การชำลูก กุ้งขาว ก่อนปล่อยลงบ่อ น้ำหมักสับปะรด ( ตอนที่ 1 )

โฆษณา
AP Chemical Thailand

การชำลูก กุ้งขาว ก่อนปล่อยลงบ่อ น้ำหมักสับปะรด ( ตอนที่ 1 )

การชำลูก กุ้งขาว ก่อนปล่อยลงบ่อ น้ำหมักสับปะรด ( ตอนที่ 2 )

กุ้งขาว คุณภาพ สมบูรณ์
กุ้งขาว คุณภาพ สมบูรณ์
เฮียเฟส และโรงชำลูกกุ้งขาว
เฮียเฟส และโรงชำลูกกุ้งขาว

ประเทศไทยโดยพื้นฐานเป็นเกษตรกรรมเนิ่นนานหลายชั่วอายุคน เพราะเราคือสุวรรณภูมิ ทำเลทองของคนเกษตรตัวจริง แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปหลายสิ่งหลายอย่างมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จากเมื่อก่อนเคยทำได้สบายๆ มาวันนี้กลับยากซะแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางไปยังความสำเร็จเลยทีเดียว ใช่แล้วยังมีอีกหนึ่งอาชีพที่ทีมงานอยากจะแนะความท้าทายในสถานการณ์ ที่นิ่งเฉยไม่ได้ นั่นก็คือ การเลี้ยงกุ้งขาว หลายคนอาจจะตกใจที่คิดกล้า ท้าทายธรรมชาติ ทำให้เกิดผู้กล้ามากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ คุณกิตบัณฑูรย์ สืบสมาน หรือ เฮียแฟท เจ้าของผู้จัดการฟาร์มแห่งเมืองฉะเชิงเทรา ที่ใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณ กับการเลี้ยงกุ้ง

ตากบ่อแห้ง ก่อนเริ่มครอปใหม่
ตากบ่อแห้ง ก่อนเริ่มครอปใหม่

เฮียแฟทเป็นคนฉะเชิงเทราโดยกำเนิด สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก

สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดีกรีในอดีตคือนายแบงค์ ฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อการเกษตรและการค้า ของธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง ด้วยความสามารถทำให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และเข้ารับตำแหน่งสุดท้ายคือผู้จัดการสาขา จ.ฉะเชิงเทรา จากความคุ้นเคยที่ติดต่อกับเกษตรกรบ่อยครั้ง เมื่อถึงคราว ตนเองมีฟาร์ม สั่งซื้อสินค้าให้มาส่ง ฯลฯ ผู้คนก็จะรู้จักในนามฟาร์มผู้จัดการ จึงเป็นที่มาของ ผู้จัดการฟาร์มในวันนี้

เฮียแฟทเล่าให้ฟังว่า ได้เริ่มเลี้ยงกุ้งขาวมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ทำงานธนาคารอยู่เลย โดยเหตุที่ได้มาเลี้ยง คือ ตอนนั้นมีเกษตรกรเจ้าของที่ดิน (ซึ่งก็คือที่นี่) ปล่อยให้คนอื่นเช่าเลี้ยงกุ้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงเลยเลิกกิจการไปและคืนที่กลับให้เจ้าของ ด้วยความที่เป็นคนไทยหัวใจเกษตร ประกอบกับพอมีวิชาติดตัวอยู่แล้ว ตามด้วยแนวคิดที่ต้องการหาอะไรทำหลังวัยเกษียณจึงเริ่มศึกษาหาความรู้และเริ่มลงมือเลี้ยงเรื่อยมา

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ผู้จัดการฟาร์มเป็นฟาร์มกุ้งขาวบนพื้นที่ราวๆ 50 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา มีทั้งหมด 9 บ่อๆ 2 ไร่ 2 บ่อ บ่อที่เหลือประมาณ 4 ไร่ ใช้เลี้ยงจริง 5 บ่อ ประกอบด้วยบ่อพัก บ่อชำ บ่อขี้เลน และบ่อเลี้ยง โดยที่ทุกบ่อจะมีท่อเชื่อมต่อกันเป็นทางเดินของน้ำ เรื่องแหล่งน้ำจะดูดเข้าปีละครั้ง ช่วงหน้าน้ำเค็มราวเดือนเมษายนโดยจะดูดน้ำเข้าให้เต็มทุกบ่อ สามารถหมุนเวียนน้ำใช้ได้ทั่วทั้งฟาร์ม ในรอบปีจะสามารถทำการเลี้ยงได้ 2 ครอป มุ่งเน้นรอบการเลี้ยงเพราะต้องการพักบ่อ ลดความเสี่ยง ตัดวงจรโรค เฮียแฟทกล่าวต่ออีกว่า ที่ฟาร์มจะเน้นความสะอาด การป้องกัน และระบบการจัดการ โดยถือเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ การเลี้ยงกุ้งจะมีลูกชายเป็นผู้จัดการฟาร์ม รวมถึง ว่าที่ ร.ต.วิชัย สังขรรค์ หรือ คุณหน่อง นักวิชาการประจำฟาร์ม เป็นกำลังสำคัญ

น้ำต้องดี ก่อนนำไปใช้

จากการระบาดของโรค EMS ที่ยังหาวิธีการเอาชนะไม่ได้ ส่วนหนึ่งของสาเหตุที่นักวิชาการกล่าวว่าเป็นปัจจัยของการเกิดโรค คือระบบการจัดการน้ำ ดังนั้นเพื่อตัดวงจรที่ทางฟาร์มสามารถควบคุมได้ต้องเริ่มที่น้ำ โดยเริ่มจากการดูดน้ำดิบจากคลองส่งน้ำเข้ามากักเก็บไว้ในบ่อพัก 7 วัน ผ่านการกรองแล้วกระจายไปยังบ่อชง บ่อชงซึ่งก็คือบ่อเลี้ยงที่ผ่านการฆ่าเชื้อและปรับสภาพมาแล้ว ก่อนปล่อยน้ำเข้าจะใช้ copper 5 ก.ก./ไร่ เพื่อฆ่าศัตรูและพาหะ จากนั้นจะเปิดน้ำเข้าจนได้ระดับ 1.5-2 เมตร ต่อด้วยการใช้กากชา 100 ก.ก./ไร่ หว่านให้ทั่วบ่อ โดยจะผ่านการหมักก็ได้ไม่ว่ากัน ทิ้งไว้สักพัก ต่อด้วยการเปิดเครื่องตีน้ำทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง เพื่อให้คลอรีนที่ใส่ลงไปฆ่าเชื้อร่วมด้วยละลาย อัตราการใช้คลอรีนจะใช้ที่วามเข้มข้น 35 ppm. เทให้ทั่วบ่อ ตีน้ำต่ออีก 12 ชั่วโมง แล้วค่อยพักบ่อก่อนปล่อยลูกกุ้งลงเลี้ยงคลอรีนที่ใช้จะสลายตัวภายใน 4 วัน

การสร้างอาหารธรรมชาติต้อนรับลูกกุ้ง โดยจะใช้ปลาป่น 50 ก.ก.รำ 5 ก.ก.และจุลินทรีย์น้ำแดง (super ps)  25 ลิตร หมักในถัง 200 ลิตร เติมน้ำให้เต็ม ใช้เวลาหมักไว้ 2 วัน เป็นอันใช้ได้

วิธีการนำไปใช้ คือ การใช้น้ำหมักเทรอบบ่อโดยตรงที่แสงแดดส่องถึง เมื่อตระเตรียมทุกกระบวนท่าเรียบร้อยดีแล้วเฮียแฟทบอกว่าสั่งลูกกุ้งรอได้เลย เพราะจะเกิดหนอนแดงภายใน 7 วัน ทำการเพิ่มระดับน้ำให้เป็นไปตามมาตรฐาน ความเค็มที่ใช้เลี้ยงอยู่ที่ 12-15 ppt.

การชำ สร้างความแข็งแรงก่อนปล่อยลงเลี้ยงจริง

โฆษณา
AP Chemical Thailand

หลังจากได้ลูกกุ้งมา เฮียแฟทอธิบายว่าจะมี 2 แบบ แบบแรกชำก่อน 1 เดือน จะใช้กับลูกกุ้ง cp ถ้าเลี้ยงผ่านโตเร็ว ได้ไซส์ โดยบ่อชำจะเป็นบ่อ 2 ไร่ ทำคล้ายระบบปิด ควบคุมสภาพแวดล้อมและศัตรูลูกกุ้ง ปล่อยกุ้ง 600,000 ตัว ให้อาหารวันละ 6 มื้อ 3 วันแรก ให้กินเบอร์ 1 ต่อด้วยเบอร์ 2 จนถึง 10 วัน ปิดท้ายด้วยเบอร์ 3 จนครบ 1 เดือน การให้อาหารลูกกุ้งชำในบ่อจะใช้แรงงานคนหว่านมือให้รอบบ่อ

ส่วนแบบสองจะปล่อยตรงเลย จะเป็นลุกกุ้งที่ใช้ของ ชุติกาญจน์ (ไทยแลนด์) แฮทเชอรี่ เพราะมีความสด ความห้าว แข็งแรง ทนทานต่อโรคตั้งแต่เป็นลูกกุ้งจึงสามารถปล่อยลงเลี้ยงได้ทันที แต่ถ้าบ่อชำว่างจะต้องการชำลูกกุ้งก่อนก็ได้ เพื่อให้ลุกกุ้งแข็งแรงกว่าเดิมก่อนปล่อยลูกกุ้ง

เคล็ดลับที่ต้องเปิดเผย จากการเข้าร่วมรับฟังการสัมมนาวิชาการจากกรมประมง ทำให้เกิดการใช้เทคนิคร่วม เพื่อให้ลูกกุ้งที่เลี้ยงโตดี รอดสูง โดยจะการใช้เนื้อสับปะรดที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในอัตราเนื้อสับปะรด 5 ก.ก.น้ำตาลทราย 1 ก.ก.ปั่นกับน้ำ 3 ลิตร หมักไว้ในถังมิดชิด 5- 14 วัน หรือจนกว่าน้ำหมักจะมีกลิ่นหอม เมื่อจะนำไปใช้น้ำหมักต้องผ่านกระบวนการกรองด้วยผ้าขาวนำเฉพาะน้ำไปผสมในอาหารให้กุ้งกิน ตลอดการเลี้ยง

          การนำไปใช้ จะใช้ 10-20 ซีซี/อาหาร 1 ก.ก.สามารถใช้น้ำหมักนี้ตั้งแต่เริ่มลงลูกกุ้งในบ่อดินหรือบ่อชำ จนกระทั่งกุ้งอายุ 30-60 วัน หรือจนกว่าจะพ้นระยะเสี่ยงของการเกิดโรค สูตรนี้จะช่วยให้กุ้งสมบูรณ์ แข็งแรง มีภูมิต้านทานต่อโรค ส่งผลให้อัตรารอดสูง

น้ำมันกระเทียมต้านเชื้อแบคทีเรีย จากการศึกษาในหลอดทดลองพบว่ากระเทียมสามารถต้านเชื้อแบคทีเรียก่อโรคได้หลายชนิด และได้มีการทดลองนำน้ำมันกระเทียมไปผสมอาหารเม็ดในอัตราส่วน 5 % ต่อน้ำหนักอาหารที่ให้กุ้งกิน พบว่าทำให้กุ้งมีภูมิคุ้มกันดีขึ้น และมีความสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น การเตรียมน้ำมันกระเทียม โดยการใช้กระเทียมที่มีขายตามท้องตลาด นำมาปอกเปลือก แล้วหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ ปั่นให้ละเอียด หมักรวมกับน้ำมันพืชในสัดส่วน 1 : 1 (กระเทียม 1 กิโลกรัม ใช้น้ำมันพืช 1 ลิตร ) วางทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วนำมากรองผ่านผ้าขาว แล้วตั้งไว้ให้น้ำมันเกิดการแยกชั้น เก็บเฉพาะชั้นน้ำมัน ไปใช้ผสมในอาหารให้กุ้งที่เลี้ยงกิน น้ำมันกระเทียมสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาเพื่อใช้สำหรับเคลือบอาหารเม็ดให้กุ้งกิน

          การนำไปใช้ จะใช้น้ำมันกระเทียม 50 ซีซี/อาหาร 1กิโลกรัม เกลี่ยในอาหารและพึ่งลมให้พอหมาด แล้วนำไปหว่านให้กุ้งกิน โดยจะให้กินทุกวันต่อเนื่อง เป็นเวลา 14 วัน

โฆษณา
AP Chemical Thailand

การใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ (ปม.1) เพื่อบำบัดคุณภาพน้ำและดิน น้ำและดินถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถควบคุมและจัดการได้ เมื่อดินดี น้ำดี การเลี้ยงกุ้งก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ จุลินทรีย์ (ปม.1) สามารถนำไปใช้ในการบำบัด ปรับปรุงคุณภาพน้ำและดิน โดยการละลายน้ำสาดลงในบ่อ ในขั้นตอนการเตรียมบ่อและยังใช้เป็นโปรไบโอติกโดยการผสมลงไปในอาหารกุ้ง เพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันและต้านทานโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย

การเตรียมหัวเชื้อจุลินทรีย์(ปม.1) เพื่อใช้เป็นโปรไบโอติก

1.หัวเชื้อจุลินทรีย์ (ปม.1) 5 กรัม

2.กากน้ำตาลหรือน้ำตาลทรายแดง 20 กรัม

3.อาหารกุ้งบดละเอียด 10 กรัม

4.น้ำสะอาด 1 ลิตร

โฆษณา
AP Chemical Thailand

นำส่วนผสมทุกอย่าง ผสมรวมกันในภาชนะที่มีฝิด มีการให้อากาศ(เป่าลม) ระดับปานกลางและเพียงพอ เพื่อช่วยให้ส่วนผสมไม่ตกตะกอน ใช้เวลาในการขยายหัวเชื้อ 36-72 ชั่วโมง จากนั้นนำหัวเชื้อมาผ่านการกรองด้วยผ้าขาวเก็บเฉพาะส่วนที่เป็นน้ำไปใช้

          การนำไปใช้ หัวเชื้อจุลินทรีย์ (ปม.1) ปริมาณ 10-20 ซีซี/อาหาร 1 กิโลกรัม คลุกเคล้ากับอาหารให้พอหมาด นำไปให้กุ้งกินทุกมื้อจนลูกกุ้งอายุ 30-60 วันหรือจนกว่าจะพ้นระยะเสี่ยงของการเกิดโรค

ส่วนการจัดการเพิ่มเติมในบ่อชำ ในช่วงนี้เฮียแฟทจะเน้นมาก ไล่ลงไปตั้งแต่การจัดการขัดขอบบ่อ ลดการสะสมของเชื้อโรค ด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำปริมาณ 10 เซนติเมตร การดูดน้ำออกทางเซ็นทรัลเลน วัดคุณภาพน้ำอาทิตย์ 6-8 ครั้ง โดยเฉพาะช่วงวันโกน วันพระ ใช้ระยะเวลาการชำลูกกุ้ง 1 เดือน แล้วจึงค่อยขยายลูกกุ้งลงบ่อใหญ่

โรงชำลูกกุ้งขาว 1 เดือนก่อนปล่อยลงบ่อใหญ่
โรงชำลูกกุ้งขาว 1 เดือนก่อนปล่อยลงบ่อใหญ่

บ่อเลี้ยงหรือบ่อชง เป็นบ่อที่เตรียมพร้อม เพื่อที่จะลงลูกกุ้งเลี้ยง การเคลื่อนย้ายลูกกุ้งจากบ่อชำหรือการปล่อยลูกกุ้งลงเลี้ยงจะเลือกปล่อยช่วงเช้าลงในอัตราการปล่อยลูกกุ้ง 100,000 ตัว/ไร่ วันแรกไม่มีการให้อาหาร อาศัยอาหารธรรมชาติที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้เป็นอาหาร วันที่ 2 แล้วค่อยให้อาหาร โดยในบ่อเลี้ยงจะลดการใช้แรงงานคน มาใช้เครื่องออโตฟีดแทน ปริมาณอาหารจะคำนวณตามโปรแกรมการกินอาหารของลูกกุ้งแต่ละบ่อ ตั้งความถี่และเวลาควบคู่ไปกับการเช็คยอเพื่อรู้ปริมาณอาหารที่แท้จริง การเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกอาทิตย์เพื่อลดแอมโมเนียและของเสียภายในบ่อ ลดน้ำ ดูคุณภาพน้ำ ดูค่าต่างๆ ควบคุมคุณภาพในแบบของเฮียแฟท คือ pH 7.5-8 อัลคาไลน์ 150-200 ออกซิเจน 3 ขึ้นไป แอมโมเนียไม่เกิน 1 แมกนีเซียมต้องมี 3 เท่า ของแคลเซียม โดยแคลเซียมจะยืนที่ 200 ขึ้น ใช้ระยะเวลาการเลี้ยงมาจนได้กุ้ง 30-40 วัน ช่วงนี้แหละที่ถือเป็นปัญหาหนักใจของเฮียแฟท เป็นช่วงอันตราย รอด ไม่รอด ก็ช่วงนี้ เพราะกุ้งในช่วงนี้มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ลดไซส์ เพิ่มขนาดทุกวัน เฮียแฟทได้เล่าถึงสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันแบบไม่เจตนา คือ เจอไนไตรท์ และแอมโมเนียสูง และขี้ขาว โรคยอดฮิต ทำให้กุ้งตายไปบางส่วน แต่ยังดีที่เฮียแฟทเตรียมตัวมาดี บวกกับที่ได้ปรึกษากรมประมง ก็เลยเอาตัวรอดมาได้ การแก้ปัญหาดังกล่าวคือ การตีน้ำเพิ่ม ดูดเลนออก เปลี่ยนถ่ายน้ำเข้า-ออกอยู่เสมอ ส่วนขี้ขาวไม่ต้องไปไหนไกล แก้ปัญหาด้วยน้ำมันกระเทียม ให้กินติดต่อกัน 7 วัน หลังครบ 7 วัน กินอาหารเหมือนเดิมตามปกติ สูตรนี้ได้ผลดี คุมอยู่ เฮียแฟทพิสูจน์มาแล้ว

ระยะเวลาการเลี้ยง การเลี้ยงกุ้ง 1 ครอปจะใช้เวลา 70-80 วัน จะได้ไซส์ 50-60 ตัว/ก.ก.งานนี้ทีมงานของผลยืนหยันล่าสุด ที่พึ่งจับผลผลิต สดๆร้อนของฟาร์ม คือ บ่อ 4 ไร่ ใช้บริการลูกกุ้ง Fo ของชุติกาญจน์ฟาร์ม ปล่อย 4แสนตัว ได้กุ้ง 4.2 ตันและบ่อที่กำลังลงเลี้ยงก็เป็นข้อมูลเดิม คือลุกกุ้งของชุติกาญจน์ฟาร์ม ปล่อยยอดเดิม ที่ 4 แสนตัว ตอนนี้เลี้ยงได้ 59 วัน มีดูข้อมูลย้อนหลังถือว่าไม่ธรรมดา นั้นคือการสุ่มครั้งแรกที่ 35 วัน ได้กุ้งไซส์ 158 ตัว/กิโลกรัม ครั้งที่ 2 สุ่มกุ้ง 47 วัน ได้กุ้งไซส์ 103 ตัว/กิโลกรัม ครั้งล่าสุด 54 วัน ได้กุ้งไซส์ 91 ตัว/กิโลกรัม จากข้อมูลเลี้ยงกุ้งไม่ถึง 60 วัน หลุดร้อยไปแล้ว ถ้าเป็นมวยก็เกาะติดตังค์สั่งน้ำรอได้เลย อาหารช่วงนี้ให้วันละ 125 ก.ก.อาหารใช้ไปแล้ว 3.5 ตัน และจะเพิ่มเป็น 150 kg. เมื่อได้ 60 วัน เริ่มเห็นลางๆ แล้วว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร จะยิ้มน้อยหรือยิ้มใหญ่เท่านั้นเอง และการเลือกใช้ลูกกุ้ง สายพันธุ์ดีของชุติกาญจน์(ไทยแลนด์) แฮทเชอรี่ ที่ทดลองปล่อยไปแล้ว 2 ครอป บอกได้ว่าพึ่งพอใจและไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด สามารถเลี้ยงควบคู่ไปกับสายพันธุ์ของบริษัทซีพีได้อย่างลงตัว

ภายในบ่อ ชำลูกกุ้ง
ภายในบ่อ ชำลูกกุ้ง

การเลี้ยงกุ้งขาวถ้ามีการจัดการที่ดี เน้นการป้องกัน และรู้จักพลิกแพลง ไม่ย่ำอยู่กับที่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามก็มี เหมือนกับเฮียแฟท เจ้านายใหญ่ผู้จัดการฟาร์มที่ตอนนี้มีทั้งความสนุก ท้าทายกับการเลี้ยงกุ้งของคนวัยเกษียณ ชนิดเรียกว่าฮิตติดลมบนไปแล้ว สำหรับเกษตรกรนักเลงกุ้งด้วยกันเฮียแฟทยินดีที่จะให้คำแนะนำปรึกษาแบบไม่ต้องเกรงใจตามประสาคนกันเองที่เบอร์ 08-1687-6747

โฆษณา
AP Chemical Thailand
ลูกกุ้งขาว P 12 สายพันธุ์ FO ชุติกาญจน์ฟาร์ม
ลูกกุ้งขาว P 12 สายพันธุ์ FO ชุติกาญจน์ฟาร์ม

สุดท้ายนี้ทีมงานต้องขอขอบคุณ คุณกิตบัณฑูรย์ สืบสมาน (เฮียแฟท) ว่าที่ ร.ต.วิชัย สังขรรค์ (นักวิชาการหน่อง) โทร.08-9642-2097 สามารถติดต่อสอบถามเทคนิค เคล็ดไม่ลับของเฮียแฟทเพิ่มเติมได้ที่ 33/2 หมู่ 3 ตำบลบางเล่า อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา 24000 และสำหรับเกษตรกรที่สนใจพลิกแพลง มาทดลองใช้ลูกกุ้งคุณภาพดี F0 ของ ชุติกาญจน์ (ไทยแลนด์)แฮทเชอรี่ ซึ่งในไม่ช้านี้กำลังจะเปิดตัวสายพันธุ์ พัฒนาการเจริญเติบโตควบคู่กับอัตรารอดสูง ออกสู่สายตาคนเลี้ยงกุ้งได้พิสูจน์นำไปเลี้ยงเพื่อสร้างรายได้และลดความเสียหาย สามารถสั่งจองและสอบถามข้อมูลได้ที่ ชุติกาญจน์ฟาร์ม (ไทยแลนด์) แฮทเชอรี่ 44/6 หมู่ 1 ต.บางตีนเป็ด อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา หรือ โทร.08-1570-2418

นิตยสาร สัตว์น้ำ
นิตยสาร สัตว์น้ำ

tags: การชำลูก กุ้งขาว ด้วย น้ำหมักชีวภาพ จุลินทรีย์ น้ำหมักสับปะรด น้ำมันกระเทียม กิตบัณฑูรย์ สืบสมาน ฉะเชิงเทรา กุ้งขาว ลูกกุ้งขาว น้ำหมักชีวภาพ จุลินทรีย์

[wpdevart_like_box profile_id=”377357182296025″ connections=”show” width=”300″ height=”220″ header=”big” cover_photo=”show” locale=”th_TH”]