ปลูกผักในกระถาง การดูแล-การเปลี่ยนกระถาง ข้อดีข้อเสียของกระถางแต่ละชนิด

การปลูกพืชในกระถาง

การปลูกพืชในกระถางเป็นการปลูกแบบง่ายๆ ใช้พื้นที่ไม่มาก เหมาะสำหรับคนที่อาศัยอยู่พื้นที่จำกัด หรือในชุมชนเมืองหลวง อย่างเช่น กรุงเทพฯ เป็นต้น เพราะนอกจากจะช่วยให้ประหยัดเวลาในการดูแล้ว ยังช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม และหอพักทั่วไป เพราะชุมชนเมืองส่วนใหญ่แล้วการจะปลูกพืชผัก หรือผลไม้เล็กๆ ไว้ในห้องหรือบ้านนั้น ทำได้ยาก เนื่องจากมีปริมาณพื้นที่ใช้สอยที่จำกัด ทำให้การปลูกพืชในกระถางเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว

การปลูกพืชในกระถางนั้นนับอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่สนใจจะปลูกพืชผักเล็กๆ ไว้ทานเองที่บ้าน หรือตามหอพัก และคอนโด เพราะใช้พื้นที่น้อย อีกทั้งยังสามารถปลูกซ้ำหรือเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ทำไมถึงต้อง ปลูกผักในกระถาง ต้นไม้ ถ้าให้เห็นภาพเลย คือ พื้นที่ในเขตชุมชนเมือง อย่าง กรุงเทพมหานครเอง เป็นเขตชุมชนเมือง ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามหอพักและคอนโด ทำให้พื้นที่ใช้สอยมีค่อนข้างจำกัด การ ปลูกผักในกระถาง หรือปลูกต้นไม้เลยเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับชุมชนเมืองอย่างแน่นอน นอกจากวัสดุจะหาได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก การดูแลก็ง่าย ทำให้เหมาะแก่การเพาะปลูกพืชเล็กๆ ที่สามารถทานได้แบบสบายๆ

การ ปลูกผักในกระถาง ต้นไม้นั้น ตามหลักแล้วจะมีหลายวิธี แล้วแต่คนที่ปลูกจะถนัด  แต่การดูแลก็เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง การดูแลในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการ ปลูกผักในกระถาง  เนื่องจากพืชในกระถางต้นไม้นั้นค่อนข้างบอบบางและอ่อนแอกว่าพืชที่ปลูกในดินแปลงใหญ่ๆ ธาตุอาหารที่ได้ก็ต่างกัน ฉะนั้นการจะปลูกพืชเพื่อบริโภคไว้ในกระถางต้นไม้นั้น วัสดุที่เตรียมนำมาปลูกต้องเหมาะสม พืชที่นำมาปลูกนั้นต้องเป็นพืชที่มีการบริโภคอยู่เป็นประจำ การเลือกกระถางต้นไม้ที่จะนำมาปลูกต้องดูด้วยว่าเราจะเริ่มปลูกอะไร พืชชนิดไหน เล็กหรือใหญ่ขนาดไหน อีกทั้งมีพื้นที่ที่พอดีหรือไม่ ปัจจัยต่างๆ ต้องสอดคล้องกัน นี่เป็นเหตุผลที่ว่าการ ปลูกผักในกระถาง นอกจากจะประหยัดพื้นที่ก็จริง แต่ก็ไม่ควรมองข้ามในเรื่องของรายละเอียดเล็กๆ เลย

กระถางต้นไม้ ถ้าให้เรียกง่ายๆ ก็คือ ภาชนะที่นำมาใส่ดินเพื่อที่จะใช้ลงปลูกพันธุ์ไม้ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไม้ดอกไม้ประดับ หรือพืชผักสวนครัวเล็กๆ อย่างเช่น พริก ต้นหอม ผักชี  ทั้งนี้กระถางที่นำมาปลูกนั้นจะมีประเภทและขนาดที่แตกต่างกันออกไป ตามแต่ละคนที่จะนำพืชหรือต้นไม้ชนิดนั้นๆ มาปลูก

ข้อดีและข้อเสียของกระถางแต่ละชนิด

โดยภาชนะที่จะใช้ในการปลูกต้นไม้หรือพืชผักนั้น ก็จะมีการแบ่งแยกประเภทกันออกไป และก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน โดยคร่าวๆ แบ่งได้ตามลักษณะดังนี้

กระถางดินเผา

เกิดจากการที่นำดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ จากนั้นก็นำไปเข้าเตาเผา โดยส่วนใหญ่แล้วรูปร่างก็จะแตกต่างกันออกไปตามลักษณะการปั้นของช่างแต่ละที่ ซึ่งแต่ก่อนนั้นในการทำกระถางจากดินเผาจะมีรูปร่างและรูปทรงที่คล้ายๆ กัน คือ เป็นทรงกระบอกบ้าง ทรงกลมบ้าง แล้วแต่ความถนัดของช่างในยุคนั้น แต่ปัจจุบันมีการปั้นเป็นรูปร่างที่แปลกใหม่มากขึ้น ทำให้สามารถเลือกซื้อรูปทรงที่ผู้บริโภคต้องการได้มากขึ้น

ข้อดีและข้อเสียของการใช้กระถางประเภทดินเผา

ถ้าให้พูดถึงข้อดีของกระถางประเภทดินเผา ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงต้องบอกว่ามีลักษณะสีสันที่เรียบง่าย ดูเป็นธรรมชาติ และเป็นที่นิยมกันอยู่แล้ว อีกทั้งการระบายน้ำออกจากกระถางก็ทำได้ดี โดยกระถางดินเผาจะมีรูพรุนตามจุดต่างๆ รอบๆ กระถางอยู่แล้ว และยังช่วยให้การเจริญเติบโตของรากได้ดี เพราะมีรูพรุนอยู่ทั่วรอบๆ กระถาง

ในส่วนของข้อเสียนั้น เนื่องจากกระถางเป็นรูปแบบดินเผา ทำให้ค่อนข้างเปราะบาง เมื่อมีของแข็งมากระทบแรงๆ ก็ทำให้แตกได้ง่าย อีกทั้งมีน้ำหนักที่มาก และราคาก็ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับแต่ก่อน และการทำความสะอาดก็ทำได้ยาก เมื่อปล่อยไว้นานก็จะทำให้เกิดตะไคร่ พอเกิดตะไคร่แล้วนั้นก็ไม่สามารถปลูกได้ เพราะตะไคร่จะไปเกาะตามขอบภายในกระถาง และเริ่มแผ่ขยายจนไม่สามารถทำให้ปุ๋ยและน้ำทำงานได้เต็มที่

กระถางเคลือบเซรามิก

เป็นกระถางที่มาจากกระถางดินเผา แต่มีการผ่านกระบวนการนำไปเคลือบเซรามิกเพื่อเกิดความคงทน และมีสีสันที่สวยงามแปลกใหม่กว่ากระถางดินเผาที่ใม่มีการเคลือบด้วยเซรามิก นอกจากนี้ยังมีการออกแบบหลายรูปทรงเพื่อให้เหมาะกับผู้ใช้

ข้อดีและข้อเสียของกระถางเคลือบเซรามิก

กระถางที่ผ่านการเคลือบเซรามิกแล้วนั้นผิวด้านนอกกระถางจะมีความมันและลื่น ทำให้ไม่เกิดขี้เกลือและตะไคร่น้ำมาเกาะได้ง่าย เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจว่าสะอาดอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังทำความสะอาดได้ง่าย มีลวดลายและสีสันที่สวยงาม

ข้อเสียของการเคลือบเซรามิกจะทำให้อากาศที่มีเข้าได้ยาก อีกทั้งช่องระบายน้ำต่างๆ ความร้อน และความชื้นไม่เท่ากัน และมีราคาค่อนข้างสูง แตกหักง่าย น้ำหนักมาก ทำให้ลำบากในการเคลื่อนย้าย ถ้าซื้อกระถางขนาดกลางหรือใหญ่มา

กระถางพลาสติก

ทำมาจากพลาสติกเนื้อแข็ง นำมาใช้ทำกระถาง และมีการทำที่ผลิตเป็นหลากหลายรูปทรง เป็นวัตถุที่ใช้ง่าย สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก มีน้ำหนักที่เบา

ข้อดีและข้อเสียของกระถางพลาสติก

ข้อดี คือ มีน้ำหนักที่เบา เคลื่อนย้ายได้ง่าย และทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และยังไม่ค่อยเกิดตะไคร่มาเกาะบริเวณข้างกระถาง เนื่องจากเป็นพลาสติกชนิดแข็ง ทำให้เวลาเสื่อมสภาพแล้วการทำลายค่อนข้างยาก เพราะเป็นพลาสติกที่ผ่านการแปรรูปแล้ว อีกทั้งทำให้เกิดสภาวะขยะล้นได้ง่ายๆ เนื่องจากเป็นวัสดุที่ใช้เวลาในการย่อยสลายนาน ทำให้ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนได้ และพืชที่ปลูกถ้าใส่น้ำในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้พืชชนิดนั้นเน่าและตายได้ง่าย เมื่อวางไว้ในที่แดดจัดจะทำให้กรอบและแตกได้ง่ายขึ้น

กระถางไม้

กระถางที่ทำมาจากไม้โดยมีหลากหลายรูปแบบ และหลายขนาด อีกทั้งยังมีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากวัสดุที่ใช้เป็นไม้ ราคาก็จะเพิ่มหรือลดลง แล้วแต่ประเภทของไม้ที่นำมาใช้แปรรูปเป็นกระถาง

ข้อดีและข้อเสียของกระถางไม้

โดยทั่วไปการใช้กระถางไม้จะทำให้ผู้ที่ซื้อไปใช้นั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับได้สัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ ในพื้นที่เล็กๆ ของตนเอง โดยกระถางไม้ก็มีให้เลือกหลายแบบ หลายขนาด ขึ้นอยู่กับต้นไม้หรือพืชที่จะปลูก กระถางไม้จะเก็บความชื้นได้ดี เพราะตัวกระถางเป็นไม้ ทำให้คงความชื้นได้นาน

แต่ข้อเสียก็คือ มีราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้การเลือกซื้อหรือหากระถางไม้มาใช้ในการปลูกแต่ละครั้งนั้นค่อนข้างคิดนานพอสมควร นอกจากนี้ถ้ากระถางไม้ที่ใช้อยู่นั้นเปียกหรือชื้นอยู่ตลอดเวลา ก็จะทำให้เกิดเชื้อราหรือโรคต่างๆ ตามมาได้ นอกจากนี้ถ้าทิ้งให้โดนแดดเป็นเวลานานตัวกระถางไม้ก็จะผุพังได้ง่ายเช่นกัน

กระถางโลหะ

เป็นกระถางที่ทำมาจากวัสดุเหลือใช้สำหรับผู้ที่ทำงานช่าง หรือมีพื้นในการทำงานประเภทช่างต่างๆ กระถางโลหะนั้นหาได้ง่าย ตามพื้นที่แหล่งโรงงาน ตามบ้านที่ทำอยู่ นอกจากนี้การใช้กระถางโลหะยังทำให้รู้สึกถึงความคลาสสิก และทันสมัย ในเวลาเดียวกัน เพราะกระถางโลหะสามารถนำไปขัดเพื่อเพิ่มความเงางามหรือให้เกิดความเก่าได้

ข้อดีและข้อเสียของกระถางโลหะ

ลักษณะทั่วไปนั้นจะมีน้ำหนักที่เบา สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย และสะดวก อีกทั้งถ้าผ่านการขัดเงาจะทำให้ไม่เกิดตะไคร่เกาะตามบริเวณขอบกระถางหรือภายในกระถางได้ง่าย

แต่ข้อเสียของกระถางชนิดนี้ คือ อากาศสามารถเข้าได้ทางเดียว ถ้าไม่ได้เจาะรูตามข้างๆ กระถาง อีกทั้งยังทำให้เกิดสนิมได้ง่าย ถ้าหากมีการเปียกน้ำเป็นเวลานาน ถ้าไม่หมั่นดูแลพืชที่ปลูกในกระถางชนิดนี้อาจจะเสียหายได้

นอกจากกระถางดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีกระถางประเภทอื่นๆ อีกประปรายที่สามารถให้ผู้ที่ต้องการปลูกต้นไม้ หรือพืช ภายในบ้าน คอนโด หรือ หอพักเล็กๆ สามารถเลือกซื้อและสืบหาข้อมูลต่างๆ ได้อีกมากมาย

โดยปกติแล้วถ้าเป็นกระถางดินเผาทั่วไป หรือกระถางทั่วไปนั้น การใช้งานจะอยู่ที่ 1-2 ปี ก็ควรที่จะเปลี่ยนกระถางใหม่ได้ แต่ถ้าเป็นกระถางโลหะให้สังเกตว่าถ้าเริ่มมีสนิมแล้วก็สามารถเปลี่ยนกระถางใหม่ได้ทันที หรือถ้าเป็นกระถางประเภทไม้ ถ้าเริ่มมีราดำขึ้นหรือตะไคร่เกาะแล้วนั้นก็ให้ทำการเปลี่ยนกระถางใหม่ได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องรอระยะเวลาจนครบปี ทั้งนี้กระถางบางชนิดอาจจะมีราคาที่สูง การทำความสะอาดก็อาจจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง อย่างเช่น กระถางที่เคลือบเซรามิก จะสามารถนำมาล้างทำความสะอาดแล้วนำกลับไปใช้ปลูกต้นใหม่แทนได้

หลักสำคัญในการเลือกซื้อกระถาง

หลักสำคัญในการเลือกซื้อกระถางนั้นอย่างแรกเลย คือ

• รูปร่างของกระถาง ควรเลือกซื้อกระถางมีขนาดพอเหมาะกับต้นไม้ที่จะทำการปลูก
• วัสดุที่ใช้ในการทำกระถาง ควรเลือกลักษณะที่จะสามารถทำให้ต้นไม้นั้นมีความโดดเด่นควบคู่กับตัวกระถางด้วย

โดยต้นไม้แต่ละชนิดก็จะแตกต่างกันออกไปตามรูปร่าง และลักษณะ ฉะนั้นก่อนจะเลือกซื้อกระถางควรนึกถึงก่อนว่าเราจะปลูกต้นไม้อะไร

• สีของกระถาง โดยทั่วไปแล้วการปลูกต้นไม้นั้น นอกจากวัสดุ รูปร่าง สี และขนาด ของกระถาง ก็เป็นสิ่งสำคัญ

เทคนิคการเปลี่ยนกระถาง

ตามลักษณะทั่วไปของต้นไม้นั้น เมื่อต้นไม้มีการเจริญเติบโตอยู่ตลอดเวลา ในกรณีนี้จะเริ่มสังเกตได้ในทันทีเมื่อต้นไม้หยุดการเจริญเติบโต และไม่สามารถรับน้ำได้อีกต่อไป ให้เราดูที่รากของต้นไม้ในกระถางใบนั้นได้เลย เพราะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนกระถางแล้ว เพราะบางต้นอาจจะมีรากเยอะมากจนไม่สามารถอยู่ในกระถางที่มีขนาดเล็กได้ หรือตัวต้นไม้เริ่มมีสีซีด เพราะไม่สามารถดูดซับสารอาหารได้ จึงจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนกระถางที่ใหญ่กว่าเดิม หรือไม่อาจจะปลูกในกระถางอื่นเพิ่มเติมแทนได้

โดยปกติแล้วการ ปลูกผักในกระถาง นั้น ถ้าเป็นต้นไม้ที่มีอายุสั้นจะทำการเปลี่ยนกระถางใหม่ทุกๆ ปี ในส่วนของต้นไม้ที่มีอายุมากหน่อยนั้นก็จะทำการเปลี่ยนกระถางทุก 2-3 ปี โดยเทคนิคในการเปลี่ยนกระถางนั้น เริ่มแรกเราจะต้องเด็ดใบที่แห้งออกก่อน จากนั้นจึงทำการตัดแต่งกิ่งให้ได้รูปแบบตามที่เราต้องการ แนะนำว่าห้ามใช้มือดึงโดยเด็ดขาด

หลังจากขั้นแรกเสร็จแล้วให้คว่ำกระถางลง และใช้มือกุมโคนต้นไว้เพื่อไม่ให้ต้นไม้ร่วงออกมาจากกระถาง และเขย่ากระถางเบาๆ ถ้ากระถางเป็นแบบมีรูข้างใต้ให้ใช้นิ้วโป้งกดลงที่รูเพื่อให้ดันดินออกมา ในกรณีที่เป็นกระถางใบใหญ่และไม่สามารถคว่ำได้นั้นให้ใช้ช้อนปลูกต้นไม้อันเล็กแซะรอบๆ ดินในกระถางออก ถ้ายังไม่คลายตัวให้รดน้ำพอชุ่ม ทิ้งไว้สักพัก และค่อยๆ ดันดินออกมาเบาๆ หลังจากนั้นให้เอียงกระถางเล็กน้อย แล้วใช้วิธีการดึงจากโคนต้นออกมาเบาๆ  ถ้าปากกระถางมีความแคบมากอาจจะใช้วิธีทุบเพื่อให้กระถางนั้นแตกออกแทน

จากนั้นให้นำดินที่เหลือไปผสมกับกาบมะพร้าวสับและใบก้ามปู หรือวัสดุอินทรีย์อื่นๆ ในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 เพื่อนำมารองก้นกระถางใบใหม่ พอเสร็จจึงนำต้นไม้ที่ย้ายจากกระถางเก่ามาแล้วนั้นลงปลูกในกระถางใหม่ และกลบดินซ้ำ จากนั้นให้กดดินเบาๆ จนแน่นพอดี พอเสร็จให้ทำการเขย่ากระถางลงพื้นเบาๆ เพื่อเติมอากาศเข้าไป

หลังจากที่เราทำวิธีการข้างต้นเสร็จหมดนั้น ก็ให้ทำการใส่ปุ๋ย โดยปุ๋ยที่ใช้นั้นจะเป็นปุ๋ยออสโมโค้ท หรือปุ๋ยอินทรีย์ก็ได้ โดยโรยลงบนปากกระถางประมาณ 1 กำมือ และรดน้ำให้ชุ่ม ในช่วงที่เปลี่ยนกระถางใหม่ๆ ไม่ควรนำต้นไม้ที่เพิ่งเปลี่ยนกระถางใหม่นั้นออกโดนแสงแดดจัดในทันที เพราะจะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ช้า ควรวางไว้ในที่ที่แดดนั้นส่องพอถึง หรือแดดรำไรก่อน

การจำหน่ายกระถางประเภทต่างๆ

ราคาโดยทั่วไปนั้นปกติแล้ว ถ้าเป็นกระถางประเภทดินเผาราคาจะดูที่รูปทรงและขนาด จะมีตั้งแต่ 30-1,000 บาทขึ้นไป เลยทีเดียว และถ้าเป็นกระถางต้นไม้พลาสติกราคาจะถูกลงมาหน่อย โดยส่วนใหญ่ราคาจะตกใบละ 3-20 บาท ซึ่งจะต่างกันตามขนาดของกระถาง จึงเป็นกระถางที่มีความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่ากระถางอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีกระถางไม้ซึ่งราคาก็ไม่สูงมากนัก แต่ก็ต้องดูด้วยว่าไม้ที่นำมาใช้เป็นไม้อะไร โดยราคาจะอยู่ที่ 50-1,000 บาทขึ้นไป และกระถางประเภทสุดท้ายกระถางเคลือบเซรามิก โดยกระถางประเภทนี้จะมีราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากเป็นกระถางที่ผ่านการเคลือบเซรามิกมาแล้ว ทำให้มีความคงทน และป้องกันคาบตะไคร่ได้ดี อีกทั้งยังมีสีสันที่สวยงาม รูปร่างที่แปลกใหม่ ทำให้เป็นที่สนใจในกลุ่มคนปลูกต้นไม้ขนาดเล็กจำนวนมาก โดยราคาจะอยู่ที่ 100 บาท ไปจนถึงหลัก 1,000 บาท เลยทีเดียว

ประเภทของกระถางที่ใช้ปลูกพืชผัก

การเลือกกระถางที่จะนำมาปลูกก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการที่จะปลูกพืช หรือต้นไม้ แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งเลยก็คือ การเลือกประเภทของภาชนะที่จะมาเพื่อเตรียมปลูกพืชว่ากระถางแต่ละชนิดนั้นเหมาะสมกับพืชที่จะปลูกหรือไม่ เพราะพืชหรือต้นไม้แต่ละชนิดนั้นความต้องการในการเติบโตไม่เหมือนกัน สภาพการปลูกในกระถางก็ต้องมีลักษณะที่ต่างกัน ทั้งนี้เรามาดูกันว่าแต่ละประเภทเหมาะสมกับภาชนะหรือกระถางประเภทไหนกันบ้าง

• ภาชนะหรือกระถางที่ใช้ในการเลี้ยงต้นอ่อน

โดยทั่วไปแล้วการจะเพาะต้นกล้า หรือต้นอ่อนนั้น ควรใช้กระถางที่เป็นกระถางชั่วคราวก็ได้ เพราะเมื่อต้นกล้าหรือต้นอ่อนเริ่มโตจนสามารถนำไปปลูกในดินได้นั้น ก็ต้องนำกระถางไปทิ้ง หรือไม่ได้ใช้ หรืออาจจะนำไปทำอย่างอื่น ทางที่ดีกระถางหรือภาชนะที่เหมาะกับการเพาะเลี้ยงต้นอ่อนนั้นควรเป็นวัสดุเหลือใช้ หรือเป็นวัสดุธรรมดา ที่หาง่าย ราคาไม่แพง มาดัดแปลงเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะแก่การเพาะต้นอ่อน

• ภาชนะที่ใช้เลี้ยงพันธุ์ไม้บางชนิด

โดยภาชนะประเภทนี้จะไว้ใช้ปลูกกับพันธุ์ไม้ หรือไม้ดอกไม้ประดับ ที่ต้องการการชอนไชของราก เพื่อรับอาหาร แสง และอากาศ ควรจะเป็นกระถางที่มีรูระบายน้ำ และอากาศ สามารถผ่านได้ดี เหมาะแก่การปลูกกล้วยไม้ ไม้เลื้อย ไม้ประดับ ที่ใช้น้ำและแสงเป็นตัวกระตุ้นในการเติบโต กระถางประเภทนี้จะเป็นพวกกระถางดิน กระถางไม้ กระเช้า เป็นต้น โดยทั่วไปก็สามารถหาซื้อได้ง่าย หรือจะทำขึ้นมาเองก็ได้

• ภาชนะที่ใช้เพื่อประดับตกแต่งให้ความสวยงาม

ในการปลูกต้นไม้ในกระถางนั้น นอกจากจะปลูกเพื่อเพาะเลี้ยง ปลูกเพื่อบริโภค อีกเหตุผลหนึ่ง คือ ปลูกเพื่อความสวยงาม รูปทรง สีสัน ลวดลายความสวยงามของกระถางนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการเลือกปลูกไม้ประดับคู่กับกระถางที่สวยงาม และมีเอกลักษณ์ จะทำให้ผู้พบเห็นจดจำไปได้อีกนาน อีกทั้งการเลือกกระถางให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ก็สำคัญ เพราะจะทำให้ดูน่าหลงใหล และน่าค้นหามากยิ่งขึ้น หากกระถางนั้นมีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม หรือไม่ก็อาจจะเป็นกระถางประเภทแขวนน่ารักๆ สักชิ้นก็ดี

วิธีการ ปลูกผักในกระถาง

โดยหลักทั่วไปนั้นการปลูกพืชผักในกระถางต้นไม้เพื่อให้ได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น เพราะการปลูกในกระถางจะทำให้ประหยัดพื้นที่ และเหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีพื้นที่จำกัด ทั้งยังสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย หรือจะนำไปอยู่รวมกับไม้ประดับอื่นๆ ก็ทำได้ มาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรมาก สำหรับคนพื้นที่น้อยที่จะปลูกพืชผักในกระถางเพื่อไว้ทานเอง

ในการจะปลูกต้นไม้ลงกระถาง สิ่งสำคัญเลย คือ การเตรียมวัสดุอุปกรณ์  ควรเลือกวัสดุที่มีขนาดพอดีกับพืชที่จะปลูก หรือไม่ก็เป็นวัสดุเหลือใช้ที่ไม่ได้ใช้แล้ว นำมาประดิษฐ์ขึ้นใหม่เพื่อให้รูปทรงที่เหมาะสมกับการจะปลูกพืชชนิดนั้นๆ

ในการเลือกพืชหรือผักที่จะนำมาปลูกนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะควรเป็นพืชที่บริโภคในชีวิตประจำวันในทุกๆ วัน และผักจะต้องเหมาะสมกับกระถางที่เลือกมาปลูกในแต่ละครั้ง ทำไมจึงต้องเป็นผักที่บริโภคอยู่เป็นประจำ เพราะความคุ้มค่าในการปลูกพืชผักที่บริโภคอยู่ทุกวันนั้น ถ้าเกิดปลูกแล้วจะได้รับการดูแลและเอาใจใส่อยู่เป็นประจำ จะทำให้ไม่ลืมว่าปลูกพืชชนิดนี้อยู่ แต่ถ้าเป็นผักที่เราไม่ได้บริโภค หรือในครอบครัวไม่ได้นำมาใช้บ่อย ก็จะปลูกเสียไปโดยเปล่าประโยชน์มากกว่า

ในการ ปลูกผักในกระถาง นั้น ขั้นตอนการเตรียมดินจะแตกต่างจากการปลูกพืชแบบแปลงใหญ่ เพราะการดูแลอาศัยจะต่างกัน โดยการ ปลูกผักในกระถาง นั้นจะเน้นเป็นการดูแลแบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก และไม่ซับซ้อนเหมือนกับการปลูกแบบแปลงใหญ่ ดินสำหรับการปลูกในกระถางนั้นควรจะเป็นดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย และต้องไม่ลืมผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกด้วย เพื่อให้ดินได้ธาตุอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ การปลูกนั้นไม่ควรใส่ดินจนเต็มกระถาง ควรเหลือพื้นที่ด้านบนไว้พอประมาณ เพื่อที่จะได้ใส่แกลบหรือหญ้าฟางโรยหน้าเพื่อป้องกันความชื้นได้

การปลูกผักลงกระถางนั้นส่วนใหญ่แล้วก็มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าเราถนัดแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นวิธีแบบหว่าน หรือหยอดเมล็ด วิธีแบบเพาะต้นกล้าต้นอ่อนก่อนปลูก หรือวิธีการแบบปักชำ ซึ่งทั้ง 3 วิธีการ มีการปลูกและการเจริญเติบโตที่แตกต่างกันออกไป

การบำรุงดูแลพืชผักในกระถาง

การดูแลพืชผักที่อยู่ในกระถางนั้นสามารถทำได้โดยง่าย เพราะไม่ต้องใช้วิธีการให้ยุ่งยากมากนัก เพียงแค่เราหมั่นรดน้ำให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ แต่รดให้แค่พอชุ่มชื้น ห้ามรดจนแฉะเด็ดขาด เพราะกระถางที่ใช้ปลูกบางประเภทระบายน้ำได้ช้า ไม่เช่นนั้นจะทำให้พืชผักที่ปลูกอยู่นั้นมีโอกาสจะตายได้ นอกจากนี้ต้องหมั่นกำจัดวัชพืช พรวนดิน และใส่ปุ๋ย และต้องให้ปริมาณแสงแดดที่พอเหมาะ ไม่ควรวางไว้ในแดดจัดจนเกินไป เพราะพืชบางชนิดก็ทนแสงแดดจัดไม่ได้ และยังสามารถเคลื่อนย้ายไปยังที่เราต้องการให้พืชได้เจริญเติบโตได้เต็มที่ได้ง่ายขึ้น

การ ปลูกผักในกระถาง นั้นอาจจะไม่ได้มีการดูแลที่ละเอียดอ่อน หรือเคร่งครัด แบบการปลูกแบบแปลงใหญ่มากนัก แต่พืชทุกชนิดไม่ว่าจะปลูกในที่ใดก็ตามควรที่จะได้รับการดูแลเอาใจใส่ในทุกๆ ด้าน เพื่อการเจริญเติบโตที่ดีและได้ผลผลิตที่สมบูรณ์ การปลูกแบบกระถางก็เป็นการปลูกที่เหมาะสมอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มีพื้นที่ใช้สอยที่จำกัด อย่าง ชุมชนในเขตเมือง ตามคอนโด หรือ ทาวน์เฮาส์ เพราะฉะนั้นแล้วทางเลือกใหม่สำหรับคนที่อยากปลูกพืชแต่ไม่มีพื้นที่ การปลูกในกระถางก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่เสียทีเดียว ต้องลองศึกษา แล้วจะรู้ว่ามันได้ผลดีอีกทางหนึ่งเลย

อย่างที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นการนำองค์ความรู้เบื้องต้นในการแนะนำการปลูกพืชแบบปลูกในกระถางต้นไม้ ว่าการจะเริ่มทำนั้นควรทำอย่างไร ควรมีข้อพิจารณาและรูปแบบของกระถางประเภทไหนบ้างที่เหมาะสมกับการปลูกพืชแต่ละชนิด การเลือกซื้อกระถางกับพืชที่เหมาะสมที่จะปลูกควรทำอย่างไร พืชแต่ละประเภทเหมาะกับการปลูกในกระถางแบบไหน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่านด้วยว่าควรคิดริเริ่มที่จะลงมือทำแล้วหรือยัง บทความนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกในการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง

https://www.baanmaha.com/community/threads/50237-  %E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%87，https://decor.mthai.com/garden/31936.html，https://www.baanlaesuan.com/22782/ideas/herb_garden_tip，https://www.sanook.com/home/12309/