เปิดสูตร เลี้ยงปลาทับทิม เงินล้านของลุง แอ๊ด ศรีมหาโพธิ์

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ปลาทับทิม ถือเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความสนใจจากเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังจากทั่วประเทศ เพราะสามารถเลี้ยงได้ง่าย ราคาดี และเป็นที่ต้องการของตลาดตลอดทั้งปี จึงทำให้ปลาทับทิมเป็นสัตว์น้ำที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันการ เลี้ยงปลาทับทิม จะนิยมเลี้ยงในกระชังแม่น้ำ เพราะจะทำให้ได้ปลาที่มีคุณภาพ เนื้อแน่น แข็งแรง อีกทั้งยังส่งเสริมในเรื่องคุณภาพน้ำ ที่จะช่วยให้ปลาสีสวย และเลี้ยงได้ขนาดกว่าการเลี้ยงในบ่อดิน

โดยทีมงาน นิตยสารสัตว์น้ำ จะพาทุกท่านไปยังจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีทรัพยากรสัตว์น้ำที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นปลาน้ำจืดนานาชนิด รวมไปถึงกุ้งก้ามกราม หรือที่ผู้คนนิยมเรียกกันว่ากุ้งแม่น้ำ ที่สามารถพบได้ทั่วไปในแม่น้ำของจังหวัดปราจีนบุรี จึงทำให้เกษตรกรนิยมเลี้ยงปลากระชังในพื้นที่แม่น้ำเป็นอย่างมาก เพราะนอกจาก จ.ปราจีนบุรี จะเป็นพื้นที่ต้นน้ำแล้ว ยังมีน้ำสำหรับเลี้ยงปลากระชังได้ตลอดทั้งปี จึงทำให้เกษตรกรสามารถผลิตปลาทับทิมที่มีคุณภาพส่งเข้าสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ทีมงานได้รับเกียรติจาก คุณจริทร์ จอมพระ เกษตรกรผู้ เลี้ยงปลาทับทิม ในกระชังชาวจังหวัดปราจีนบุรี และสมาชิก อบต.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี และยังเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.บางกุ้ง อ.ศรีมหาโพธิ์ ที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงปลาทับทิมมายาวนานกว่า 10 ปี ซึ่งได้พัฒนาการเลี้ยงและต่อยอดธุรกิจเรื่อยมา จนในวันนี้สามารถทำรายได้จากการเลี้ยงปลาทับทิมในกระชังได้ถึง 1 แสน 5 หมื่นบาท /เดือน

1.คุณจริทร์-จอมพระ-เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง-จ.ปราจีนบุรี
1.คุณจริทร์-จอมพระ-เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง-จ.ปราจีนบุรี
2.กระชังเลี้ยงปลาทับทิม
2.กระชัง เลี้ยงปลาทับทิม

สภาพพื้นที่ เลี้ยงปลาทับทิม

คุณจริทร์ผู้เริ่มต้นเข้าสู่อาชีพเกษตรกรจากการปลูกข้าวตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม จนเกิดปัญหาราคาข้าวตกต่ำ เมื่อปี 2549 จึงทำให้ต้องผันตัวเองมาประกอบกิจการ เลี้ยงปลาทับทิม ในกระชัง โดยกระชังของลุงแอ๊ดตั้งอยู่ในแม่น้ำบางปะกง บริเวณ ต.บางกุ้ง อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี

ซึ่งในช่วงแรกลุงแอ๊ดเล่าว่า ได้เริ่มเข้าโครงการ เลี้ยงปลาทับทิมกับบริษัทเอกชนที่เข้ามาส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ให้เลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง ซึ่งตนเองก็เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการด้วย โดยโครงการดังกล่าวจะส่งเสริมเกษตรกรให้เลี้ยงด้วยระบบเครดิต ซึ่งทางบริษัทจะมีบริการช่วยเหลือแบบครบวงจร ทั้งในส่วนของลูกปลา อาหาร ระบบการเลี้ยง รวมไปถึงบริการรับซื้อปลาเนื้อคืน มีเพียงกระชังที่เกษตรกรต้องลงทุนด้วยตนเอง

แต่ทางบริษัทจะกำหนดว่าต้องเลี้ยงโดยใช้รูปแบบการเลี้ยงตามที่บริษัทกำหนดเท่านั้น คือ จะต้องใช้ลูกปลาทับทิมขนาด 30-40 ตัว/กิโลกรัม และต้องลงปลาที่ความหนาแน่น 1,200 ตัว/กระชัง ใช้เวลาเลี้ยง 4 เดือน ใช้อาหาร 70 กระสอบ/กระชัง ซึ่งจะได้ผลผลิตอยู่ที่ 800-900 กิโลกรัม/กระชัง และหลังจากเลี้ยงครบ 4 เดือนไปแล้ว ทางบริษัทจะรับจับกลับทั้งหมด ซึ่งผลกำไรที่ได้จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท/กระชัง

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ลุงแอ๊ดเล่าต่อไปว่าหลังจากได้เริ่มต้น เลี้ยงปลาทับทิม ร่วมอยู่ในโครงการของบริษัทเอกชนเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ตนเองจึงตัดสินใจที่จะลองออกจากระบบ แล้วมาใช้วิธีการเลี้ยงตามรูปแบบของตนเอง เพราะปัญหาของการเลี้ยงในระบบโครงการ คือ ไม่สามารถตรวจสอบที่มาของลูกปลาได้ ทำให้การเลี้ยงในแต่ละรอบมีประสิทธิภาพแตกต่างกันไปไม่แน่นอน

ต้นทุนหลักของ การเลี้ยงปลาทับทิม

ลุงแอ๊ดจึงตัดสินใจที่จะดำเนินกิจการต่อด้วยลำแข้งของตนเอง โดยเริ่มต้นที่การคัดเลือกลูกปลาจากฟาร์มที่มีคุณภาพ คือ น้ำใสฟาร์ม และ ป.เจริญฟาร์ม โดยจะใช้ลูกปลาขนาด 20-30 ตัว/กิโลกรัม ในราคาตัวละ 4-5 บาท ซึ่งลุงแอ๊ดยืนยันว่าฟาร์มทั้งสองแห่งนี้เป็นฟาร์มที่สามารถผลิตลูกปลาได้มีคุณภาพดีที่สุด เมื่อสามารถควบคุมและคัดเลือกคุณภาพของลูกปลาได้ จึงทำให้ผลการเลี้ยงดีขึ้นอย่างมาก โดยต่อกระชังสามารถทำกำไรได้สูงสุดถึง 30,000 บาท โดยคิดเป็นค่าอาหารและลูกปลาอยู่ที่ 2 แสนบาท แต่สามารถทำรายได้ได้ถึง 5 แสนบาท ต่อรอบ (4 เดือน)

แต่สิ่งที่ลุงแอ๊ดต้องทำ คือ การแบกรับค่าอาหารที่ค่อนข้างสูง และต้องมีทุนสำรองสำหรับรองรับค่าอาหารของปลาในกระชังอย่างน้อยเดือนละ 1 แสนบาท แต่การซื้ออาหารด้วยตนเองมีข้อดี คือ ราคาค่าอาหารจะลดลง เหลือเพียงกระสอบละ 460 บาท แตกต่างจากที่อยู่ในโครงการ ค่าอาหารจะตกอยู่ที่ 500-600 บาท จึงทำให้สามารถลดต้นทุนลงไป และเพิ่มในส่วนของกำไรขึ้นมามากกว่าเดิม

3.ลูกปลาทับทิม
3.ลูกปลาทับทิม

การชำลูกปลาทับทิม

เมื่อสามารถเลี้ยงจนประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่งแล้ว ลุงแอ๊ดยังไม่หยุดพัฒนาการเลี้ยงเพียงเท่านั้น เพราะด้วยค่าอาหารที่ต้องแบกรับเป็นมูลค่าที่สูง ประกอบกับการใช้ลูกปลาที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ต้องลงทุนในสัดส่วนของการซื้อลูกปลาที่สูง

ลุงแอ๊ดจึงตัดสินใจที่จะใช้วิธีการชำลูกปลาจากไซส์ใบมะขามด้วยตนเอง เพราะจะช่วยให้ลดต้นทุนลงไปได้ อีกทั้งการชำลูกปลาเองภายในกระชังจะทำให้ได้ลูกปลาที่แข็งแรง เพราะจะไม่มีอาการช้ำจากการขนส่ง อีกทั้งการลงทุนในแต่ละครั้งยังจะได้ปลาจำนวนมากขึ้นกว่าการลงทุนซื้อลูกปลาไซส์ 20-30 ตัว/กิโลกรัมด้วย ซึ่งผลกำไรที่ได้ถือว่าดีขึ้นกว่าเดิม โดยต่อกระชังสามารถทำกำไรได้อยู่ที่ 60,000 บาท/กระชัง

ลุงแอ๊ดจะชำลูกปลา โดยอาศัยการชำในกระชังขนาด 5×5 เมตร โดยจะปล่อยลูกปลาไซส์ใบมะขามครั้งละ 13,000-20,000ตัว และใช้เวลาในการอนุบาล 2 เดือน โดยปลาที่ใช้จะนำมาจากน้ำใสฟาร์ม เป็นหลัก และจะใช้ปลาของ ป.เจริญฟาร์ม เสริม ในบางรอบ เมื่อนำลูกปลามาถึงกระชังจะต้องนำมาผ่านด่างทับทิมก่อนที่จะปล่อยลงสู่กระชังต่อไปได้ เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อที่อาจติดมากับตัวปลา

โฆษณา
AP Chemical Thailand
4.อาหารสำหรับปลาทับทิม
4.อาหารสำหรับปลาทับทิม

การให้อาหารลูกปลาทับทิม

จากนั้นจะเลี้ยงและอนุบาล ด้วยอาหารเม็ด 30% โปรตีน ของบริษัท CP แต่ก่อนจะให้ต้องนำไปแช่น้ำก่อนเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้อาหารอ่อนตัว ซึ่งจะช่วยให้ลูกปลาสามารถกินได้ง่าย และช่วยให้ไม่เกิดปัญหาท้องอืด

ซึ่งเคล็ดลับในการอนุบาลอีกอย่างของลุงแอ๊ด คือ จะใช้ นมสด ผสมกับวิตามินรวม คลุกกับอาหารครั้งละ 7-8 กิโลกรัม เพื่อจะช่วยให้ปลามีการเจริญเติบโตดี แข็งแรง และสันหนา โดยจะให้ทุกวัน วันละ 3 มื้อ คือ เช้า กลาง วัน และเย็น โดยจะให้จนกว่าปลาจะอิ่ม และหยุดกินอาหาร จึงทำให้การให้อาหารในแต่ละครั้งต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่จะทำให้กินอาหารได้อย่างเต็มที่ และมีการเจริญเติบโตที่ดีกว่าการให้อาหารด้วยการคำนวณ

5.คัดไซส์ขนาดปลาทับทิม
5.คัดไซส์ขนาดปลาทับทิม

ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายลูกปลาทับทิม

หลังจากอนุบาลไปได้เป็นเวลา 2 เดือน ลุงแอ๊ดจะนำลูกปลาขึ้นมาคัดแยกขนาดด้วยการร่อนในสวิง ขนาดตา 3เซนติเมตร ซึ่งจะทำให้ได้ปลาขนาด 25 ตัว/กิโลกรัม โดยปลาที่ยังไม่ได้ไซส์จะทำการแยกกระชังออกไป และอนุบาลต่อไปอีก 2 เดือน และจะทำการคัดไซส์อีก 2-3 ครั้ง เพื่อให้ปลาในแต่ละรุ่นเจริญเติบโต และมีขนาดใกล้เคียงกันอย่างสม่ำเสมอ

หลังจากผ่านการอนุบาลไปแล้วจะนำปลาที่ได้ขนาดไปเลี้ยงขุนต่อในกระชังต่างหาก โดยจะใช้ความหนาแน่นกระชังละ 5,000-7,000 ตัว ให้อาหาร 2 มื้อ/วัน เช้า-เย็น ให้จนกว่าปลาจะหยุดกิน ใช้ระยะเวลาเลี้ยง 4 เดือน จะได้ปลาไซส์ 1 กิโลกรัม/ตัว โดยเฉลี่ย จากนั้นอดอาหารก่อนเป็นเวลา 2 วัน จึงจะสามารถจำหน่ายต่อไปได้ เพราะการอดอาหารจะช่วยลดความเสียหายระหว่างการจับ และขนส่งปลาลงไปได้อย่างมาก

ลุงแอ๊ดกล่าวว่าปลาที่ลงเลี้ยงในแต่ละรอบจะต้องประเมินแล้วว่าสามารถโตทันขายในช่วงเทศกาลได้พอดี ไม่ว่าจะเป็นในช่วงปีใหม่ สงกรานต์ หรือเทศกาลสำคัญต่างๆ ซึ่งในช่วงดังกล่าวราคาปลาทับทิมจะขึ้นสูงเกินกว่า 80 บาท/กิโลกรัม จึงทำให้การเลี้ยงเพียงกระชังเดียวอาจทำกำไรได้สูง 100,000บาท/กระชัง

โดยลุงแอ๊ดแนะนำว่าควรจะลงปลาในช่วงมิถุนายน-สิงหาคม จะทำให้ปลาออกได้ตรงช่วงพอดี ดังนั้นในเรื่องของตลาดมั่นใจได้เลยว่าปลาทับทิมนั้นมีพ่อค้า แม่ค้า ตามตลาดรอรับซื้อตลอด แต่อย่างน้อยต้องเลี้ยงให้ได้ปลาไซส์ 1 กิโลกรัม/ตัว จึงจะทำให้ได้ผลกำไรเป็นอย่างดี

โฆษณา
AP Chemical Thailand
6.เลี้ยงปลาทับทิม
6.เลี้ยงปลาทับทิม

ฝากถึงเกษตรกรที่สนใจจะ เลี้ยงปลาทับทิม ในกระชัง

เริ่มต้นลุงแอ๊ดแนะนำว่าควรศึกษาและหาข้อมูลให้ดีก่อนจะเริ่มต้น ไม่ว่าจะจากเกษตรกรที่เลี้ยงมาก่อนอยู่แล้ว หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด ที่มีประจำอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งสิ่งที่สำคัญในการ เลี้ยงปลาทับทิม ในกระชังให้ประสบความสำเร็จ คือ ลูกพันธุ์ ต้องใช้ลูกพันธุ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ และต้องไม่หลุดหมัน เพราะปลาจะไม่โต เลี้ยงไม่ได้น้ำหนัก และทำให้เงินที่ลงทุนจมไปโดยไม่ได้อะไรกลับมา

อีกอย่างหนึ่งก็คือ อยากให้เกษตรกรเปิดรับความรู้ และการเลี้ยงใหม่ๆ เพราะจะทำให้สามารถเลี้ยงปลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จได้ ซึ่งการอนุบาลปลาก่อนลงเลี้ยงนี้ถือเป็นอีกองค์ความรู้ ที่วันนี้ตนสามารถเลี้ยงและประสบความสำเร็จแล้ว จึงอยากให้เกษตรกรได้ลองศึกษาและนำวิธีการนี้ไปใช้ เพื่อพัฒนาการเลี้ยงของตนเอง

หากเกษตรกรท่านใดต้องการขอคำปรึกษาด้านการเลี้ยงทับทิมในกระชัง หรือต้องการไปศึกษาดูงานที่กระชังของลุงแอ๊ด สามารถติดต่อได้ที่ 14 ม.1 ต.บางกุ้ง อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี เบอร์โทรศัพท์ 087-146-3158