“พี เจ ฟาร์ม” จำหน่าย ปลาทับทิม คุณภาพ เคล็ดลับความสำเร็จ.. ด้วยอาหาร “คาร์กิลล์”

ปลาทับทิม

การเลี้ยง ปลาทับทิม ในกระชัง ปัจจุบันการแข่งขันสูง และดูเหมือนว่าการเลี้ยงจะมีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ โรคภัยที่มากขึ้น รวมทั้งผู้บริโภค และตลาดต้องการปลาที่มีคุณภาพ

จึงทำให้เกษตรกรต้องประยุกต์นำประสบการณ์และองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาและต่อยอดการเลี้ยงอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตรงความต้องการของตลาดมากที่สุด

การเพาะเลี้ยง ปลาทับทิม

เช่นเดียวกับ “พี เจ ฟาร์ม” ภายใต้การบริหารของ คุณเพิ่มพล อสุวพงษ์พัฒนา (คุณเจมส์) เจ้าของฟาร์ม ปลาทับทิม ในกระชัง ในพื้นที่ ต.วังน้ำเย็น อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี แห่งนี้ ที่ประกอบอาชีพและกิจการการเลี้ยงปลาทับทิมมากว่า 10 ปี เริ่มต้นที่ เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี จนกระทั่งมาสร้างชื่อเสียงที่เมืองกาญจน์

โดยคุณเจมส์ใช้ประสบการณ์และองค์ความรู้พัฒนาต่อยอดการเลี้ยงปลา ลองผิดลองถูก ค้นคว้าเทคนิคใหม่ๆ มาใช้ในการจัดการฟาร์ม ซึ่งกิจการค่อยๆ เติบโตเรื่อยมา จากคนเลี้ยงปลาเนื้อสู่เจ้าของฟาร์มเพาะเลี้ยงอนุบาล ปลาทับทิม ปัจจุบันมีมากกว่า 200 กระชัง ซึ่งบริหารเองภายใต้ พี เจ ฟาร์ม

โดยตลอดระยะเวลากว่า 1 ทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยการมุ่งเน้นคัดสรรลูกปลาที่ได้คุณภาพ บวกกับการบริหารจัดการฟาร์มที่ดี และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้คุณภาพ ทำให้ผลผลิตปลาของ พี เจ ฟาร์ม มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับจากลูกค้าในพื้นที่และต่างจังหวัด ตลอดจนลูกค้ากระชังที่เชื่อมั่นและไว้วางใจซื้อลูกปลาของ พี เจ ฟาร์ม ไปเลี้ยงขุนจำหน่ายและทำตลาดต่อไปอีกจำนวนไม่น้อย

โดย พี เจ ฟาร์ม ขึ้นชื่อในเรื่องปลาทับทิมที่มีคุณภาพ รูปทรงสวย ขนาดหรือไซซ์ตรงความต้องการของลูกค้าและตลาด ทำให้มีออเดอร์และยอดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 80-100 ตัน/เดือน

สภาพพื้นที่เลี้ยง ปลาทับทิม

คุณเจมส์เล่าที่มาที่ไปของ พี เจ ฟาร์ม ให้ฟังว่า ตนเองมีอาชีพเกษตรกรทั่วไป โดยเริ่มต้นทำฟาร์มปลามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ในพื้นที่เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี โดยสมัยก่อนเริ่มต้นเลี้ยงปลาเนื้อจำนวน 12 กระชัง แล้วค่อยๆ ขยายกิจการมาเรื่อยๆ กระทั่งคิดว่าต้องมีชื่อฟาร์มของตัวเอง เพื่อให้ลูกค้าจดจำเราได้ จึงตั้งชื่อ พี เจ ฟาร์ม

คุณเจมส์เล่าต่อว่ากิจการเติบโตมาเรื่อยๆ กระทั่งเข้าสู่ปีที่ 5 เกิดปัญหาแหล่งน้ำในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี สภาพน้ำคุณภาพไม่ค่อยดี อุณหภูมิและระดับน้ำค่อนข้างสวิง โดยบ่อยครั้งที่เกิดน้ำท่วม ประกอบกับพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ไม่ประกาศเขตให้เลี้ยงปลาในอ่างเก็บน้ำ ตนจึงเริ่มวางแผนย้ายสถานที่เลี้ยงสร้างเป็นฟาร์มเลี้ยงแห่งใหม่ขึ้นมา จนกระทั่งมาลงเอยในพื้นที่ ต.วังน้ำเย็น อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี

เหตุผลที่เลือกพื้นที่ดังกล่าว คุณเจมส์บอกว่าได้มาสำรวจบริบทพื้นที่แห่งนี้ ก็พบว่าสภาพน้ำค่อนข้างดี โรงงานไม่เยอะ และการคมนาคมขนส่งสะดวก เพราะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ  อีกทั้งค่าออกซิเจนในน้ำมีคุณภาพที่เหมาะสม กระแสน้ำไหลเวียนตลอด ตอบโจทย์การเลี้ยงปลาในกระชัง ทำให้ปลากินอาหารได้ดี และเจริญเติบโตได้ในระยะเวลาและน้ำหนักที่ตลาดต้องการ

การอนุบาลลูก ปลาทับทิม

ทั้งนี้หลังจากย้ายมาทำฟาร์มปลาที่เมืองกาญจน์ฯ คุณเจมส์เปลี่ยนรูปแบบจากเลี้ยงในเขื่อนน้ำนิ่งมาเป็นเลี้ยงรูปแบบในกระชังบนแม่น้ำแควน้อย นอกจากนี้ยังจำแนกบ่อพลาสติกสำหรับไว้อนุบาลปลา และบ่อดินสำหรับให้ลูกปลาที่อนุบาลแล้วเสร็จได้เตรียมความพร้อมให้ลูกปลามีความสมบูรณ์แข็งแรงเสียก่อนๆ ลงสู่ในกระชัง

“การอนุบาลปลาในถังพลาสติก ทำให้อัตราการรอดสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตอนนี้อัตราการรอดกว่า 80% เหตุเพราะเราสามารถควบคุมทุกอย่าง และสามารถรักษาปลาได้ดีกว่าการอนุบาลในแม่น้ำ นอกจากนี้เราสามารถลงเกลือหรือด่างทับทิม รวมถึงเติมปริมาณออกซิเจน เพื่อปรับสภาพน้ำได้ ซึ่งแตกต่างกับการเลี้ยงในแม่น้ำ ซึ่งเราทำอะไรไม่ได้มากนัก” คุณเจมส์กล่าวเสริม

เคล็ดลับการเลี้ยง ปลาทับทิม ในกระชัง

สำหรับเคล็ดลับการเลี้ยงปลาในกระชังให้สมบูรณ์ แข็งแรง โตเร็ว ได้น้ำหนัก คุณเจมส์เผยว่ามีเคล็ดไม่ลับหลักๆ 2 ข้อ คือ

1.เน้นคัดเลือกคุณภาพของลูกปลาจากบริษัทจำหน่ายพันธุ์ปลาที่น่าเชื่อถือ และมีคุณภาพ

2.เน้นเรื่องของผลิตภัณฑ์อาหาร และวิตามินเสริม ให้กับปลา ตามโปรแกรมอย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ

สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารปลา ปัจจุบันคุณเจมส์เลือกใช้ของ “คาร์กิลล์” (Cargill) โดยเห็นผลเป็นที่น่าพอใจ โดยจำแนกใช้ผลิตภัณฑ์ 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่

• สำหรับอนุบาลลูกปลา  เลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาหาร  CARGILL  AQUA  BOOST ช่วยในเรื่องของปลาแข็งแรง อัตราการรอดดี เกล็ดแข็ง และการเจริญเติบโตดี ช่วยลดการสูญเสียระหว่างการอนุบาลได้
• สำหรับเลี้ยงปลาใหญ่  เลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาหาร  แอคโค่ฟีด เบอร์ 8600-แอล ช่วยในเรื่องเพิ่มน้ำหนัก รูปทรงสวย ตรงนี้เห็นได้ชัดเจน เกล็ดปลาแข็ง เวลาขึ้นปลาแทบไม่เห็นเกล็ดร่วง ทำให้ปลาออกไปสมบูรณ์ ไม่มีตำหนิ ปลามีความแข็งแรงดี สันหนาแน่นอน และได้ไซซ์หรือขนาดตรงตามความต้องการของตลาด และที่สำคัญเรื่องสีปลาจะเข้มกว่าปลากระชังแม่น้ำทั่วไป เห็นได้ชัดเจน

นอกจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพของคาร์กิลล์แล้ว คุณเจมส์ยังมีการให้วิตามินเสริมเข้าไปด้วย แต่ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยคุณเจมส์บอกว่าพยายามทำไซส์ปลาให้ได้ประมาณ 100 ตัว/กก. ซึ่งเป็นระยะชำลูกปลา ใช้เวลาประมาณ 20 วัน ก่อนที่จะนำลงเลี้ยงในกระชังต่อไป ซึ่งเลี้ยงต่ออีก 20 วัน เช่นกัน จึงสามารถจำหน่ายออกสู่ตลาดหรือจำหน่ายให้กับลูกค้าที่เป็นลูกกระชัง ของ พี เจ ฟาร์ม ต่อไป

ด้านตลาดและช่องทางจำหน่าย ปลาทับทิม

ปัจจุบัน พี เจ ฟาร์ม มีเครือข่ายลูกกระชังจำนวนกว่า 600 กระชัง (นับรวมของ พี เจ ฟาร์ม แล้วด้วย) โดยผลผลิตต่อเดือนที่ได้เฉลี่ยประมาณ 80-100 ตัน อย่างไรก็ตามก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าและตลาด ซึ่งทางฟาร์มฯ มีลูกค้ากระจายอยู่ในหลายจังหวัดทั่วภูมิภาค ยกตัวอย่างรายใหญ่ที่จำหน่ายส่งให้ ได้แก่ ตลาดไท และ ตลาดมหาชัย เป็นต้น

นอกจากนี้ปัจจุบัน (พ.ศ.2563) พี เจ ฟาร์ม มีผลิตภัณฑ์แปรรูปปลาเนื้อด้วย นั่นคือ ‘ปลาแดดเดียว’ โดยคุณเจมส์เผยว่าจริงๆ ทำมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ตอนนี้เราเริ่มทำแบรนด์ใหม่ ในชื่อ “ปลาแดดดี ปลาทับทิมแดดเดียว” (ในเครือ พี เจ ฟู้ด เป็นผู้จัดจำหน่าย) ซึ่งทำแพ็คเกจจิ้งให้สวย ให้เป็นสินค้าพรีเมียมขึ้น เพื่อขายตรงถึงมือผู้บริโภค หรือผ่านตัวแทนจำหน่าย

สำหรับใครก็ตามที่สนใจเราเปิดรับตัวแทนฯ อย่างต่อเนื่อง “ตอนนี้ เรามีตัวแทนฯ ในหลายจังหวัด เช่น ในภาคเหนือ ได้แก่ จ.เชียงใหม่ และตัวแทนฯ จากภาคใต้ ซึ่งเรากำลังเปิดรับตัวแทนจำหน่ายอยู่เช่นกัน ติดต่อสอบถามผ่าน Page Facebook ได้โดยตรงครับ”

เป้าหมายในอนาคต

เมื่อถามถึงเป้าหมายของ พี เจ ฟาร์ม คุณเจมส์บอกว่าพันธกิจสำคัญ  คือ  เรามุ่งเน้นการบริหารจัดการฟาร์ม  และการคัดเลือกลูกพันธุ์ปลาที่ได้คุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำ เพื่อจะได้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรืออัตราการสูญเสียที่มากเกินไปในภายภาคหน้า

“ในฐานะที่ผมเคยเลี้ยงปลาเนื้อ  และซื้อลูกปลามาเลี้ยง  ซึ่งในอดีตมีประสบการณ์ตรง  เจอแต่ลูกปลาเสียหาย เราจึงมองว่าทำอย่างไรจะให้ได้ลูกปลาที่มีอัตราการรอดที่ดี ส่งมอบไปถึงมือลูกค้า หรือลูกกระชัง ของเราแล้วไม่ตาย หรืออัตราเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เราศึกษาค้นคว้า และลงมือปฏิบัติที่อยากจะมาอนุบาลลูกปลาด้วยตัวเอง

จวบจนวันนี้ พี เจ ฟาร์ม จะยังคงไว้ซึ่งการผลิตคุณภาพของปลาให้ออกมาให้ดีที่สุด ซึ่งวันนี้จริงๆ ปลาของเราก็ยังผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดของเราที่มีอยู่ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นผมจึงขอเรียนเชิญเกษตรกรท่านใด หรือใครที่สนใจ อยากจะเป็นลูกกระชังปลาของเราก็ติดต่อมาหาเราได้ เรารับสมัครลูกกระชังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ขอเพียงมีเงื่อนไขจำกัด ขอเน้นเป็นปลากระชังทับทิมก่อนนะครับ”

ฝากถึงเกษตรกรที่เลี้ยงปลา

ในตอนท้ายคุณเจมส์ยังกล่าวฝากถึงพี่น้องเกษตรกรคนเลี้ยงปลาไว้อย่างน่าสนใจด้วยว่า ยุคนี้การแข่งขันสูงมากขึ้น คนเลี้ยงปลาก็มีมาก และเลี้ยงยากมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม พี เจ ฟาร์ม ก็พยายามคัดสรรลูกปลา และผลิตภัณฑ์อาหาร ที่ได้คุณภาพ เพื่อนำมาลงในธุรกิจของเราอย่างดี มีคุณภาพ  และเราประยุกต์ใช้ประสบการณ์เก่าควบคู่กับการนำองค์ความรู้ใหม่ๆ ในปัจจุบัน เพื่อมาใช้ในการเพาะเลี้ยงปลากระชัง จึงอยากฝากเกษตรกรทุกท่านต้องปรับเปลี่ยนเทคนิคการเลี้ยงให้ทันยุคสมัย และพัฒนาต่อยอดความรู้และเทคนิคการเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา

ทั้งนี้ขอขอบคุณ บริษัท คาร์กิลล์ฯ ด้วย ที่เป็นคู่ค้าที่ดีกับ พี เจ ฟาร์ม มาหลายปี เราประทับใจทั้งเรื่องของคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหาร และการบริการหลังการขาย ที่บริษัทมีให้อย่างสม่ำเสมอ สมกับการเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก

โดยคาร์กิลล์ไม่ได้มุ่งผลิตอาหารที่มีคุณภาพเพียงอย่างเดียว แต่มีการส่งเสริมเรื่องการทำตลาดให้กับเรา และมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจวินิจฉัยโรคในฟาร์ม เข้ามาช่วยตรวจโรคในฟาร์มปลาของเราให้ด้วย ทำให้เรามั่นใจว่าบริษัทฯ ไม่ทอดทิ้ง และพร้อมที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุข และเติบโตไปพร้อมกับเรา และเจ้าของฟาร์มทุกคน

สนใจสั่งซื้อปลาทับทิม และปลานิล กระชังคุณภาพ ได้ที่  “พีเจฟาร์ม”  คุณเพิ่มพล  อสุวพงษ์พัฒนา   (คุณเจมส์) เบอร์โทรศัพท์ 084-158-4545

อ้างอิง : นิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับที่ 374