ไทยมาโคร – BKS FARM ผลิต ลูกพันธ์ กุ้งก้ามกราม และ กุ้งขาว ด้วยฝีมือ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

พันธุ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง… วาทกรรมอมตะที่คนในวงการกุ้งยอมรับ ในแต่ละเดือนวงการผลิต ลูกพันธุ์ จะมีการสั่ง “พ่อแม่พันธุ์” กุ้งขาววานาไมมาพัฒนา โดยหวังว่าจะได้ “นอเพลียส” คุณภาพ ตอบโจทย์ทางธุรกิจได้ดี

แม้แต่ กุ้งก้ามกราม ก็มีการพัฒนามาตลอด โดยเฉพาะ “กรมประมง” จนเกิดการเปลี่ยนแปลงธุรกิจกุ้งก้ามกรามอย่างเป็นรูปธรรม ภาคเอกชนต้องดิ้นรน เพราะ “กำไร” คือ เป้าหมาย จึงเร่งพัฒนาธุรกิจ ทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำ อุตสาหกรรมกุ้ง แม้จะเจอวิกฤตต่างๆ ก็ต้องสู้

1.คุณสุชัยวิชช์ เดชาภัทร์วโรดม เจ้าของ ไทยมาโคร - BKS FARM
1.คุณสุชัยวิชช์ เดชาภัทร์วโรดม เจ้าของ ไทยมาโคร – BKS FARM

เทคนิคการเพาะเลี้ยงกุ้ง

ทีมงานเดินทางมายังจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อมาพบกับ คุณสุชัยวิชช์ เดชาภัทร์วโรดม หรือ “ตี๋” ศิษย์เก่า ม.เกษตร เอกชีวประมง เจ้าของ ไทยมาโคร BKS FARM ฟาร์มอนุบาล ลูกกุ้งก้ามกราม / กุ้งขาว / ปลากะพง และ ปลาทับทิม เพื่อพูดคุยเรื่องเทคนิคการพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง โดยเฉพาะกุ้งก้ามกราม ซึ่งคุณตี๋มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ถือว่าที่ฟาร์มแห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของกุ้งก้ามกรามสายพันธุ์ “มาโคร” ที่กำลังโด่งดังในขณะนี้เลยก็ว่าได้

“อย่างที่ทราบดีว่า กุ้งก้ามกรามสายพันธุ์มาโครเป็นกุ้งที่กรมประมงเป็นผู้พัฒนา ซึ่งผมอยู่ในทีมพัฒนาสายพันธุ์นี้ด้วย ทำให้รู้ทุกกระบวนการเพาะอนุบาลกุ้งสายพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันผมก็นำกุ้งสายพันธุ์นี้มาพัฒนาต่อยอดให้มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น โดยพัฒนาได้กุ้งเพศผู้กว่า 55 – 60% อีกด้วย”

ที่ผ่านมาทางฟาร์มได้พัฒนาสายพันธุ์กุ้ง และเพาะเลี้ยงเพื่อขายลูกพันธุ์ ให้แก่บริษัทยักษ์ใหญ่ และพี่น้องเกษตรกร ในราคาย่อมเยา โดยทางฟาร์มมีกำลังการผลิตกุ้งก้ามกรามกว่า 20 ล้านตัว / เดือน และ กุ้งขาวอีกกว่า 20 ล้านตัว / เดือน โดยวางราคาขายไว้ที่ 16 สต. ในกุ้งก้ามกราม แบรนด์ ไทยมาโคร และ BKS และ 10 สต. ในกุ้งขาวแม่นอกสายพันธุ์ SIS และอีกหลายสายพันธุ์ที่ท้องตลาดต้องการ นอกจากนี้ยังมีฟาร์มอนุบาลลูกพันธุ์ ปลากะพงขาว และ ปลาทับทิม อีกด้วย

2.การให้อากาศในบ่อเพาะฟัก
2.การให้อากาศในบ่อเพาะฟัก

การบริหารจัดการบ่อกุ้ง

การพัฒนาสายพันธุ์ และ อนุบาลลูกกุ้งให้ได้คุณภาพ คุณตี๋ยืนยันว่าความสำเร็จทางธุรกิจสัตว์น้ำขึ้นกับ 3 ปัจจัยหลัก คือ สายพันธุ์ดี อาหารดี และ การจัดการฟาร์มดี

โฆษณา
AP Chemical Thailand

สายพันธุ์ดี : กระดุมเม็ดแรกที่สำคัญ คุณตี๋จะเน้นคัดเลือกสายพันธุ์กุ้งที่มีคุณภาพจริงๆ โดยก้ามกรามเลือกใช้สายพันธุ์ ไทยมาโคร โตเร็ว แข็งแรง ได้เพศผู้ 55 – 60% และกุ้งตัวเมียตัวใหญ่ ซึ่งคุณตี๋เป็นผู้ลงมือพัฒนาสายพันธุ์เอง ในส่วนของกุ้งขาวจะเน้นคัดเลือกสายพันธุ์ที่ท้องตลาดต้องการมากที่สุด นอกจากนี้จะเน้นเลือกซื้อ นอเพลียส กุ้งขาวจากพ่อแม่พันธุ์ชุดใหม่ที่เพิ่งนำเข้า เพราะจะได้ความสด ใหม่ และ สมบูรณ์ ของนอเพลียสมากที่สุด

อาหารดี : คุณตี๋จะเน้นเรื่องคุณภาพของอาหารที่จะนำมาให้ลูกกุ้งกินมากที่สุด จะต้อง สด สะอาด ปราศจากเชื้อโรค โดยเฉพาะอาหารมีชีวิต อย่าง อาร์ทีเมีย จะเน้นเลือกซื้อจากแหล่งผลิตที่ดี มีคุณภาพ ให้ค่าโปรตีนที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของลูกกุ้ง ที่สำคัญราคาสมน้ำสมเนื้อกับราคาขาย เพื่อไม่ให้ต้นทุนการผลิตสูงเกินไป  เพราะคนที่จะแบกต้นทุนต่อ นั่นคือ เกษตรกร

นอกจากอาร์ทีเมียแล้ว ยังมีไข่ตุ๋นที่ทางฟาร์มคิดสูตรขึ้นมาเอง มีการเสริมธาตุอาหาร และ วิตามิน เข้าไปในสูตร เพื่อให้กุ้งเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ซึ่งคุณตี๋จะสั่งให้โรงงานผลิตให้โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้มาตรฐานในทุกมื้อที่กุ้งกิน

การจัดการฟาร์มดี : เรื่องนี้คือเรื่องสำคัญมาก การจัดการฟาร์ม เริ่มต้นดี แต่ตกม้าตายที่การจัดการ ต่อให้กุ้งดีแค่ไหนก็ไม่รอด ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด คือ เรื่องความสะอาด ในทุกๆ อย่าง ทั้งน้ำ บ่อ สภาพโรงเรือน ทั้งหมด หรือแม้แต่องค์ประกอบที่ควบคุมไม่ได้ อย่าง อากาศ ก็มีส่วนทำให้กุ้งโต หรือ ตายได้

ซึ่งคุณตี๋เลือกสร้างโรงเรือนแบบควบคุมอุณหภูมิทั้งหมด ลงทุนหน่อย แต่คุ้มค่าในระยะยาว เพราะโรงเรือนแบบนี้จะสามารถกำหนดอุณหภูมิภายในได้ ให้เหมาะสมต่อการอนุบาลลูกกุ้ง ที่สำคัญเรื่องของความสะอาดจะต้องปลอดเชื้อมากที่สุด ในบ่ออนุบาลจะต้องมีการถ่ายน้ำทุกวัน ป้องกันการสะสมของเชื้อโรค

วันนี้คุณตี๋ผลิตลุกกุ้งก้ามกราม และ กุ้งขาว ไม่หวั่นไหวต่อโรคต่างๆ หรือสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ กระทบต่ออำนาจซื้อของคนเลี้ยงกุ้ง นั่นเพราะเขาเชื่อมั่นใน “คุณภาพ” ลูกกุ้ง จะทำให้ผู้เลี้ยงอยู่รอด คุณภาพที่เกิดจากฝีมือการเพาะของคุณตี๋ ที่มี “องค์ความรู้” อันเกิดจากนำวิชาการมาประยุกต์กับประสบการณ์ ทำซ้ำๆ จนมั่นใจในฝีมือตนเอง

โฆษณา
AP Chemical Thailand
3.ลูกกุ้งก้ามกราม
3.ลูกกุ้งก้ามกราม

เทคนิคอนุบาลลูกกุ้งให้ได้คุณภาพ ฉบับ ไทยมาโครฟาร์ม (กุ้งก้ามกราม)

เนื่องด้วยทางฟาร์มเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์กุ้งเอง จึงมีการขุนพ่อแม่พันธุ์ใช้เอง โดยพ่อแม่พันธุ์ดังกล่าวจะนำลูกพันธุ์มาจากกรมประมง สายพันธุ์ มาโครแท้ 100% ซึ่งเป็นกุ้ง P นำมาเลี้ยงนาน 6 เดือน ก็จะได้กุ้งโตเต็มวัย จากนั้นจะคัดเลือกกุ้งพ่อแม่พันธุ์ที่ สมบูรณ์ แข็งแรง ตัวใหญ่

จากนั้นนำมาผสมพันธุ์ในบ่อดินขนาด 2 ไร่ ลึก 1.5 เมตร สัดส่วนลงกุ้ง คือ 1:3 (ผู้ 1 ตัว เมีย 1 ตัว) หลังจากลงกุ้งไปแล้ว 2 อาทิตย์ ก็จะสามารถเริ่มเก็บไข่ได้ โดยจะใช้อวนตาถี่แบบนิ่มในการลากเพื่อลดความช้ำของกุ้ง โดยคุณตี๋จะลากกุ้งมาเก็บไข่ทุกอาทิตย์โดยจะสลับบ่อ ซึ่งทางฟาร์มมีบ่อขุนพ่อแม่พันธุ์มากถึง 5 บ่อ เลยทีเดียว

เมื่อได้ไข่กุ้งมาแล้ว จะนำแม่กุ้งมาสลัดไข่ในบ่อปูน และทิ้งไว้ 1 คืน รุ่งเช้าไข่กุ้งจะเริ่มฟักเป็นตัว จากนั้นจะนำไข่กุ้งมาแช่ฟอร์มาลีนทิ้งไว้ 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อฆ่าเชื้อโรค ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยคัดลูกกุ้งที่แข็งแรงจะว่ายขึ้นมาที่ผิวน้ำ ซึ่งคุณตี๋จะช้อนเฉพาะกุ้งที่ว่ายขึ้นมาไปอนุบาลต่อ สำหรับกุ้งก้นบ่อจะทิ้งทั้งหมด เพราะไม่มีความแข็งแรง

เมื่อได้ลูกกุ้งที่แข็งแรงและปลอดเชื้อมาแล้ว จะนำไปอนุบาลต่อในอ่างปูนขนาด 3 x 5 เมตร น้ำ 3 ตัน อัตราหนาแน่นที่ 500,000 ตัว / อ่าง เมื่อเข้าวันที่ 2 ของการอนุบาล คนงานจะเริ่มให้อาหารลูกกุ้ง โดยให้อาร์ทีเมียทุกๆ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าช่วงไหนอาหารหมดก่อนจะต้องให้เพิ่มทันที ป้องกันการกินกันเองของลูกกุ้ง

เมื่อเข้าวันที่ 5 จะเริ่มล้างอ่างอนุบาล ป้องกันการสะสมของเชื้อโรค และจะล้างสลับกันวันเว้นวัน เพื่อช่วงนี้ลูกกุ้งกำลังโต กินอาหารมากขึ้น ทำให้มีของเสียมากขึ้นเช่นกัน พอเริ่มเข้าวันที่ 6 ของการอนุบาล จะเริ่มเสริมไข่ตุ๋นสูตรของทางฟาร์มเข้าไปในมื้ออาหาร เพื่อช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต เนื่องจากกุ้งสายพันธุ์นี้จะโตเร็ว การให้อาร์ทีเมียอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ จะต้องเสริมโปรตีน และ แร่ธาตุชนิดอื่นไปด้วย เพื่อช่วยในการเจริญเติบโต

เมื่อถามถึงเทคนิคการทำให้ลูกกุ้งคว่ำเร็ว คุณตี๋ย้ำว่า ถ้าน้ำดี อาหารดี กุ้งจะคว่ำตามเสต็ปอยู่แล้ว ไม่ช้า ไม่เร็ว เพราะบางทีการที่กุ้งคว่ำเร็วไม่ได้หมายความว่ากุ้งแข็งแรง บางครั้งกุ้งที่คว่ำแล้วอาจถูกกุ้งที่ยังไม่คว่ำจับกินได้ ดังนั้นการที่ทำให้กุ้งเจริญเติบโตตามช่วงเวลาจะดีที่สุด ซึ่งทางฟาร์มกุ้งจะเริ่มคว่ำเมื่ออนุบาลได้ประมาณ 20 วันไปแล้ว หลังจากนั้น อีก 3 วัน ก็สามารถจับขายได้ ซึ่งจะเป็นกุ้งที่แข็งแรง ปลอดโรค และโตเร็ว

โฆษณา
AP Chemical Thailand
4.การเช็คคุณภาพของลูกกุ้ง
4.การเช็คคุณภาพของลูกกุ้ง

เทคนิคอนุบาลลูกกุ้งให้ได้คุณภาพ ฉบับ ไทยมาโครฟาร์ม (กุ้งขาววานาไม)

ในส่วนของกุ้งขาว ทางฟาร์มจะเน้นเลือกใช้สายพันธุ์กุ้งที่ตลาดต้องการ หรือเป็นที่นิยม โดยใช้เทคนิคในการคัดเลือกนอเพลียสจากพ่อแม่พันธุ์ชุดใหม่ๆ ซึ่งจะให้ลูกกุ้งที่แข็งแรง เมื่อได้ลูกกุ้งแล้วจะทำการเตรียมน้ำ โดยทางฟาร์มจะมีบ่อพักน้ำสำหรับใช้ในฟาร์ม และซื้อน้ำเค็มจากช่องแสมสารมาใช้อนุบาลลูกกุ้ง เมื่อผสมน้ำจืดแล้วจะได้ความเค็มที่ 32 PPT

ฟาร์มอนุบาลลูกกุ้งขาวแห่งนี้ มีบ่ออนุบาลกว่า 50 บ่อ โดยจะลงนอเพลียสบ่อละ 1 ล้านตัว ในช่วง 3 – 4 วันแรก จะเน้นให้คีโตเป็นอาหารหลัก โดยให้ทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือจนกว่ากุ้งจะกินหมด จากนั้นจะให้อาร์ทีเมียต่อยันวันจับกุ้ง “ฟาร์มเราจะเน้นเรื่องอาหารมาก เพราะเราค่อนข้างคัดสายพันธุ์ที่โตเร็ว ดังนั้นอาหารต้องถึง ไม่ว่าจะ กุ้งก้ามกราม หรือ กุ้งขาว ต้นทุนจะสูง แต่ก็คุ้มค่า เพราะได้ลูกกุ้งที่มีคุณภาพออกมาให้เกษตรกร เกษตรกรเลี้ยงแล้วก็โตดี มีกำไร ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย”

สำหรับกุ้งขาวจะใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงประมาณ 15 วัน ก็จะสามารถจับขายได้ โดยทางฟาร์มจะเริ่มออกกุ้งตั้งแต่ P5-6 ขึ้นไป แต่คุณตี๋เน้นว่ากุ้งที่ดีต้องอนุบาลให้ได้ 20 วันขึ้นไป ลูกกุ้งจะแข็งแรง ซึ่งเกษตรกรสามารถนำน้ำที่บ่อมาลองลูกกุ้งได้ทุกวัน ตามที่ต้องการ

5.พ่อ-แม่พันธุ์ กุ้งก้ามกราม
5.พ่อ-แม่พันธุ์ กุ้งก้ามกราม

แนวโน้มในอนาคต

“อนาคตกุ้งบ้านเรายังอีกไกล ไม่ว่าจะ กุ้งขาว หรือ ก้ามกราม เพราะเป็นเนื้อสัตว์ที่นิยมรับประทานทั่วโลก เพียงแต่ปัญหาของเราตอนนี้ คือ ราคา ซึ่งแน่นอนว่าเกษตรกรคนเลี้ยงไม่สามารถกำหนดราคาขายได้ แต่สามารถกำหนดต้นทุนการเลี้ยงได้ ซึ่งการเลี้ยงต้นทุนต่ำ

เกษตรกรจะต้องมีองค์ความรู้ในการเลี้ยงกุ้งที่ดี โดยเฉพาะการคัดเลือกลูกพันธุ์กุ้ง ซึ่งถือว่าเป็นกระดุมเม็ดแรกที่ต้องติดให้ถูก กระดุมเม็ดถัดมา คือ อาหาร และ การจัดการฟาร์ม ถ้าติดกระดุมทั้ง 3 เม็ดนี้ ถูกต้อง ถูกที่ อย่างไรการเลี้ยงกุ้งก็ประสบความสำเร็จแน่นอน และถ้าในอนาคตกุ้งก้ามกรามสามารถส่งออกได้อย่างเสรี ผมเชื่อว่าชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรต้องดีขึ้นกว่านี้แน่นอน

ขอขอบคุณข้อมูล คุณสุชัยวิชช์ เดชาภัทร์วโรดม เยี่ยมชมและต้องการเรียนรู้การเพาะ ลูกกุ้งก้ามกราม และ กุ้งขาว ไทยมาโคร BKS FARM ยินดีต้อนรับ โทร.062-987-9922

โฆษณา
AP Chemical Thailand

อ้างอิง : นิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับที่ 385