โครงการรับจ้าง เลี้ยงหมู ของเบทาโกร สร้างรายได้นับแสนให้คนวัยเกษียณ

การ เลี้ยงหมู

การทำปศุสัตว์ ที่หลายคนหันมาทำหลังการเกษียณ เช่น การเลี้ยงสุกร โดยการรับจ้างเลี้ยง จึงเป็นอีกทางเลือกที่สร้างรายได้นับแสนให้กับคนวัยเกษียณได้เป็นอย่างดี

ขอยกตัวอย่าง อดีตข้าราชการ เรืออากาศโทบุญเลิศ กอใหญ่กลาง รับราชการทหารในส่วนของนายทหารการภาพของกองบิน แถมยังเป็นช่างภาพ ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น เป็นนายทหารการภาพที่ควบคุมกิจกรรมเรื่องการถ่ายภาพทั้งหมดในส่วนของกองบิน นำเสนอข่าวสารกิจกรรมของกองบิน ลงข่าวให้สำนักข่าวต่างๆ อีกด้วย

เริ่มแรกเรืออากาศโทบุญเลิศไม่ได้คิดที่จะทำอาชีพ เลี้ยงหมู จนเมื่อมีโอกาสไปพบเจอเพื่อนที่เป็นทหารด้วยกัน “ เริ่มแรกเลยผมไปเจอเพื่อนที่เป็นทหารที่จังหวัดนครนายก ตอนนั้นเขาก็เล่ากับผมว่าให้ไปทำอาชีพเสริมอย่างเขา เลี้ยงหมู แบบรับจ้างเลี้ยงได้รุ่นละ 6-7 แสน จากที่ตัวเขาไม่มีอะไรเลย นอกจากที่กู้อย่างเดียว ตอนนี้หนี้เขาก็ใช้จนใกล้จะหมดหนี้แล้ว  แล้วเขาก็พาผมไปดูงานการเลี้ยงที่ฟาร์มของเขา ผมก็คิดว่าน่าสนใจดี ในเมื่อตัวผมมีทุนอยู่แล้ว ก็คิดว่าเราคงกู้เพิ่มอีกไม่มาก ก็เลยหันมาศึกษาอย่างจริงจัง แล้วเริ่มลงมือที่จะลองเลี้ยงดู”  เรืออากาศโทบุญเลิศกล่าว

จุดเริ่มต้นการ เลี้ยงหมู ขุน

ความบังเอิญเป็นจุดนำให้เรืออากาศโทบุญเลิศได้ไปเห็นกิจการของเพื่อนทหารด้วยกันที่ทำอาชีพรับจ้างเลี้ยงสุกร ได้มีการพาไปดูงานการเลี้ยง แล้วเห็นน่าจะมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจากจุดนี้ได้ จึงตัดสินใจที่จะหันไปลองเลี้ยงสุกร จนกลายเป็นอาชีพหลักของทางครอบครัว หลังจากที่เกษียณอายุราชการทหารออกมาได้อีกด้วย ใช่ว่าคิดจะเลี้ยงก็เลี้ยงเลยได้นั้น ก่อนอื่นผู้ที่จะเลี้ยงสุกรได้นั้น อย่าง เรืออากาศโทบุญเลิศ ต้องไปศึกษาข้อมูลเบื้องต้น

ขั้นตอนต่อไป คือ การติดต่อกับบริษัทที่ตนสนใจจะเข้าร่วมเป็นลูกเล้า เรืออากาศโทบุญเลิศเลือกที่จะ เลี้ยงหมู กับ “บริษัท เบทาโกรฯ” จีงได้ติดต่อไปบริษัทที่ฝ่ายผู้จัดการประจำภาคเหนือ ซึ่งช่วงนั้นทางบริษัทต้องการขยายลูกเล้าพอดี เจ้าหน้าที่จากเบทาโกรได้จัดพาไปดูงานฟาร์มสุกรตามสถานที่ต่างๆ ของในเครือเบทาโกร จนตนเองได้รายละเอียดต่างๆ มาพอสมควร จึงกลับมาเริ่มปรับสภาพที่ดินเพื่อสร้างโรงเรือน โดยมีทีมงานของเบทาโกรเข้ามาช่วยเหลือดูแล พร้อมกับทีมสัตวบาลมาให้คำปรึกษา

สภาพพื้นที่ เลี้ยงหมู ขุน

การลงทุนเริ่มแรกก็ต้องมีการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธ.ก.ส. มาประมาณ 3 ล้านบาท และบวกกับเงินเก็บที่มี จากนั้นจึงได้ติดต่อขอซื้อที่ดินจากญาติมาไร่ละ 15,000 บาท ซื้อมา 40 ไร่ เริ่มสร้างโรงเรือนแบบระบบปิด (Evap) งบประมาณในการสร้างโรงเรือนลงทุนโรงเรือนละ 2 ล้านบาท  จำนวน 2 โรง นอกจากนั้นยังมีการสร้างบ่อแก๊สพร้อมอุปกรณ์ ด้วยงบประมาณ 1 ล้านบาท บ่อแก๊สจะช่วยในการกำจัดมูลสุกร เพื่อไม่ให้กลิ่นไปรบกวนชาวบ้าน แล้วยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกด้วย

ปัจจุบันฟาร์มบุญเลิศเลี้ยงสุกรขุนในรูปแบบรับจ้างเลี้ยงกับ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) มาเป็นระยะเวลาถึง 7 ปีแล้ว มีการเลี้ยงสุกรมา 14 รุ่น โดยใช้พื้นที่ในการสร้างโรงเรือนจำนวน 2 โรงเรือน โรงเรือนมี 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดแรก 100×12 เมตร สามารถเลี้ยงสุกรได้ 640 ตัว  กับขนาดที่สอง 80×12 เมตร สามารถเลี้ยงสุกร 630 ตัว รวมสุกรทั้งหมด 1,270 ตัว และมีบ่อแก๊สจำนวน 1 บ่อ โดยมีพื้นที่ประมาณ 7-8 ไร่

การใช้อุปกรณ์ในฟาร์มหมู

ทางฟาร์มบุญเลิศเลี้ยงสุกรแบบโรงเรือนระบบปิด (Evap) ใช้อุปกรณ์ของ บริษัท การุณ บราเธอร์ส  จำกัด เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ของแท้ มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ใช้มานาน 7 ปีแล้ว ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ถ้ามีปัญหาก็จะโทรเข้าไปสอบถาม  และแก้ไขเบื้องต้น ถ้าแก้ไม่ได้ทางการุณฯ ก็จะส่งพนักงานเข้ามาดูแล

โรงเรือนระบบปิด (Evap) หลายๆ คนอาจเริ่มมีความสนใจ หรือเคยได้ยินคำว่าอีแวปอยู่บ่อยๆ เนื่องจากระบบโรงเรือนแบบนี้สามารถนำมาสร้างเลี้ยงสัตว์ หรือปลูกพืช ก็ได้ มีหลากหลายขนาดแตกต่างตามจุดประสงค์ของคน รูปแบบโรงเรือนระบบอีแวป ( Evap ) ย่อมาจาก Evaporative cooling system คือ เป็นการสร้างโรงเรือนให้มีระบบทำความเย็นแบบที่ใช้การระเหยของน้ำช่วยในการทำความเย็น

หลักการทำงานของระบบ Evap ก็คือ ปล่อยกระแสลมให้ไหลผ่านตัวกลางที่มีน้ำไหลผ่าน ที่เรียกกันว่า (cooling pad) และการที่อากาศซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่าไหลผ่านน้ำจะทำให้น้ำระเหยกลายเป็นไอ ทำให้อุณหภูมิของอากาศลดลง ลมจะช่วยพาความร้อน และความชื้น ที่สะสมอยู่ในบริเวณนั้น และใกล้เคียงออกไป เป็นการช่วยถ่ายเทความร้อนได้อย่างดี

การบริหารจัดการในฟาร์มหมู

การจัดการภายในฟาร์มในแต่ละวัน เรืออากาศโทบุญเลิศจะเป็นผู้ดูแลฟาร์มเองทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการจ้างคนงานมาช่วยดูแลเป็นครอบครัว  เริ่มงานช่วงเช้าตี 4 ถึงตี 5 ก็จะเข้ามาดูแลทำความสะอาดของเล้าสุกรทุกเล้าจนสะอาด ส่วนอาหารทางฟาร์มจะใช้ในระบบ Auto Feed และให้อาหารสำเร็จรูปซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ในเครือเบทาโกร โดยการให้ตามโปรแกรมที่บริษัทกำหนดมา

โดยให้ตามสูตรอาหารเริ่มตั้งแต่เบอร์ 1-5 ตามตารางที่บริษัท เบทาโกร กำหนดมา สุกรที่รับมาเลี้ยงก็จะเป็นพันธุ์ที่ได้มาจากเบทาโกรโดยตรง สุกรที่รับมาเลี้ยงจะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5 กิโลกรัม เริ่มเลี้ยงต่อไปเรื่อยๆ ตามโปรแกรมที่บริษัทให้มา จนครบ 4 เดือนครึ่ง ก็จะทำการจับ น้ำหนักเฉลี่ยที่เลี้ยงได้มีน้ำหนักประมาณ 110 กิโลกรัม/ตัว และจะทำการพักเล้า โดยใช้เวลาประมาณ 40 วัน ช่วงพักเล้าทางฟาร์มก็จะทำความสะอาดเล้าด้วยน้ำยาที่ทางบริษัท เบทาโกรฯ ให้มา

“สุกรที่รับมาช่วงแรกจะต้องสอนให้เขารู้จักการกินอาหารเองได้ รู้จักการกินน้ำได้ว่ากินก๊อกน้ำตรงไหน แล้วก็สอนให้รู้จักที่ปล่อยอุจจาระ ปัสสาวะ ที่เขาเรียกว่าอ่างส้วม ไม่งั้นเขาก็จะถ่ายไปทั่ว ยากแก่การทำความสะอาด การเลี้ยงสุกรไม่ยาก ขึ้นอยู่กับการดูแลใส่ใจ เราจะเลี้ยงเอง ดูแลเอง ทุกขั้นตอน” 

การเข้า-ออกฟาร์ม ทั้งคน และยานยนต์ ต้องมีการทำความสะอาดก่อนที่จะเข้าไปในบริเวณฟาร์มเพื่อที่จะป้องกันและควบคุมโรคไม่ให้แพร่ระบาดเข้า-ออกจากฟาร์ม โดยคนนั้นต้องมีการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่ผ่านการทำความสะอาด แล้วล้างมือ ล้างเท้า แล้วสวมรองเท้าบูทยาวที่ฆ่าเชื้อ ก่อนเข้าสู่โรงเรือน ส่วนยานพาหนะทุกชนิดที่แล่นเข้า-ออกฟาร์ม ต้องผ่านบ่อน้ำยาฆ่าเชื้อโรคก่อนแล่นผ่านเข้า-ออกทุกครั้ง

ปัญหาและอุปสรรคในฟาร์มหมู

ปัญหาที่ทางฟาร์มพบมา เรืออากาศโทบุญเลิศกล่าวว่า “ส่วนมากจะมีปัญหาเฉพาะช่วงแรกที่เริ่ม เลี้ยงหมู ที่ฟาร์มจะป่วยเป็นโรคไอกันมาก ตนก็รักษาดูแลตามที่เคยศึกษามาบ้าง แต่ก็ไม่ทันเวลา จนทำให้มีการสูญเสียหมูไปมากเหมือนกัน

เนื่องจากตนเองยังเพิ่งเลี้ยงด้วย พอมีปัญหาตนก็โทรไปปรึกษากับทางหมอของบริษัท เบทาโกรฯ ก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี ทำให้ตนเองทำงานง่ายขึ้น และเริ่มที่จะมีประสบการณ์มากขึ้น เข้าใจการดูแลหมู ก็เหมือนกับเด็ก ๆ ถ้าป่วยเราจึงต้องดูแลให้ไว ใส่ใจให้มาก ไม่งั้นอาการเขาจะแย่เร็วมาก”

ข้อดีจากบ่อไบโอแก๊ส

ทางฟาร์มสามารถนำมาปั่นเป็นไฟสำรอง มีระบบที่ใช้ในการจัดการของเสียให้มีประสิทธิภาพ และยังได้ผลตอบแทนที่ดีจากการจัดการของเสีย นั่นคือ ระบบผลิตก๊าซชีวภาพ โดยหลักการทำงานของระบบจะอาศัยกระบวนการในการหมักและย่อยสลายแบบไร้อากาศ (Anaerobic Digestion) ซึ่งมีกระบวนการดังนี้

ของเสียจากสุกร เช่น มูล และน้ำเสีย จะถูกย่อยสลายเป็นกรดอินทรีย์ และย่อยให้เล็กลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นก๊าซชีวภาพ ซึ่งตัวที่ทำหน้าที่ในการย่อยสลายจะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรียกว่า แบคทีเรีย ซึ่งดำรงชีวิตอยู่ด้วยการกินของเสีย และปล่อยกรดอินทรีย์ออกมา และจะมีแบคทีเรียอีกชนิดหนึ่งคอยกินกรดอินทรีย์ แล้วย่อยสลายให้เกิดก๊าซชีวภาพออกมา

การนำไปใช้ประโยชน์เป็นพลังงานทดแทนภายในฟาร์ม

1.นำไปผลิตกระแสไฟฟ้า การนำก๊าซชีวภาพไปเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซล และต่อเครื่องยนต์กับเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า (Generator) แล้วผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในฟาร์ม ซึ่งสามารถลดค่าไฟฟ้าในฟาร์มได้ถึง 50-70 เปอร์เซ็นต์

2.นำไปใช้กับเครื่องยนต์หมุนพัดลมโรงเรือน โดยนำท่อก๊าซชีวภาพต่อเข้ากับเครื่องยนต์โดยตรงเพื่อทดแทนการใช้น้ำมัน ซึ่งสามารถทดแทนการใช้น้ำมันได้ถึง 90%  สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล และเครื่องยนต์เบนซินสามารถทดแทนได้เกือบ 100%

3.นำไปใช้แทนเชื้อเพลิงอื่น ในฟาร์มบางฟาร์มมีหม้อต้มไอน้ำที่ต้องใช้ฟืนและแกลบ หรือมีการใช้เชื้อเพลิงอื่นๆ เช่น ใช้ก๊าซหุงต้มกับหัวกกลูกสุกร ก็สามารถนำก๊าซชีวภาพไปทดแทนได้

(อ้างอิงความรู้จากสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

ทางฟาร์มบุญเลิศในช่วงแรกที่ยังไม่มีบ่อไบโอแก๊สก็จะมีปัญหาในเรื่องกลิ่นที่ไปรบกวนชาวบ้านจนถูกร้องเรียนมา ส่วนในเรื่องของราคาค่าไฟก็อยู่ที่ 13,000-14,000 บาท แต่พอมีบ่อไบโอแก๊สแล้วปัญหาด้านกลิ่นที่ไปรบกวนชาวบ้านก็หมดไป เมื่อหันมาใช้ประโยชน์ในด้านไฟฟ้าใช้ปั่นไฟฟ้าทดแทนกันก็ช่วยลดยอดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ราคา 5,000-7,000 บาท แล้วก็ไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องของไฟดับ

การจำหน่ายปุ๋ยขี้หมู

ส่วนของกากจากขี้สุกรที่ทางบ่อจะมีช่องพักก็จะนำไปตากแห้งแล้วตักใส่กระสอบ บรรจุขายใบละ 40 บาท เป็นปุ๋ยขี้หมูแท้ 100 % ซึ่งในอนาคตทางฟาร์มจะทำเป็นแบบอัดเม็ดขาย ส่วนของน้ำใสที่ได้ออกมาจากบ่อแก๊ส ทางฟาร์มจะใช้น้ำเป็นน้ำหยดลงในบริเวณสวนอ้อยของทางฟาร์มเอง จึงทำให้ต้นอ้อยที่อยู่แถวนั้นเขียว สวยงามมาก ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งเดียวที่คุ้มค่าอย่างมากเลยทีเดียว

ทั้งนี้ในเรื่องของผลตอบแทนที่ได้รับจากการเลี้ยงสุกรรูปแบบรับจ้างเลี้ยง เรืออากาศโทบุญเลิศเปิดเผยว่าได้ผลตอบแทนจากบริษัทฯ เฉลี่ยหักค่าใช้จ่ายภายในฟาร์มแล้วก็จะเหลือราวต่อเดือนหลักแสนพอเลี้ยงครอบครัวได้ แถมถ้าเราบริหารเงินที่ดี เงินเก็บเราก็จะมีเหลืออีกมาก

ฝากถึงคนที่คิดจะ เลี้ยงหมู

ปัจจุบันฟาร์มบุญเลิศยังเป็นฟาร์มตัวอย่างที่ได้รับรางวัลจากทาง บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เป็นรางวัลฟาร์มดีเด่นด้านการจัดการฟาร์มและเลี้ยงสุกร

เรืออากาศโทบุญเลิศได้ฝากถึงคนที่คิดจะเลี้ยงสุกรในรูปแบบรับจ้างเลี้ยงว่า “สามารถเข้ามาสอบถาม หรือมาศึกษาดูงานได้ ตนก็จะแนะนำการดูแล ไม่หวงความรู้ ที่นี่ยินดีต้อนรับ และรับปรึกษาปัญหาการ เลี้ยงหมู แต่ต้องเลี้ยงในระบบเดียวกัน”

ขอขอบคุณ เรืออากาศโทบุญเลิศ กอใหญ่กลาง เจ้าของฟาร์มบุญเลิศ 223 หมู่ 7 ต.อุดมสัญญา อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์