พื้นที่น้อย ผลผลิตเร็ว ได้ผักรสชาติและคุณภาพดี

โฆษณา
AP Chemical Thailand

การปลูกพืชไร้ดิน การปลูกพืชในน้ำคืออะไร คือ พืชที่สามารถปลูกและเจริญเติบโตได้ แม้ไม่ต้องใช้ปุ๋ย มีเพียงแค่น้ำกับแสง ที่เป็นอาหารในการหล่อเลี้ยงก็สามารถเติบโตขึ้นได้ แต่ช่วงอายุไขของพืชในน้ำนั้นอยู่ได้ไม่นานนัก เพราะเปลี่ยนสภาพ ไม่ว่าจะเป็นใบเริ่มเหี่ยว ดอกเริ่มที่จะร่วงโรย เพราะไม่ได้มีปุ๋ยในการช่วยเร่งผลผลิตและบำรุง

ทำให้การดูแลนั้นค่อนข้างละเอียดและซับซ้อนกว่าการปลูกพืชแบบปกติพอสมควร และยังรวมไปถึงการปลูกพืชแบบ Hydroponic เป็นการปลูกพืชแบบไม่ได้ปลูกในดิน และมีการใช้ปุ๋ยน้อยกว่าการปลูกแบบในดิน โดยการผ่านระบบสารละลายที่มีธาตุอาหาร และใช้น้ำเป็นตัวนำช่วยในการปลูก

1.พืชในน้ำ-https.upload.wikimedia.orgwikipediacommons333Water_soldier_plants
1.พืชในน้ำ-https.upload.wikimedia.orgwikipediacommons333Water_soldier_plants

การปลูกพืชไร้ดิน การปลูกพืชในน้ำ

การปลูกพืชในน้ำเป็นการปลูกพืชที่มีการใช้รูปแบบวิธีที่แตกต่างกันออกไป โดยที่ไม่ผ่านการปลูกในพื้นดิน จะเป็นแบบการปลูกพืชในแปลงเล็กๆ แล้วนำมารวมกันบนอุปกรณ์ที่มีท่อส่งน้ำไหลผ่านตัวพืชที่ปลูก หรือเรียกง่ายๆ คือ การปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ เป็นการดูแลผักแบบไร้พื้นดิน

โดยมีอุปกรณ์ในการปลูกมาเป็นตัวช่วยเสริมในการเพาะเลี้ยงการปลูกพืชประเภทนี้ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการสร้างรายได้ทางใหม่ เป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรและผู้บริโภค เพราะการปลูกพืชในน้ำนั้นจะเป็นพืชที่ไม่ได้ผ่านการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงใดๆ ทั้งสิ้นเลย เป็นผักที่ปลอดสารพิษ และปลอดภัยต่อผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

การปลูกพืชบนน้ำหรือ การปลูกพืชไร้ดิน เป็นการปลูกพืชที่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับเกษตรกร หรือผู้ที่สนใจจะลองปลูกพืชผักแนวนี้ เพราะการดูแลที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย การลดต้นทุนในการใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมี เป็นการปลูกพืชทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพของตนเองและผู้บริโภค และยังช่วยเพิ่มพื้นที่ในการใช้สอยอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับชุมชนเมือง หรือคนที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก ไม่ว่าการปลูกพืชแบบนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลมากกว่าพืชประเภทที่ปลูกในดินเป็นอย่างมาก

การปลูกพืชแบบไร้ดินนั้นเริ่มมีให้เห็นมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว เมื่อประมาณ 300 ปีมาแล้ว โดยชาวโรมันเป็นผู้เริ่มคิดค้นวิธีการนี้ขึ้น โดยมีการคิดค้นและปรับปรุงวิธีการปลูกแบบพื้นดินมาเป็นแบบใช้น้ำแทน เพราะเริ่มเห็นว่าให้ธาตุอาหารไม่ต่างจากการปลูกพืชแบบใช้พื้นดินมากนัก และมีการคิดค้นสารละลายที่ใช้เป็นธาตุอาหารเพื่อปรับปรุงพืชในการปลูกแบบไม่ใช้ดินแทน จนมาถึงยุคปัจจุบันที่ การปลูกพืชไร้ดิน หรือเรียกอีกอย่างว่า การปลูกพืชแบบ ไฮโดรโปนิกส์ เป็นการใช้น้ำเข้ามาช่วยในการเจริญเติบโต และมีการใช้สารละลายเป็นธาตุอาหาร ทำให้เริ่มเป็นที่นิยม และมีการพัฒนาโครงสร้างการปลูกไปในรูปแบบต่างๆ มากมาย รวมไปถึงเป็นการปลูกที่เป็นทางเลือกของคนในสังคมเมืองในปัจจุบันอีกด้วย

โฆษณา
AP Chemical Thailand

หลักการทั่วไปแล้วถ้าในอดีตนั้นหลายคนคงตั้งข้อสงสัยว่าการปลูกพืชถ้าไม่ใช้ดินจะปลูกขึ้นจริงเหรอ มันสามารถปลูกได้จริงหรือเปล่า แต่ถ้ามองมาปัจจุบัน การปลูกพืชไร้ดิน นั้นสามารถทำได้แล้ว จริงๆ แล้วการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินนั้นในต่างประเทศเขาเริ่มที่จะปลูกกันมาได้ซักระยะแล้ว แต่ในประเทศไทยการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินหรือปลูกในน้ำนั้นเพิ่งเริ่มเข้ามามีบทบาทได้ไม่นานนัก โดยการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินนั้นต้องวางกลไกให้ดี เรื่องน้ำ ธาตุอาหาร ออกซิเจน และที่ยึดพยุงลำต้นต้องสอดคล้องกัน จึงจะเห็นผลสำเร็จที่ตั้งไว้

2.การปลูกผักในน้ำ-https.www_.publicdomainpictures.netenview-image.phpimage261958picturehydroponic-farm
2.การปลูกผักในน้ำ-https.www_.publicdomainpictures.netenview-image.phpimage261958picturehydroponic-farm

ประเภทของการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน

ทั้งนี้การจัดกลุ่มแบ่งประเภทของการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินนั้นจะแยกออกเป็น 3 ประเภท คือ

1.การปลูกในน้ำ คือ พืชที่จะต้องปลูกโดยในรากนั้นแช่อยู่ในน้ำตลอดเวลา และทำให้มีสารละลายเป็นธาตุอาหารเพื่อให้รากดูดซึมสารละลายนั้นเพื่อให้ต้นพันธุ์ได้เจริญเติบโต ผลิตผลผลิตที่สมบูรณ์แข็งแรงยิ่งขึ้น จะแช่ไว้แบบโดยตรงและตลอดเวลา ทั้งนี้การปลูกพืชในน้ำนั้นก็มีอยู่หลากหลายวิธี โดยให้น้ำไหลผ่านบ้าง ปลูกในน้ำนิ่งบ้าง หรือเติมอากาศเข้าไป เป็นต้น

2.การปลูกในวัสดุปลูก โดยการปลูกแบบนี้จะมีวัสดุเข้ามาช่วยในการปลูก โดยเป็นอินทรียวัตถุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทราย กรวด ขี้เลื่อย โดยการปลูกส่วนใหญ่นั้นจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้น้ำว่าเป็นไปในทิศทางใด หรือลักษณะไหน และต้องมีสารละลายเป็นธาตุอาหารประกอบ เพื่อเพิ่มคุณภาพของพืชที่ปลูก

3.การปลูกในอากาศ เป็นระบบที่ใช้ในการฉีดพ่นสารละลายธาตุอาหารส่งไปยังพืชที่เพาะปลูก โดยวิธีนี้จะไม่ให้พืชนั้นแช่อยู่ในน้ำตลอดเวลา แต่จะเป็นการพ่นสารละลายธาตุอาหารในลักษณะหมอก เพื่อที่จะคงความชุ่มชื้นให้อยู่ในสภาพคงที่ตลอดเวลา โดยวิธีนี้จะนิยมทำให้พืชที่ไม่สามารถแช่อยู่ในน้ำได้นาน หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคทางดิน เมื่อปลูกนานเกิน 2 เดือน

โดยหลักการทั่วไปนั้น หลายๆ คนคงสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาปลูกพืชบนน้ำ เพราะปกติแล้วนั้นการปลูกพืชบนดินย่อมดีกว่าและเติบโตได้ดีอยู่แล้ว แต่หารู้ไม่ว่าสภาพดินในปัจจุบันหลายๆ แหล่ง ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทยเอง หรือต่างประเทศ เกิดปัญหาสภาพดินเสื่อมโทรมเป็นอย่างมาก และบางประเทศไม่สามารถที่จะปลูกพืชบนดินได้

โฆษณา
AP Chemical Thailand

การปลูกพืชบนน้ำหรือพืชที่ไม่ได้ปลูกบนดินก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ จึงเริ่มเป็นที่นิยมกันมาอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้การปลูกพืชประเภทบนน้ำหรือไม่ใช้ดินนั้นยังทำให้สามารถควบคุมดูแลได้อย่างเหมาะสม เพราะให้ผลผลิตและปริมาณที่เร็ว และค่อนข้างมีคุณภาพมากกว่าพืชในดินบางชนิดเสียอีก เลยทำให้เกิดการเพาะปลูกพืชที่ไม่ได้ปลูกบนดินนี้แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว

หลักการทั่วไปแล้วนั้นการปลูกพืชบนน้ำหรือปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินนั้นจะมีการใช้สารละลายธาตุอาหารจากสารธรรมชาติมาเป็นตัวช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตและหล่อเลี้ยงตัวพืชอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีสารพิษหรือโทษ เพราะอัตราการเจริญเติบโตของพืชในการปลูกแบบนี้จะโตได้เร็ว ให้ผลผลิตที่เร็ว ทำให้เก็บเกี่ยวได้เร็ว จึงทำให้ไม่มีโรคและแมลงเข้ามาวุ่นวาย มั่นใจได้ว่าปลอดภัย และปลอดสารพิษ อย่างแน่นอน

3.การเจริญเติบโตของพืชที่อยู่ในน้ำ-https.pixabay.comidphotosdanau-tanaman-tumbuh-kolam-14059
3.การเจริญเติบโตของพืชที่อยู่ในน้ำ-https.pixabay.comidphotosdanau-tanaman-tumbuh-kolam-14059

ลักษณะทั่วไปของการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน

ลักษณะทั่วไปของการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน หรือการปลูกพืชแบบใช้น้ำหรือบนน้ำนั้น จะแบ่งออกเป็น 3 ระบบ คือ ระบบ NFT, ระบบ DFT และระบบ DRFT โดยทั้ง 3 ระบบนี้จะมีวิธีการที่ใช้และปลูกแตกต่างกันออกไป โดยแบ่งได้ดังนี้

  • ระบบสารละลายธาตุอาหารไหลเป็นฟิล์มบาง (ระบบ NFT)

เป็นระบบที่มีความนิยมเป็นอย่างมากในการปลูกแบบไม่ใช้ดินหรือปลูกบนน้ำ โดยลักษณะจะทำให้น้ำที่ผสมสารละลายธาตุอาหารไหลผ่านแผ่นฟิล์มบางๆ โดยเป็นการหมุนเวียนระบบน้ำตลอดเวลาในการปลูก

  • ระบบสารละลายในธาตุอาหารลึก (ระบบ DFT)

การปลูกในระบบนี้จะเน้นให้รากมีการแช่อยู่ในสารละลายธาตุอาหาร โดยจะมีการนำวัสดุมาใช้ในการช่วยปลูก ไม่ว่าจะเป็นโฟม หรือวัสดุที่สามารถช่วยให้ต้นกล้าสามารถมีที่ยึดเกาะหรือสามารถลอยน้ำได้ เป็นอีกระบบที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันในการปลูกแบบไม่ใช้ดิน เพราะสามารถหาวัสดุทดแทนหรือเหลือใช้มาประยุกต์เป็นรางน้ำได้ ทำให้ประหยัดต้นทุนในหลายๆ ด้านไปได้พอตัว

  • ระบบรากแช่ในสารละลายธาตุอาหาร

ระบบนี้จะแตกต่างกับ 2 ระบบแรก เพราะจะนำรากแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกแช่น้ำไว้เพื่อดูดซับธาตุอาหารในน้ำและนำไปเลี้ยงต้น อีกส่วนก็ยกลอยขึ้นกลางอากาศ เพื่อให้รากส่วนนี้ได้รับอากาศได้อย่างเต็มที่ โดยระบบนี้จะทำให้ได้ธาตุอาหารและอากาศแบบรวดเร็ว ทำให้ต้นกล้าที่เพาะเจริญเติบโตเร็ว และให้ผลผลิตที่เร็วกว่า 2 ระบบแรก

โฆษณา
AP Chemical Thailand

นอกจากนี้ยังมีการปลูกแบบอื่นอีก นั่นคือ การปลูกแบบใช้วัสดุที่ไม่ใช้ดิน นั่นคือ การใช้วัสดุอินทรียวัตถุมาช่วยในการปลูก โดยระบบนี้จะนิยมมากในเขตพื้นที่ที่มีน้ำน้อย เหมาะสำหรับใช้ในการปลูกพืชระยะยาว และอีกวิธี คือ การปลูกพืชแบบรากลอย โดยวิธีนี้จะใช้วิธีการพ่นสารละลายในธาตุอาหารแทนการให้รากจุ่มลงในน้ำ โดยจะพ่นธาตุอาหารในรูปแบบคล้ายหมอกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ต้นกล้านั้นได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ ได้รับธาตุอาหารอย่างเต็มที่

4.การปลูกพืชไร้ดิน การปลูกผักออแกนิกสำหรับพืชไม่ใช้ดิน-https.www_.publicdomainpictures.netenview-image.phpimage261951picturehydroponic-farm
4.การปลูกพืชไร้ดิน การปลูกผักออแกนิกสำหรับพืชไม่ใช้ดิน-https.www_.publicdomainpictures.netenview-image.phpimage261951picturehydroponic-farm

การบริหารจัดการแปลงปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน

การปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินนั้น นอกจากจะช่วยเพิ่มพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดแล้ว ในปัจจุบันนั้นยังเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศ หรือแม้แต่ในประเทศเอง ก็มีการหันมาปลูกกันอย่างมากขึ้น โดยผลผลิตที่ได้นั้นนอกจากจะได้เร็วกว่าการปลูกแบบปกติ

พืชผักที่ปลูกแบบระบบไม่ใช้ดินนี้ยังให้รสชาติและคุณภาพที่ดีกว่า เพราะไม่ต้องสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์เพื่อพัฒนาระบบราก เพราะต้นพืชจะมีการดูดซึมธาตุอาหารอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้พืชมีการเจริญเติบโตที่เร็ว และแข็งแรงมากขึ้น

เนื่องจากการปลูกพืชแบบนี้นั้นไม่ได้ปลูกบนดินแบบปกติ การลงทุนในการสร้างแปลงปลูกนั้นย่อมมีค่าใช้จ่ายเป็นธรรมดา นี่เป็นสาเหตุว่าทำไม การปลูกพืชไร้ดิน จึงมีต้นทุนที่สูง เพราะนอกจากค่าเมล็ดพันธุ์ต้นกล้าแล้ว ปัจจัยโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ อุปกรณ์ ในการลงทุนทำแปลงก็ย่อมสูงตาม แต่ก็มีการนำของเหลือใช้มาประกอบด้วยก็ได้ ทำให้พืชจากการปลูกแบบนี้นิยมเป็นพืชเศรษฐกิจเสียมากกว่า

นอกจากต้องการจะปลูก คนที่ปลูกเองสำคัญเลย คือ ต้องมีความรู้และความเข้าใจด้วย เพราะพืชที่ปลูกแบบนี้จะโตเร็ว และทำให้เกิดความเสียหายได้ง่ายและเร็ว จึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องมีความเข้าใจในเรื่องการปลูกพืชแบบนี้เป็นอย่างดี

นอกจากจะเป็นพืชที่ปลูกแบบไม่ใช้ดินแล้วนั้น สารพิษที่หลายคนยังกังวลนั้นก็แทบไม่มีเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ได้ปลูกในพื้นดิน ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้าง และมีความสะอาดมากกว่าการปลูกบนพื้นดินอย่างแน่นอน คุณค่าทางโภชนาการก็ย่อมดีกว่าการปลูกในดิน และการคงคุณประโยชน์ของตัวพืชผักไว้นั้นก็เป็นส่วนที่สำคัญเหมือนกัน ซึ่ง การปลูกพืชไร้ดิน นี้ก็มีคุณประโยชน์ที่ครบถ้วนเพราะคงคุณค่าสารอาหารในผักไว้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งต่างจากการปลูกแบบใช้ดิน

โฆษณา
AP Chemical Thailand

นอกจากจะช่วยประหยัดเรื่องค่าใช้จ่ายในการปลูก การเตรียมพื้นที่ แล้ว การปลูกแบบไม่ใช้พื้นดินนั้นยังช่วยลดปัญหาการใช้เชื้อเพลิงในการลงแรงปลูก เพราะเราสามารถใช้พลังงานจากธรรมชาติ หรือนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากมาย ลดภาวะโลกร้อนจากการใช้เครื่องมือทางการเกษตรไปได้อีกทางหนึ่งด้วย

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเลย คือ การเลือกพันธุ์ผักที่จะปลูก ควรเน้นเป็นผักที่ไว้ทานเอง และให้คนในครอบครัวได้ทานอยู่เสมอ ต้องเป็นผักที่ใช้บริโภคบ่อยๆ มิเช่นนั้นอาจจะทำให้ลืมได้

5.แปลงปลูกพืชในน้ำ-https.www_.publicdomainpictures.netpictures40000velkawater-plant
5.แปลงปลูกพืชในน้ำ-https.www_.publicdomainpictures.netpictures40000velkawater-plant

สภาพพื้นที่ปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน

การเลือกสถานที่ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการเลือกสถานที่นั้นมีผลต่อการทำแปลง และการเจริญเติบโตของผักที่จะปลูก สภาพอากาศก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอีกทางหนึ่งของการปลูกผักแบบไม่ใช้ดิน เพราะแสง อากาศ ต้องเหมาะสมและสอดคล้องกัน เพื่อที่ผักจะได้เจริญเติบโต และได้รับธาตุอาหารอย่างเต็มที่

วัสดุที่นำมาใช้นั้นส่วนใหญ่แล้วถ้าจะทำก็จะเป็นพวกท่อพีวีซี หรือวัสดุที่เหลือใช้ ที่สามารถทำให้น้ำนั้นไหลผ่านหมุนเวียนได้สะดวก ซึ่งในปัจจุบันก็มีแปลงสำเร็จรูปจำหน่ายอยู่แล้ว เราสามารถเลือกซื้อและหาแบบที่เราต้องการได้ในทันที แต่ต้องไม่ลืมว่าเรามีพื้นที่ที่พอดีกับแปลงที่จะใช้ด้วยนะ

ตามหลักทั่วไปของการปลูกพืชนั้น พืชจำเป็นต้องมีธาตุอาหารที่ได้รับในแต่ละครั้ง เพื่อที่จะเจริญเติบโตและให้ผลผลิตแก่ผู้ที่ปลูก นอกจากน้ำ อากาศ และแสงแดด แล้ว พืชยังจำเป็นที่จะต้องรับธาตุอาหารชนิดอื่นๆ อีก โดยธาตุอาหารที่พืชจะได้รับนั้นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริม

ธาตุอาหารหลัก ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซึ่งทั้ง 3 ตัวนี้จะเป็นธาตุอาหารหลักที่ช่วยในการสังเคราะห์แสง ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้เร็ว ช่วยสร้างโปรตีน ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพ และช่วยในการยับยั้งการเกิดโรคต่างๆในพืช

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ธาตุอาหารรอง ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม และกำมะถัน ทั้ง 3 ตัวนี้จะช่วยให้การแบ่งเซลล์ สังเคราะห์วิตามิน

และกรดอะมิโนต่างๆ ช่วยให้พืชเจริญเติบโตแข็งแรงและทนทานต่อความเย็น และยังปรับสมดุลของพืชให้มีความเป็นกลาง

ธาตุอาหารเสริม ได้แก่ โบรอน ทองแดง คลอรีน เหล็ก แมงกานีส โมลิบดีนัม สังกะสี และนิกเกิล กลุ่มสุดท้ายนี้จะ

ช่วยให้ควบคุมสารอาหารที่จำเป็นต่อพืช ช่วยสร้างระบบสืบพันธุ์ในพืช กระตุ้นการย่อยอาหารสำหรับพืช สร้างคลอโรฟิลล์ ช่วยในการทำงานของเอนไซม์ สังเคราะห์โปรตีนได้ดี และช่วยสร้างฮอร์โมนออกซิน คลอโรฟิลล์ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของการเติบโตในพืชให้ดีขึ้น

6.พืชโตเร็วและแข็งแรงสมบูรณ์มากขึ้น-https.upload.wikimedia.orgwikipediacommons882Stratiotes_aloides_LC0258
6.พืชโตเร็วและแข็งแรงสมบูรณ์มากขึ้น-https.upload.wikimedia.orgwikipediacommons882Stratiotes_aloides_LC0258

วิธีการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน

การปลูกพืชไร้ดิน นั้นจะมีการแบ่งประเภทการปลูกออกเป็น 3 แบบ โดยใช้การปลูกแบบปลูกในน้ำ ปลูกแบบใช้วัสดุปลูก และการปลูกในอากาศ ซึ่งแต่ละแบบจะได้รับธาตุอาหารที่เหมือนหรือแบบเดียวกัน แต่วิธีการให้นั้นจะแตกต่างกันเล็กน้อย

  • การปลูกในน้ำ ตัวรากจะทำการดูดสารอาหารในรูปแบบสารละลายเข้าไปทางราก โดยธาตุอาหารที่ได้รับจะเป็น

พวกคาร์บอน, ออกซิเจน, ไฮโดรเจน, ไนโตรเจน และพวกธาตุอาหารเสริมต่างๆ ซึ่งรากจะทำการดูดซึมธาตุอาหารที่เป็นสารละลายเข้าไปผ่านราก

โฆษณา
AP Chemical Thailand
  • การปลูกแบบวัสดุปลูก จะแตกต่างกับการปลูกแบบในน้ำปกติ เพราะเทคนิคการให้น้ำและธาตุอาหารต้องมีการ

ทดลองและเรียนรู้ตลอดเวลา เนื่องจากความถี่ในการให้นั้นจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาใช้ การได้รับธาตุอาหารนั้นจะได้รับประเภทไนโตรเจน, ออกซิเจน, คาร์บอน, ไฮโดรเจน และธาตุอาหารเสริม ตามลำดับ

  • การปลูกในอากาศ ซึ่งการปลูกประเภทนี้จะมีสารละลายและธาตุอาหารที่อิ่มตัวอยู่แล้ว เนื่องจากการฉีดพ่นน้ำนั้น

ต้องทำอยู่ตลอดเวลา เพื่อคงความชื้นให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา โดยสารละลายธาตุอาหารจะเป็นตัวกระตุ้นให้รากเจริญเติบโตขึ้น ธาตุอาหารที่ได้รับจะเป็นพวกเหล็ก, คลอรีน, โบรอน, แมงกานีส หรือธาตุอาหารเสริม และมีธาตุอาหารหลักบางส่วนมาเสริม เช่น ไนโตรเจน เป็นต้น เนื่องจากเป็นรูปแบบปลูกในอากาศ ออกซิเจนและคาร์บอนจึงมีอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องเสริมธาตุอาหารหลักเข้าไปมาก

7.ผักปลอดสารพิษ-และได้คุณภาพ-https.upload.wikimedia.orgwikipediaenccbWaterlettuce
7.ผักปลอดสารพิษ-และได้คุณภาพ-https.upload.wikimedia.orgwikipediaenccbWaterlettuce

ฝากถึงผู้ที่สนใจ การปลูกพืชไร้ดิน

การปลูกพืชที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับคนที่จะเริ่มปลูกพืช แต่มีพื้นที่ใช้สอยที่จำกัด  เพราะการปลูกพืชที่ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นมาก อย่าง การปลูกพืชที่ไม่ใช้ดินนี้เหมาะสำหรับการปลูกพืชในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ หรือแม้กระทั่งคอนโด ก็สามารถปลูกได้ เพียงเริ่มที่จะศึกษาหาข้อมูลในการปลูกก่อนเป็นอันดับแรก

หลังจากนั้นก็หาวัสดุ อุปกรณ์ ที่เหลือใช้ เช่น กะละมัง ถังน้ำเล็กๆ หรือวัสดุที่สามารถใส่น้ำ และให้น้ำไหลผ่านได้สะดวก เพียงเท่านี้ก็สามารถปลูกพืชบนน้ำโดยไม่ต้องใช้ดินได้แล้ว การปลูกพืชบนน้ำ หรือเรียกอีกอย่างว่า การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ เป็นการเพาะปลูกแนวใหม่ที่เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นในยุคปัจจุบัน เพราะไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ อีกทั้งเป็นผักปลอดสารพิษอย่างแน่นอน และมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะการคงคุณค่าในผักที่อุดมไปด้วยประโยชน์มากมาย

บทความข้างต้นเป็นเพียงการกล่าวอ้างถึงแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจ และนำไปศึกษาต่อได้อย่างไม่ยากนัก เพราะการปลูกพืชในน้ำหรือไม่ใช้ดินนั้น จำเป็นต้นมีความรู้เบื้องต้นเสียก่อนที่จะเริ่มปลูก บทความนี้คงมีประโยชน์ที่น่าจะนำไปใช้ได้สำหรับผู้ที่จะเริ่มปลูก และที่สำคัญเลยต้องไม่ลืมว่าสารละลายในธาตุอาหารในน้ำนั้นคืออะไร และใช้อะไรได้บ้าง

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิงบทความ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

http://www.h2ohydrogarden.com/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%AE%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%8C.html,https://www.sentangsedtee.com/farming-trendy/article_81595, https://sites.google.com/a/surinpakdee.ac.th/phak-hi-do-r-po-ni-ks2/pra-yon-ch-khxng-phak-hi-do-r-po-ni-ks