ไข่ซีลีเนียม คุณภาพ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทนโรค ผลิตจากไก่ไข่พันธุ์ไทย

ไข่ไก่เปรียบเสมือนอาหารจานหลักบนโต๊ะอาหารไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะทำเมนูอะไร ส่วนใหญ่ต้องมีไข่เป็นส่วนประกอบ หรือไม่ก็ต้องมีบนโต๊ะอาหารแทบทุกบ้าน

จุดเริ่มต้นการเลี้ยงไก่ไข่

ครั้งนี้ทางทีมงานนิตยสารสัตว์บกได้ลงพื้นที่ขอเข้าสัมภาษณ์ คุณทรงวุฒิ เครือรัฐติกาล เจ้าของฟาร์มไก่ไข่ “สงวนฟาร์ม” ซึ่งทางทีมงานได้การต้อนรับเป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการอ่านเรามารู้จักความเป็นมาของสงวนฟาร์มกันเลย

คุณทรงวุฒิได้พูดความเป็นมาในการเริ่มทำฟาร์มไก่ไข่ จนมาถึงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสายพันธุ์ไก่ไข่ที่มีความทนต่อโรค เพื่อได้ไข่ไก่ที่มีคุณภาพ จนมาถึงจุดเริ่มต้นของ “ ไข่ซีลีเนียม ” ที่ดี มีคุณภาพ จนผลิตขายไม่ทัน

คุณทรงวุฒิได้เล่าว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องผ่านอุปสรรคค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว แรกเริ่มจากการขายอาหารสัตว์มาก่อน พอขายไปได้สักพักก็เริ่มที่จะหันเหมาเลี้ยงไก่เสริม จึงได้เริ่มหาลูกไก่มาเลี้ยง โดยเริ่มจากการขายอาหารผสมสำเร็จรูป หลังจากนั้นจึงตัดสินใจนำลูกไก่จากฟาร์มรุ่งรัตน์มาเลี้ยง ในสมัยนั้นคุณทรงวุฒิบอกกับทีมงานว่าถ้าจะหาลูกไก่มาเลี้ยงต้องที่ฟาร์มรุ่งรัตน์เท่านั้น เพราะเป็นฟาร์มที่เพาะพันธุ์ลูกไก่คุณภาพ โดยพันธุ์ที่ได้ซื้อมานั้นเป็นสายพันธุ์โร๊ดไอส์แลนด์เรดพันธุ์แท้

การเพาะพันธุ์ไก่ไข่

หลังจากที่เลี้ยงไปได้ 2-3 ปี มีปัญหาในเรื่องของลูกพันธุ์ จึงอยากลองที่จะเพาะพันธุ์เอง จึงตัดสินใจที่จะเพาะพันธุ์เอง ได้เอาไก่จากฟาร์มรุ่งรัตน์มายืนเป็นแม่พันธุ์ และ นำพ่อพันธุ์มาจากฟาร์มมาผสมพันธุ์เป็นการนำเข้ามาเพียงชุดเดียว โดยเริ่มผสมพันธุ์ตั้งแต่ปี 2501 และเริ่มทำจริงจัง ทั้งการเลี้ยง และผสมพันธุ์ ในปี 2506

การผสมพันธุ์จะเริ่มจากการออกไข่ของตัวไก่จนเป็นลูกออกมา ในสมัยนั้นประมาณ 1,000 ตัว ซึ่งในการฟักของทางสงวนฟาร์มจะใช้ตู้ฟักจากประเทศญี่ปุ่นมาช่วยเป็นการทำพันธุ์เอง และคัดพ่อแม่พันธุ์ไปยังฟาร์มของคุณทรงวุฒิเอง และทำพันธุ์เรื่อยมาหลายปี มีลูกค้าแวะเวียนมาซื้อลูกไก่กับทางสงวนฟาร์มจากหลายที่ หลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นที่อยุธยา หรือสระบุรี โดยการเดินทางมารับเอง

ในสมัยนั้นคุณทรงวุฒิบอกว่า ใช้การเดินทางโดยรถไฟ โดยจะเดินทางมากันตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อที่จะมาถึงหน้าฟาร์มในช่วงสายๆ ประมาณ 9-10 โมง มีการมาซื้อข้าวโพดสำหรับเลี้ยงไก่ไข่ รำข้าว ลูกไก่ จากทางฟาร์มของคุณทรงวุฒิเอง พอทำได้สักระยะสถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง รายย่อยเริ่มล้มหายตายจาก หรือไม่ก็เลิกกิจการไป จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทางสงวนฟาร์มมีการเลี้ยงไก่มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว พอปี 2513 ก็เพิ่มขึ้นถึง 1 แสนกว่าตัว พอปี 2524 ก็ได้ล้มเลิกการเพาะขยายสายพันธุ์แท้ทั้งหมด

การป้องกันกำจัดโรคระบาดในฟาร์มไก่ไข่

เมื่อสอบถามปัญหาที่พบระหว่างการเพาะพันธุ์ รวมไปถึงการขายไข่ไก่ ของทางสงวนฟาร์มเอง คุณทรงวุฒิกล่าวว่าปัญหาของการเลี้ยงไก่ไข่ และการส่งขายนั้นมีอยู่ทั้งในอดีตจนปัจจุบัน ทางคุณทรงวุฒิได้นำสายพันธุ์ดีคราฟเข้ามา แต่พอนำเข้ามาแล้วพบโรคที่ไม่เคยเจอในตัวไก่ไข่มาก่อน นั่นก็คือโรค EGG DROP SYNDROME: EDS หรือโรคไข่นิ่ม ก็ลองไปปรึกษากับคุณพ่อ

และก็เลยเริ่มสังเกตอาการของไก่ในฟาร์มของตนไปด้วย อาการแรกหลังจากไก่ไข่ ฟองไข่นั้นจะนิ่ม จนเริ่มแน่ใจแล้วว่าติดโรค ก็เริ่มปรึกษาเพื่อน จนกระทั่งนำตัวไข่ไก่ไปตรวจที่ห้องแลบชี้ชัดว่าติดโรคไข่นิ่ม จึงเริ่มทำการป้องกันภายในฟาร์ม โดยใช้วัคซีนป้องกัน Egg drop Syndrome

ปัญหาและอุปสรรคในฟาร์มไก่ไข่  

ต่อมาในปี 2550 คุณทรงวุฒิได้รับผลกระทบหลายๆ ด้าน จากบริษัทใหญ่ที่บีบให้ซื้ออาหารสัตว์ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีการขายพันธุ์ไก่ให้ หรือส่งสายพันธุ์ไก่ให้ไม่ครบจำนวนตามความต้องการของทางฟาร์ม เมื่อปี 2555 ได้มีหนังสือแจ้งมาทางฟาร์มว่าถ้าไม่ซื้ออาหารไก่ไข่ ทางบริษัทจะไม่ส่งลูกพันธุ์ให้อีก

แต่ถึงอย่างนั้นทางคุณทรงวุฒิก็ไม่ยอมแพ้ จึงได้ติดต่อกับอาจารย์สวัสดิ์ ผู้มีความรู้ทางด้านไก่ไข่ และการขยายพันธุ์ไก่ไข่ จึงขอร้องให้อาจารย์เข้ามาช่วยในเรื่องนี้ เพื่อเป็นที่ปรึกษาทางด้านการผลิตไก่ไข่ให้มีความสำเร็จ โดยอาจารย์สวัสดิ์เองก็มีฟาร์มอยู่ที่บ้านแพ้ว หลังจากที่คุณทรงวุฒิปรึกษากับอาจารย์สวัสดิ์แล้วได้เดินทางไปยังฟาร์มของอาจารย์สวัสดิ์ เพื่อดูการเพาะพันธุ์ไก่พ่อแม่พันธุ์

จนกระทั่งอาจารย์สวัสดิ์ได้ยกไก่พันธุ์จำนวน 2,000 ตัว ให้กับคุณทรงวุฒิ แต่เมื่อนำมาคัดแล้วก็ได้แค่ไม่กี่ตัวเท่านั้นที่มีลักษณะตรงกับที่ต้องการนำไปขยายพันธุ์ ในตอนแรกที่นำมาเลี้ยง คุณทรงวุฒิก็สังเกตตลอด พอถึงระยะเวลาฟักไข่ก็เอาไปให้เพื่อนๆ ที่เป็นเกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่ดู เพื่อนๆ ต่างก็บอกว่าเลี้ยงไปไม่ได้อะไรหรอก

เนื่องจากสีไข่ของฟาร์มคุณทรงวุฒินั้น ทั้งซีด ทั้งใบเล็กเกิน แต่ทางฟาร์มก็ได้ร่วมกับอาจารย์สวัสดิ์ทำการปรับปรุงสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลาผ่านไป 5 ปี ผลที่ตามมาก็เริ่มเห็นผลมากขึ้น จนกระทั่งปีที่ 6 เห็นชัดมาก ผลผลิตมากขึ้น สายพันธุ์ก็เริ่มชัดเจนมากขึ้น พอเข้าปีที่ 7 ก็ชัดเจนขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว คุณทรงวุฒิได้ตั้งเป้าไว้ว่าไข่ต้องได้ไม่ต่ำกว่าประมาณ 87% ขนาดของไซส์มีความใหญ่ขึ้นจนเห็นได้ชัด ในอนาคตทางฟาร์มได้ตั้งเป้าไว้เพิ่มขึ้นอีก

การบริหารจัดการฟาร์มไก่ไข่

จุดเด่นของสายพันธุ์จะมีภูมิต้านทานต่อโรค ไข่นิ่มในตัวยีนของแม่พันธุ์เอง และในปัจจุบันนี้ทางสงวนฟาร์มไม่พบโรคไข่นิ่มอีกเลย จึงไม่ได้ใช้วัคซีนสำหรับป้องกันโรคไข่นิ่มเป็นระยะเวลา 7 ปีเต็ม โดยทางฟาร์มของคุณทรงวุฒิต้องการเป็นฟาร์มที่ปลอดยาปฏิชีวนะ อีกทั้งยังมีการหมั่นตรวจคุณภาพและโรคในฟาร์มของตัวเอง นี่แสดงให้เห็นว่าผลที่ได้จากการลองผิดลองถูก รวมไปถึงการได้ปรึกษากับอาจารย์สวัสดิ์เห็นผลชัดเจนมากขึ้น เพราะอาจารย์สวัสดิ์ได้บอกกับคุณทรงวุฒิว่าในตัวไก่ของอาจารย์สวัสดิ์เอง แม่พันธุ์จะมียีนที่ต้านทานต่อโรคอยู่ในตัว จึงไม่ต้องเป็นกังวลมากจนเกินไป

ทางด้านอาจารย์สวัสดิ์เองก็มีการนำไก่ของอาจารย์เองไปตรวจสอบเช่นกัน เพราะได้รับการส่งเสริมมาจาก สวทช. ผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ได้รู้สาเหตุว่าทำไมสายพันธุ์ไก่ของอาจารย์มีความต้านทานต่อโรค เพราะพันธุ์ไก่ของอาจารย์สวัสดิ์นั้นมียีนที่ป้องกันโรคถึง 80% ส่วนในตัวแม่พันธุ์นั้นจะมียีนชนิดนี้อยู่ประมาณ 40 %

คุณทรงวุฒิยังบอกอีกว่าตัวสายพันธุ์โร๊ดไอส์แลนด์เรดแท้ๆ  จะมีภูมิต้านทานต่อโรคมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ  รวมไปถึงสายพันธุ์ผสมด้วย พอเริ่มจับทางและรู้ว่าสายพันธุ์ใดมีความต้านทานต่อโรคก็เริ่มมีการพัฒนาสายพันธุ์ โดยไม่ได้ใช้ปฏิชีวนะในไก่ไข่มาเป็นระยะเวลา 10  ปีแล้ว อาจารย์สวัสดิ์จะบอกเสมอว่าถ้าตัวไหนก็ตามที่สงสัยว่าติดโรคก็ปล่อยตัวนั้นตายไปตามธรรมชาติก็พอ ส่วนตัวไหนที่แข็งแรงก็ปล่อยให้มันได้สร้างยีนขึ้นมาเอง เพื่อเป็นการสร้างความต้านทานโรคด้วยตัวของไก่เอง

ตอนที่คุณทรงวุฒิได้เริ่มนำเข้ามานั้นก็ยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจหรือลองดูตามที่อาจารย์สวัสดิ์แนะนำ เพราะคุณทรงวุฒิก็มีวัคซีนป้องกันโรคอยู่แล้ว ก็ลองฉีดวัคซีนป้องกันโรคหวัด พอผ่านไป 2 วัน ก็ได้เรื่องเลย ไก่ที่ฟาร์มของคุณทรงวุฒิก็มีอาการหน้าบวมทั้งเล้า ก็จะนำสารสกัดไบโอมาผสม 10 มล.ต่อ 1 กิโลกรัม ผสมให้กินในน้ำ หลังจากนั้น 3 วัน ไก่ในเล้าทั้งหมดก็มีสภาพเป็นปกติเหมือนเดิม หลังจากนั้นคุณทรงวุฒิจึงตัดสินใจไม่ฉีดวัคซีนให้ไก่อีกเลย

พูดถึงจุดเด่นของไก่ไข่คงหนีไม่พ้นไก่สายพันธุ์ของไทย คุณทรงวุฒิกล่าวว่าใจจริงอยากให้เมืองไทยมีสายพันธุ์ไก่ไข่เป็นของไทยเอง เพราะถ้าเรามีพันธุ์ไก่ที่เป็นสายพันธุ์ไทยแท้ มันจะดีต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่มาก เพราะไก่ไข่สายพันธุ์มีภูมิคุ้มกันที่ดี ต้านทานต่อโรคได้จริงๆ ไก่ไข่สายพันธุ์มีมายาวนานหลายชั่วอายุคนแล้ว แต่เพิ่งมาเด่นชัดช่วงหลังๆ นี่เอง โดยพื้นฐานของสายพันธุ์ไทยนั้นมีพื้นฐานมาจากสายพันธุ์โร๊ดไอส์แลนด์เรด เป็นพันธุ์ที่มีความทนทานต่อโรคต่างๆ เป็นอย่างมาก

การคัดแยกไข่ไก่

หลังจากทีมงานดูจุดเด่นแล้วก็มาถึงการพัฒนาไข่ไก่ให้ได้คุณภาพ และมีขนาดที่ใหญ่เหมาะสมพอดี โดยการพัฒนาและวิจัยในครั้งนี้ คุณทรงวุฒิบอกว่าได้ริเริ่มทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับอาจารย์สวัสดิ์ ช่วงแรกคุณทรงวุฒิได้สอบถามว่าจะพัฒนาไข่ไก่ให้มีคุณภาพที่ดี และใบที่ใหญ่ ขึ้นยังไง อาจารย์สวัสดิ์บอกว่าควรจะเก็บไข่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเอาไว้ เพื่อที่จะได้นำมาทำเป็นพ่อแม่พันธุ์พัฒนาสายพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ

อีกทั้งยังเป็นการดึงเลเยอร์ให้ไข่มีขนาดใหญ่ขึ้น และแข็งแรงขึ้น นอกจากไข่ที่จะได้จากแม่พันธุ์ที่ดีจะทำให้ไข่มีขนาดใหญ่พอดี ไม่ใหญ่มากจนน่ากลัวเกินไป อีกทั้งอาจารย์สวัสดิ์ยังแนะนำให้ลองซื้อเครื่องคัดแยกไข่ การคัดแยกนั้นคุณทรงวุฒิจะใช้แรงงานคนในช่วงแรก โดยแบ่งขนาดของตัวไข่ไก่เป็น 3 ขนาด คือ ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ แต่ถ้าใบไหนเห็นว่าผิวไม่สวย ไม่เรียบเนียน ก็จะทำการคัดออกทันที คุณทรงวุฒิคาดการณ์ว่าในอนาคตทางสงวนฟาร์มจะเริ่มผลิตลูกไก่ที่มีน้ำหนักตัวที่สมบูรณ์ขึ้นอย่างแน่นอน เพราะสายพันธุ์นี้มีความคงทนต่อโรคมากจริงๆ

การบำรุงดูแลไก่ไข่            

ในด้านการเลี้ยง คุณทรงวุฒิจะเน้นเลี้ยงแบบมีคุณภาพและใส่ใจในตัวไข่ โดยเน้นการเลี้ยงแบบธรรมชาติไม่มีการใส่สารเคมี เน้นการผลิตไข่แบบมีคุณภาพ หลังจากเริ่มปรับเปลี่ยนหลายๆ อย่าง ตามยุคสมัย ก็เริ่มเห็นผลสำเร็จมากขึ้น ทำอย่างไรให้ได้คุณภาพ

คุณทรงวุฒิใช้รำสดมาช่วยในการผสมอาหารให้ไก่กิน เพราะรำสดจะมีสารที่ช่วยให้ไข่มีคุณภาพ และตัวไก่ไข่เองก็จะได้รับสารอาหารที่ดีเพิ่มขึ้น ปัจจุบันทางสงวนฟาร์มมีการเลี้ยงดูประมาณ 2 แสนกว่าตัว ในส่วนของพ่อแม่พันธุ์นั้น  ทางคุณทรงวุฒิบอกว่าจะหาตัวไหนมาก็ได้  เพราะทางฟาร์มมีการคัดแยกพ่อแม่พันธุ์ไว้อยู่แล้ว  โดยพ่อแม่พันธุ์จะเน้นการเลี้ยงแบบโรงเปิด ในส่วนลูกไก่ทางฟาร์มก็มีการปรับเปลี่ยนมาเลี้ยงแบบโรงเปิดด้วยเช่นกัน

เมื่อถามถึงอนาคต คุณทรงวุฒิเปิดเผยว่าในปีหน้าทางสงวนฟาร์มจะเพิ่มน้ำหนักของตัวไข่ไก่ และภายใน 5 ปี จะเพิ่มให้ได้ 3 กรัมขึ้นไป ค่อยๆ เพิ่มเพื่อให้ได้ไข่ที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง

คุณสมบัติของซีลีเนียม

ซีลีเนียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อสุขภาพ ถึงแม้ว่าร่างกายจะต้องการในปริมาณไม่มากนักก็ตาม โดยเมื่อแร่ธาตุซีลีเนียมรวมตัวเข้ากับโปรตีนทำให้เกิด “ซีลีโนโปรตีน” ซึ่งเป็นเอมไซม์ที่สำคัญในการต้านอนุมูลอิสระ คุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระของซีลีโนโปรตีนมีส่วนช่วยในการป้องกันการเสียหายของเซลล์อันเกิดจากอนุมูลอิสระ

โดยอนุมูลอิสระเป็นผลมาจากการเผาผลาญสารอาหารของร่างกายโดยใช้ออกซิเจน ซึ่งมีส่วนในการทำให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ นอกจากนี้ซีลีโนโปรตีนยังมีส่วนช่วยควบคุมการทำงานของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ และยังมีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย

ประโยชน์ของ ไข่ซีลีเนียม

• ช่วยปกป้องผิว ชะลอความแก่ชรา โดยทำงานร่วมกับวิตามินอีและเสริมฤทธิ์ในการปฏิบัติงานของวิตามินอีใน

การรักษาเนื้อเยื่อต่างๆ และชะลอการแก่ตายของเซลล์ธรรมชาติ รักษาความยืดหยุ่นของผิวหนัง

• ป้องกันโรคหัวใจ ช่วยให้หัวใจทำงานดีขึ้น โดยการช่วยนำออกซิเจนไปเลี้ยงให้เพียงพอ
• ป้องกันโรคมะเร็ง โดยการรับประทานซีลีเนียมเป็นประจำจะช่วยต้านฤทธิ์มะเร็ง โดยเฉพาะชนิดผิวหนังที่เกิด

จากสารเคมี และแสงแดด

• ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระของซีลีเนียมจะช่วยซ่อมแซมเซลล์ภูมิคุ้มกัน
• ช่วยต้านพิษในร่างกาย ซีลีเนียมสามารถป้องกันกัมมันตภาพรังสีรวมทั้งโลหะหนักที่เป็นพิษ เช่น ปรอท เงิน

แคดเมียม เทเลียม ไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และขับถ่ายออกได้เร็วขึ้น

• ช่วยในการเจริญพันธุ์ ซีลีเนียมช่วยป้องกันผนังเซลล์ เพิ่มความแข็งแรงสมบูรณ์ของอสุจิ มีผลทำให้สามารถเข้า

ไปปฏิสนธิในไข่ของเพศหญิง

• ส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ ควบคุมสุขภาพของสายตา ผิวหนัง และเส้นผม

เรารู้จักคุณประโยชน์ของ ไข่ซิลีเนียม กันแล้ว นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทางสงวนฟาร์มได้มีแนวคิดผลิตไข่ซิลีเนียมขึ้นมา

คุณทรงวุฒิเห็นว่าน่าสนใจจึงได้คุยกับทางเซลล์ผู้ขาย ในช่วงแรกของการทำยังไม่มีความเสถียรมากนัก เลยกลับลองดูอีกครั้ง แต่ก็ลองเปลี่ยนไปใช้อีกยี่ห้อ ในตอนแรกก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังไม่เสถียรอยู่ดี ก็เลยเปลี่ยนมาใช้ของ Zinpro จากประเทศอเมริกา ปัจจุบันก็มีการเสริมธาตุเหล็กในตัวของทางสงวนฟาร์มเอง เพราะจะช่วยให้ตัวสีของเปลือกไข่เข้มขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มสังกะสีเข้าไปในตัวไข่อีกด้วย

แนวโน้มในอนาคต

ในอนาคตคุณทรงวุฒิเชื่อว่าไข่ของฟาร์มจะต้องดีขึ้นแน่นอน และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น เปลือกไข่ต้องมีความแข็งแรง และภายใน 3 ปี จะต้องได้น้ำหนักเพิ่มอีก 3 กรัม เพื่อแข่งขันกับสายพันธุ์ไก่จากต่างประเทศ

เมื่อกล่าวถึงคุณภาพไข่ไก่ไปแล้ว ทางสงวนฟาร์มยังนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอีกด้วย ในปี 2552 คุณทรงวุฒิได้นำเข้าเครื่องคัดไข่ที่มีประสิทธิภาพการล้างที่รวดเร็ว หลายคนมองว่าเขาเลิกใช้กันนานแล้ว แต่คุณทรงวุฒิมองว่าจะต้องเน้นความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคเป็นหลัก ในปี 2552 ทางบริษัทมหาชนรายใหญ่เจ้าหนึ่งได้เชิญคุณทรงวุฒิ เพื่อปรึกษาในเรื่องการขนส่งต่างๆ เป็นแบบไหน คุณทรงวุฒิเลยลงความเห็นว่าเป็นการขนส่งแบบรถห้องเย็น เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพไก่ไข่

การจำหน่าย ไข่ซีลีเนียม

คุณทรงวุฒิมองว่าทางการขนส่งของทางฟาร์มไม่ได้ขนส่งแบบระบบห้องเย็น ไข่ของสงวนฟาร์มที่ผ่านระบบล้าง ผ่านการฆ่าเชื้อทั้งหมด พอเจออากาศที่มีแต่เชื้อโรคก็จะเสียประโยชน์เปล่าๆ ทางสงวนฟาร์มพยายามที่จะสร้างความแตกต่างของตัวไข่ไก่ให้มีความแตกต่างกัน โดยให้มองว่าตัวไข่ไก่แต่ละที่ต่างกัน ความสดใหม่ต่างกัน คุณภาพก็จะแตกต่างกัน

ทางสงวนฟาร์มก็พยายามที่จะดูแลฟาร์ม และใช้กรรมวิธีทางธรรมชาติให้มากที่สุด ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพื่อเป็นการยืนยันว่าทางฟาร์มไม่ได้มีการปรุงแต่งใดๆ ภายในไข่ไก่เลย ในไข่ 1 ฟอง จะมีเซ็นเซอร์ที่ตัวเครื่อง จะสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าไข่มีสภาพอย่างไร เพราะสามารถมองเห็นได้เลยว่ามีเลือด เน่า-เสียหรือเปล่า จะตรวจสอบได้ในทันที เพราะเป็นระบบฟาร์มแบบมาตรฐาน ทั้งที่คิดไว้ว่าในอนาคตจะลองนำเข้ามาใช้งานดู

คุณทรงวุฒิบอกอีกว่าถ้าอนาคตไม่มีการพัฒนาไข่ไก่ให้มีคุณภาพเท่าเทียมกับเจ้าใหญ่ๆ ก็ไม่สามารถที่จะสู้ได้ ลำพังจะขายแค่ไข่สดก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ต้องปรับกลยุทธ์ให้ทันกับโลกในปัจจุบัน ถึงจะสู้กับเจ้าใหญ่ๆได้

ฝากถึงเกษตรกรที่เลี้ยงไก่ไข่

ท้ายนี้ทางคุณทรงวุฒิอยากจะฝากให้เกษตรกรลดการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ จะทำให้เกษตรกรลืมตา-อ้าปาก ได้มากขึ้น ถ้าเราลดได้ แต่ทางบริษัทใหญ่ๆ ลดไม่ได้ ก็อยากให้รวมตัวกันเพื่อทำให้เกษตรกรรายย่อยทุกคนมีความแข็งแกร่งที่จะยื่นเสนอเรื่องต่างๆ ไปด้วยกัน

ด้านการเลี้ยงคุณทรงวุฒิแนะนำว่าค่อยๆ เพิ่มจำนวนไปเรื่อยๆ อย่าไปเร่งรีบ ในอนาคตถ้าต่างคนต่างแย่งกัน ไม่หันหน้าเข้าหากัน จะทำให้ธุรกิจประเภทนี้ลดหายไปได้ในไม่ช้า ถ้าไม่มีกฎหมายบังคับก็อาจจะเกิดความรุนแรงมากกว่านี้ก็เป็นได้ เพราะหลายๆ อย่างทำให้ทางฟาร์มต้องปรับตัวมากขึ้น “ทางสงวนฟาร์มเองก็พร้อมที่จะโต แต่ธุรกิจไข่ไก่ไม่น่าเติบโตขึ้นได้ง่าย ถ้าต่างคนต่างความคิด และยังมีความเห็นต่างกันอยู่เป็นอย่างมาก” คุณทรงวุฒิกล่าวทิ้งท้าย