การปลูกแก้วมังกร การดูแลและ แก้ปัญหาเพลี้ยไฟ และโรคลำต้นจุดสีน้ำตาล

โฆษณา
AP Chemical Thailand

สำหรับผักและผลไม้นั้น หลายๆ คนย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่ามีประโยชน์และสำคัญอย่างมากต่อร่างกาย เพราะว่าผักหลายชนิดนั้นให้ทั้งคุณประโยชน์ วิตามิน และแร่ธาตุ ที่ร่างกายสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ซึ่งครั้งนี้เราจะมาพูดถึงแก้วมังกร การปลูกแก้วมังกร ผลไม้ที่มีรูปร่างแปลกตาไม่เหมือนใคร

อีกทั้งแก้วมังกรนั้นถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่ช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก และรักษาสุขภาพได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เรามาค่อยๆ ทำความรู้จักไปพร้อมกันดีกว่า

1.แก้วมังกรยังมีอีกหลายชนิดที่เนื้อไม่ใช้สีขาวด้วย

การปลูกแก้วมังกร

แก้วมังกรนั้นถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่ช่วยในเรื่องของสุขภาพ และควบคุมน้ำหนัก ของคนรักสุขภาพได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่ช่วยคลายร้อนในช่วงหน้าร้อนได้ดีด้วย ซึ่งผลไม้ชนิดนี้มีคุณประโยชน์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีลักษณะแปลกตา ต่างจากผลไม้ชนิดอื่นๆ เลยก็ว่าได้

อีกทั้งวิธีการปลูกที่ง่าย ไม่วุ่นวาย เพราะเป็นผลไม้ที่สามารถเติบโตได้ในทุกสภาพดิน แต่อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหน้าดินก่อนจะปลูกบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละพื้นที่นั้นมีดินอย่างไรด้วย ซึ่งผลไม้ชนิดนี้ปัจจุบันเริ่มได้รับความสนใจ ทั้งเรื่องของการบริโภค และการนำมาปลูก เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

Advertisement Banner by บริษัท โซตัส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด www.sotus.co.th
Advertisement Banner by บริษัท โซตัส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด www.sotus.co.th

สำหรับใครที่กำลังมองหาหรือต้องการที่จะเริ่มในการควบคุมน้ำหนัก ขอแนะนำเลยว่าผลไม้ที่มีชื่อว่าแก้วมังกรนั้น ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เพราะว่าเป็นผลไม้ที่มีความหวานไม่มาก อีกทั้งยังมีปริมาณแคลอรีที่ต่ำ จึงเหมาะเป็นอย่างมากในเรื่องของการลดน้ำหนัก ทั้งนี้การปลูกแก้วมังกรเองถ้ามีพื้นที่ในการปลูกที่เหมาะสมก็จะช่วยให้ได้แก้วมังกรที่มีคุณภาพ และได้ราคาที่ดี ซึ่งในการปลูกแต่ละครั้งนั้นอาจจะต้องคำนึงถึงหลักการหลายๆ อย่างด้วย เหมาะกับเป็นผลไม้ทางเลือก ทั้งในการบริโภค และการปลูก เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

แก้วมังกรนั้นถือได้ว่าเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในเมืองไทย ซึ่งจริงๆ แล้วต้นกำเนิดของแก้วมังกรนั้นมาจากอเมริกากลาง ซึ่งแก้วมังกรนั้นถือว่าเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมในการปลูกมากแต่ก่อน โดยเวียดนามเป็นประเทศแรกๆ ที่มีการเริ่มปลูกแก้วมังกรขึ้น ถือได้ว่าเป็นผลไม้ท้องถิ่นเลยก็ว่าได้ การปลูกแก้วมังกร ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก เพราะแทบทุกบ้านที่มีพื้นที่ก็จะมีการปลูกแก้วมังกรเกิดขึ้น โดยจะนิยมปลูกในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกจากเมืองนาครังลงไปยังทางใต้ของประเทศ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

สำหรับเมืองไทยนั้นแก้วมังกรเริ่มเข้ามาเกิดขึ้น และเริ่มปลูกนั้นก็ถือว่านานพอสมควร โดยเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วงปีพ.ศ.2534 ที่เวียดนามได้มีการนำต้นพันธุ์แก้วมังกรสายพันธุ์ดีเข้ามาปลูกเป็นผลไม้เศรษฐกิจ โดยปัจจุบันแก้วมังกรในประเทศไทยนั้นถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่นิยมปลูกกันเพิ่มขึ้น  เพราะเป็นผลไม้ที่ปลูกได้ทั่วประเทศ

แต่แหล่งเพาะปลูก แก้วมังกรในประเทศไทยนั้นหลักๆ เลยจะอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี กาญจนบุรี สระบุรี และสมุทรสงคราม โดยผลผลิตแก้วมังกรนั้นจะได้มากที่สุดเลย ก็คือ ช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วยว่าเหมาะที่จะให้ผลผลิตที่มีคุณภาพด้วยหรือไม่

ลักษณะทั่วไปของต้นแก้วมังกร

เราทำความรู้จักกับถิ่นกำเนิด และจุดเริ่มต้นของแก้วมังกรกันไปแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าแก้วมังกรนั้นตามหลักของพันธุ์พืชนั้นจะมีลักษณะของตัวแก้วมังกรเป็นอย่างไร

แก้วมังกรนั้นจัดว่าเป็นไม้เลื้อยอีกหนึ่งชนิด ซึ่งปกตินั้นลำต้นจะมีความยาวประมาณ 5 เมตร ส่วนระบบรากนั้นก็จะมีทั้งในดินและอากาศ โดยเป็นผลไม้ที่ชอบดินที่มีความร่วนซุย และระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดที่พอเหมาะ ปลูกได้ในที่โล่งแจ้ง แต่แดดก็ไม่ควรแรงจนเกินไปด้วย แก้วมังกรนั้นมีดอกสีขาว และมีขนาดใหญ่ โดยกลีบจะเรียงยาวซ้อนกัน และมักจะผลิบานในตอนกลางคืน

สายพันธุ์แก้วมังกร

โดยปกติแล้วแก้วมังกรนั้นจะแบ่งแยกออกเป็น 3 สายพันธุ์หลักๆ ที่มักจะพบมากในเมืองไทย คือ

  • พันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง โดยพันธุ์นี้จะมีลักษณะเปลือกสีชมพูสด ปลายกลีบจะมีสีเขียว ในส่วนของรสชาตินั้นก็จะมีทั้งรสชาติหวานอมเปรี้ยว ไปจนถึงหวานจั
  • พันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลือง ลักษณะของสายพันธุ์นี้นั้นส่วนใหญ่แล้วจะเล็กกว่าพันธุ์อื่นๆ ด้านในของเนื้อจะมีสีขาว และมีเมล็ดขนาดใหญ่ และเมล็ดนั้นจะมีน้อยกว่าพันธุ์อื่นๆ มีรสชาติที่หวาน
  • พันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง โดยลักษณะของพันธุ์นี้เนื้อข้างในจะมีสีแดงจัด และมีผลที่เล็กกว่าพันธุ์ที่มีเนื้อขาวเปลือกแดงมากกว่า แต่กลับมีรสชาติที่หวานกว่าพันธุ์เนื้อขาวมาก

โดยปกติทั่วไปนั้นแก้วมังกร 1 ลูก จะมีน้ำหนักประมาณ 300-600 กรัม พันธุ์ส่วนใหญ่ที่นิยมนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพันธุ์เนื้อขาว เพราะหารับประทานได้ง่าย อีกทั้งยังมีอยู่ทั่วไปในเมืองไทยด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นลักษณะเฉพาะของแก้วมังกร

โฆษณา
AP Chemical Thailand
2.มีเสาหรือไม้ที่เเข็งแรงในการช่วยพยุงลำต้นให้เตืบโตได้อย่างสวนงาม

วิธีการปลูกและบำรุงดูแลแก้วมังกร

การปลูกแก้วมังกรนั้น เรื่องพื้นที่และสภาพแวดล้อมในการปลูกก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ถึงแม้ว่าแก้วมังกรนั้นจะเป็นผลไม้ที่สามารถปลูกในที่โล่งแจ้งได้  แต่การได้รับปริมาณแดดแรงเกินไป อาจจะทำให้ต้นแก้วมังกรนั้นเกิดผลเสียได้  จึงจำเป็นที่จะต้องมีพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูก รวมไปถึงวิธีการต่างๆ ในการปลูก เพื่อให้ได้แก้วมังกรที่คุณภาพมากขึ้นด้วย

อีกทั้งแก้วมังกรนั้นถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีรูปร่างไม่เหมือนกับผลไม้ชนิดอื่น ทำให้เป็นที่น่าสนใจในช่วงแรกและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งคุณประโยชน์หรือสรรพคุณของแก้วมังกรนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่รับรู้กันได้เป็นวงกว้างของกลุ่มคนดูแลสุขภาพ เพราะเป็นผลไม้ที่ช่วยในการควบคุมปริมาณน้ำตาลและความสมดุลในร่างกายได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

การเลือกกิ่งพันธุ์แก้วมังกร

การปลูกแก้วมังกร และต้องการให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ลูกใหญ่ ได้เนื้อแน่น และออกลูก ออกผล ให้ได้ทานอย่างเต็มที่นั้น การคัดเลือกกิ่งพันธุ์ของแก้วมังกรนับว่ามีส่วนเป็นอย่างมาก โดยเราจะเริ่มจากการคัดเลือกกิ่งพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดก่อน เพราะถ้าได้กิ่งพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ก็จะช่วยให้เรานั้นดูแลแก้วมังกรได้ง่ายยิ่งขึ้น

สำหรับวิธีการเลือกกิ่งพันธุ์แก้วมังกรนั้นมีสิ่งที่ต้องคอยสังเกตเพื่อให้ได้กิ่งพันธุ์ที่ดีมาปลูก โดยเริ่มจากต้องดูว่ากิ่งพันธุ์แก้วมังกรที่เราจะนำมาปลูกนั้นถ้ามีรากที่สมบูรณ์แล้วจะเริ่มมีการแตกยอดอ่อนออกมาใหม่ ซึ่งตรงนี้ให้เราเลือกเฉพาะกิ่งที่แตกยอดออกมาแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถนำไปปลูกได้

ส่วนกิ่งพันธุ์ในการนำมาปลูกแก้วมังกรนั้นควรจะเลือกกิ่งที่มีความแก่เสียหน่อย เพราะว่าจะสามารถปลูกได้นานขึ้น แต่ถ้าเราเลือกกิ่งที่มีความอ่อนหรือยังไม่แก่มากนั้นอาจจะทำให้กิ่งนั้นเน่าเสียก่อนที่จะโตขึ้นก็ได้ และกิ่งที่สีเขียวเข้ม สะอาด ไม่มีตำหนิ อ้วน และดูแข็งแรง จะเป็นกิ่งพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์มากที่สุด อีกทั้งควรเลือกกิ่งที่มีความยาวประมาณ 25-40 เซนติเมตร ซึ่งความยาวประมาณนี้ถือได้ว่าเป็นความยาวที่เหมาะสมกับการนำมาปักชำเพื่อที่จะปลูกต้นแก้วมังกรด้วย

3.ปลูกได้แทบทุกสภาพของดิน

สภาพพื้นที่ปลูกแก้วมังกร

สำหรับวิธี การปลูกแก้วมังกร นั้นส่วนใหญ่แล้วอาจจะมีการปลูกแบบในดินเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ การปลูกแก้วมังกร นั้น มีทั้งการปลูกแบบพื้นดิน และการปลูกแบบในกระถาง ซึ่งวิธีการปลูกนั้นก็จะแตกต่างกันออกไปไม่มากเลยซึ่งเรามาดูกันดีกว่าว่าการปลูกแต่ละแบบนั้นเป็นอย่างไร

โฆษณา
AP Chemical Thailand

การปลูกแบบแปลงลงดิน               

สำหรับวิธีการปลูกแบบแปลงลงดินนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะใช้เสาเป็นตัวช่วยในการปลูก โดยแรกเริ่มเลยนั้นจะขุดหลุมฝังเสาลงลึกประมาณ 50 เซนติเมตร โดยเสาที่นำมาใช้นั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีความสูงประมาณ 1.5-2 เมตร ซึ่งเป็นความสูงของเสาที่เหมาะมากในการปลูกแก้วมังกร โดยเสาที่นำมาใช้นั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเสาปูน เพราะเป็นเสาที่มีความมั่นคงและแข็งแรง อีกทั้งยังมีสภาพในการคงทนต่อสภาพอากาศได้เป็นอย่างดีด้วย

เมื่อเราทำการฝังเสาเรียบร้อยแล้วก็ต้องวัดระยะในความห่างของเสาด้วยเช่นกัน โดยความห่างระหว่างหลักเสานั้นจะอยู่ที่ 3-3.5 เมตร เป็นหลัก โดยส่วนของด้านบนนั้นจะมีการทำเป็นร้านให้กิ่งของแก้วมังกรนั้นแผ่ขยายออกไปรอบๆ ได้ ซึ่งฐานด้านบนนั้นอาจจะเลือกใช้เป็นยางรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ช่วยก็ได้ ทำไมต้องเป็นยางรถมอเตอร์ไซค์ เพราะว่ามีราคาที่ถูก และหาได้ไม่ยาก อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่นานด้วย

ซึ่งหลุมที่เหมาะสมก็จะประมาณ 60x60x60 เซนติเมตร เป็นขนาดของหลุมมาตรฐานในการขุดเพื่อฝังเสา ซึ่งเมื่อเราฝังเสาเรียบร้อยแล้วก็ทำการอัดดินลงในหลุมให้แน่น จากนั้นก็นำปุ๋ยคอกมาโรยรอบๆ เสา พร้อมกับทำการพรวนดินไปด้วยเช่นกัน โดยการโรยปุ๋ยนั้นก็อาจจะโรยรอบๆ ประมาณ 30-50 เซนติเมตร รอบๆ รัศมีของเสาที่จะทำการปลูก จากนั้นให้นำกิ่งพันธุ์ต้นแก้วมังกรมาประมาณ 4-5 ต้น ปลูกโดยรอบโคนเสา แล้วค่อยๆ ใช้ดินกลบให้เต็มหลุม จากนั้นก็นำเชือกมามัดกับต้นแก้วมังกรเพื่อยึดต้นไว้กับเสาเพื่อป้องกันการหักล้มของต้น

เคล็ดลับในการปลูกแก้วมังกรที่เหมาะสม คือ การเลือกฤดูในการปลูก

แก้วมังกรนั้นส่วนใหญ่แล้วจะนิยมปลูกในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมมากที่สุด โดยจะนิยมปลูกในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ซึ่งการปลูกในช่วงฤดูฝนจะช่วยให้เกษตรกรที่ปลูกไม่ต้องรดน้ำบ่อยๆ โดยสัปดาห์แรกนั้นให้รดน้ำประมาณ 3 วันต่อครั้ง และสัปดาห์ต่อๆ ไปก็รดน้ำอาทิตย์ละครั้ง ก็จะช่วยให้แก้วมังกรได้รับความชื้นที่คงที่

การปลูกแบบใช้กระถาง

สำหรับการปลูกแบบใช้กระถางนั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีการใช้ท่อน้ำทิ้ง โดยให้ข้างในนั้นมีความกลวง หน้ากว้างประมาณ 4 นิ้ว ความยาวประมาณ 1.3-1.5 เมตร หรืออาจจะใช้เสาไม้แทนก็ได้เช่นกัน กระถางที่เหมาะสมกับ การปลูกแก้วมังกร นั้นจะต้องมีความกว้างประมาณ 50 เซนติเมตร ในส่วนของด้านบนนั้นอาจจะทำจากไม้หรือปูนก็ได้ โดยทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยให้ความกว้างคูณความยาว 30 เซนติเมตร โดยอุปกรณ์ที่ใช้ในการปลูกในกระถางนั้นส่วนใหญ่แล้วก็จะมีกระถางสำหรับปลูก เชือกสำหรับช่วยยึดลำต้น แกลบ ขุยมะพร้าว เป็นต้น

เมื่อเราเตรียมการทั้งหมดแล้ว ต่อมาก็ให้นำขุยมะพร้าวนั้นใส่ลงไปในกระถางในอัตราส่วน 1 ใน 3 ของกระถางที่ใช้ในการปลูก จากนั้นให้นำดินที่มีการผสมกับแกลบหรือขุยมะพร้าวไว้เรียบร้อยแล้วใส่ลงไปในกระถางอีกทีหนึ่ง โดยใส่จนถึงปากกระถางเลยก็ได้ จากนั้นให้นำต้นแก้วมังกรมาลงปลูกในกระถางให้ติดกับเสา และค่อยนำเชือกมามัดไว้กับเสาเพื่อให้ต้นแก้วมังกรและเสานั้นติดกัน

โฆษณา
AP Chemical Thailand

อีกทั้งเป็นการป้องกันไม่ให้ต้นเกิดโค่นลงด้วย จากนั้นค่อยนำดินมากลบต้นแก้วมังกรให้เรียบร้อย และในการมัดต้นแก้วมังกรนั้นส่วนใหญ่แล้วจะต้องมัดอย่างระมัดระวัง ไม่ควรที่จะมัดต้นแก้วมังกรให้แน่นจนเกินไป และควรมัดด้านที่จะมีรากงอกออกมาไว้ติดกับเสา เพราะว่าด้านแบบหรือด้านที่มีรากงอกออกมานั้นจะช่วยให้ต้นแก้วมังกรเกาะยึดได้ดียิ่งขึ้นด้วยนั่นเอง

4.ออกผลดกเต็มต้น

การใส่ปุ๋ยและน้ำต้นแก้วมังกร

การดูแลรักษาต้นแก้วมังกรนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ควรทำเป็นอย่างมาก  แต่ไม่ใช่เฉพาะแก้วมังกร  แต่ต้นไม้ทุกต้นก็ต้อง จำเป็นจะต้องใส่ใจในการดูแลเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพมากขึ้น สำหรับต้นแก้วมังกรนั้นถือได้ว่าเป็นไม้ตระกูลเดียวกับต้นตะบองเพชร จึงเป็นต้นไม้ที่ไม่ค่อยชอบน้ำมากเท่าไหร่นัก จึงไม่จำเป็นที่จะต้องรดน้ำให้ต้นแก้วมังกรบ่อยๆ

ซึ่งการรดน้ำสำหรับต้นแก้วมังกรนั้นส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวและร้อนก็จะรดน้ำแค่ประมาณ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว ส่วนในฤดูฝนนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องรดน้ำเองก็ได้ เพราะเป็นช่วงที่อาศัยฝนช่วยรดน้ำแทน ถือว่าเป็นต้นไม้ที่ประหยัดเรื่องน้ำไปได้พอสมควรเลยทีเดียว

หลังจากที่เริ่มปลูกได้แล้วประมาณ 1 เดือน ก็ให้เกษตรกรที่ทำการปลูกนั้นเริ่มโรยด้วยมูลสัตว์หรือปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเป็นการเพิ่มธาตุอาหารให้กับตัวแก้วมังกรได้ให้ผลผลิตได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มเกราะป้องกันในดินให้มีความสมบูรณ์มากขึ้นด้วย หลังจากที่ใส่ปุ๋ยในครั้งแรกไปแล้วนั้น ต่อมาก็ต้องมีการวางแผนในการใส่ปุ๋ยครั้งต่อๆ ไป โดยการใส่ปุ๋ยบำรุงให้ได้ปีละ 2-3 ครั้ง ครั้งแรกอาจจะใส่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ครั้งที่ 2 ก็ให้ใส่ในช่วงเดือนมกราคม ครั้งที่ 3 ใส่ในช่วงเดือนเมษายน

เมื่อใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงแล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะถอนหญ้าหรือวัชพืชที่ขึ้นตามโคนต้นทิ้งให้หมดด้วย เพราะว่าจะได้ไม่มีวัชพืชมาคอยแย่งอาหาร จะทำให้ต้นแก้วมังกรนั้นสามารถที่จะเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพออกมาให้ได้รับประทานกันด้วย และเมื่อต้นแก้วมังกรเริ่มแตกยอดออกมาสูงเกินเสาที่เป็นที่ตั้งไว้นิดหน่อย ก็สามารถที่จะใช้มือหรือเครื่องมือในการตัดเล็มตรงปลายยอดทิ้งได้ เพื่อไม่ให้ต้นนั้นสูงจนเกินไป ก็จะช่วยให้ดูสวยงาม และเก็บได้ง่ายขึ้น

5.ลูกใหญ่ มีคุณภาพ

การเก็บเกี่ยวผลผลิตแก้วมังกร

สำหรับการเก็บเกี่ยวแก้วมังกรนั้นเริ่มแรกเลยสังเกตดอก ดอกแก้วมังกรนั้นจะเริ่มบานเพื่อที่จะรอการผสมพันธุ์ ในช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ถึง 8 โมงเช้า ก็ได้เวลาที่จะนำมาผสมเกสรเพื่อเป็นการนำไปปลูกแก้วมังกรต้นใหม่ได้ ซึ่งเมื่อถึงช่วงเวลานี้ก็สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นช่วงเวลาที่สามารถเริ่มจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว และหลังจากที่ออกดอกเราก็สามารถที่จะนับวันรอผลผลิตจากแก้วมังกรได้เลย

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ซึ่งเราจะสามารถเริ่มเก็บผลผลิตได้นั้นก็ต่อเมื่อลูกของแก้วมังกรมีอายุได้ประมาณ 50-55 วัน ก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวได้แล้ว และเมื่อผลของแก้วมังกรมีสีแดงทั่วทั้งผลแล้ว เราก็จะค่อยๆ ใช้กรรไกรตัดกิ่ง มาตัดตรงผลของแก้วมังกรลูกนั้นๆ ออกมาจากกิ่ง โดยในการตัดนั้นต้องระมัดระวังและใช้ความเบามือ เพราะว่าไม่อย่างนั้นจะทำให้ตัวกิ่งนั้นได้รับความเสียหายได้

การขยายพันธุ์แก้วมังกร

สำหรับการขยายต้นพันธุ์ของแก้วมังกรนั้น คือ วิธีการที่ง่ายที่สุดเลย คือ การปักชำ แต่การปักชำนั้นก็มีเทคนิคที่หลากหลายและน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเกษตรกรจะต้องเลือกเฉพาะกิ่งที่มีความแก่แล้วเท่านั้น อย่าใช้กิ่งอ่อนเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เน่าเสียก่อนได้ และเมื่อได้กิ่งแก่มาทำการปักชำแล้วส่วนใหญ่จะมีเปอร์เซ็นต์ในการรอดตายที่สูงมาก

ซึ่งกิ่งแต่ละกิ่งนั้นสามารถตัดเป็นท่อนได้หลายท่อน โดยตัดให้มีความยาวประมาณ 12 ฟุต ก่อนที่จะทำการปักชำ โดยการชำนั้นควรเอาด้านโคนปักลง แต่ก่อนที่จะนำมาปักชำนั้นจะต้องนำกิ่งแก่จุ่มในน้ำที่ผสมกับน้ำยาเร่งรากเสียก่อน โดยจุ่มในความลึกประมาณ 10 เซนติเมตร จากนั้นให้นำมาเรียงไว้ในร่มประมาณ 7-10 วัน จนกิ่งเริ่มเหี่ยว ตั้งให้กิ่งตรง

สำหรับการเตรียมแปลงเพาะชำนั้น หลังจากที่มีการปรับพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ใส่ขี้เถ้าแกลบดำลงในแปลงให้มีความหนาประมาณ 1 คืบ ถ้าแปลงเพาะชำอยู่กลางแจ้งจะต้องมีการมุงตาข่ายเพื่อเป็นตัวช่วยในการพรางแสงชนิด 60 เปอร์เซ็นต์ ด้วย และรดน้ำประมาณ 2-3 วัน ต่อครั้ง ก็เพียงพอต่อกิ่งที่เตรียมการเพาะชำแล้ว เพราะว่าแก้วมังกรนั้นไม่ชอบน้ำมาก ถ้ารดบ่อยจนเกินไปก็จะทำให้เน่าตายได้ และวิธีการสังเกตว่ากิ่งแก้วมังกรที่นำไปปักชำนั้นมีรากที่สมบูรณ์แล้ว สังเกตได้ว่าจะมีการแตกยอดอ่อนออกมาใหม่ และก็คัดเลือกเฉพาะกิ่งที่แตกยอดออก ค่อยนำทยอยไปปลูก

การป้องกันและกำจัด โรค แมลง และศัตรูพืช ต้นแก้วมังกร

สำหรับโรคที่เกี่ยวข้องกับแก้วมังกรนั้นหลักเลยจะมีอยู่ไม่กี่โรค โดยโรคที่เด่นๆ เลย คือ โรครากเน่า เป็นโรคที่ต้องมีการระวังในส่วนของ การปลูกแก้วมังกร เป็นอย่างมาก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรครากเน่านั้นส่วนใหญ่แล้วมาจากการให้น้ำมากเกินไป ซึ่งตรงนี้อาจจะป้องกันได้ คือ การให้น้ำในอัตราที่เหมาะสม แต่ถ้าเกิดโรครากเน่าไปแล้วก็อาจจะนำปูนแดงมาใช้ทาที่แผล หรือใช้ยาป้องกันเชื้อราก็ได้

สำหรับศัตรูของแก้วมังกรนั้น หลักๆ เลย คือ มดคันไฟ เพลี้ยอ่อน และอื่นๆ อีกมากมาย เพราะว่าตัวแก้วมังกรเกิดผลเสียให้กับเกษตรกรที่ปลูก ซึ่งการป้องกันและกำจัดนั้นส่วนใหญ่แล้วอาจจะใช้ยาฆ่าแมลงและยากำจัดแมลงก็ช่วยได้เช่นกัน

โฆษณา
AP Chemical Thailand
6.การปลูกแก้วมังกร ให้ได้เนื้อแน่น ไม่หวานมากนักจนเกินไป
6.การปลูกแก้วมังกร ให้ได้เนื้อแน่น ไม่หวานมากนักจนเกินไป

ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายแก้วมังกร

ด้านการตลาดของแก้วมังกรนั้นนับว่าได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ตลาดค้าส่งทั่วไป รวมไปถึงตลาด อตก. ตลาดสี่มุมเมือง ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะว่ากระแสในการรักสุขภาพ ทำให้กระแสด้านการตลาดของแก้วมังกรนั้นได้รับความนิยม และมียอดจำหน่ายแทบตลอดทั้งปีเลยทีเดียว

ประโยชน์และสรรพคุณของแก้วมังกร

แก้วมังกรนั้นถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณในเรื่องของยาด้วย ทางด้านคุณค่าของโภชนาการก็มีอยู่สูงมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ตัวแก้วมังกรเองถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพเลยก็ว่าได้ เพราะว่าช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ช่วยในเรื่องของผิวพรรณและความงามอีกด้วย

สำหรับเรื่องของการควบคุมน้ำหนักนั้นการรับประทานแก้วมังกรก่อนหรือหลังมื้ออาหารจะช่วยให้เรานั้นอิ่มเร็วขึ้น ถ้าทานก่อนอาหารก็จะช่วยลดความอยากอาหารที่จะทานในแต่ละมื้อให้ลดลงได้ ทั้งยังมีกากใยที่สูง ช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการขับถ่าย และการทำงานของลำไส้ และยังมีแคลอรีที่ต่ำ จึงเหมาะเป็นอย่างมากในการควบคุมน้ำหนัก

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ว่าแก้วมังกรนั้นมีสารที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก คือ มิวซิเลจ ซึ่งสารตัวดังกล่าวนั้นจะมีเฉพาะให้ตระกูลกระบองเพชร ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับวุ้นเจล จะช่วยในเรื่องของการดูดซับน้ำในร่างกายได้เป็นอย่างดี และยังมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับกลูโคสได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวานอย่างมาก

ทั้งนี้ยังช่วยในเรื่องของการบรรเทาอาการโรคโลหิตจาง ช่วยเพิ่มธาตุเหล็กในร่างกายด้วย ช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงมากขึ้น ช่วยให้บำรุงผิวพรรณให้สดใสมากขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยดับร้อนในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง เพราะมิวิตามินซีที่สูง ช่วยบรรเทาอาการความดันโลหิตได้ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งด้วย ถ้าสำหรับสุภาพสตรีในช่วงที่มีการตั้งครรภ์ก็จะช่วยเพิ่มน้ำนมได้ด้วย ปรับสมดุลในร่างกายให้ดีขึ้นด้วย

7.ช่วยในเรื่องของสุขภาพและควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
7.ช่วยในเรื่องของสุขภาพและควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

ฝากถึงเกษตรกรที่สนใจปลูกแก้วมังกร 

แก้วมังกรนั้นนับว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก ซึ่งถือว่าคนที่อยู่ในกลุ่มของคนรักสุขภาพต้องรู้จักอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นผลไม้ที่สามารถปลูกได้ง่ายๆ เป็นผลไม้ที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศได้ดี ไม่จำเป็นที่จะต้องให้น้ำบ่อย ถือว่าเป็นผลไม้ที่ปลูกและดูแลได้ง่าย เกษตรกรที่สนใจจะปลูกเป็นผลไม้ทางเลือก ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว ซึ่งการปลูกที่เหมาะสมอาจจะเป็นช่วงหน้าฝน เพราะเป็นช่วงที่ไม่จำเป็นต้องให้น้ำเองมากเท่าไหร่นัก ถือว่าเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่เหมาะแก่การปลูกเพื่อสร้างรายได้เป็นอย่างมาก บอกได้เลยว่าแก้วมังกรนั้นปลูกไม่ยาก และดูแลได้ง่ายอีกด้วย

โฆษณา
AP Chemical Thailand

อย่างที่บอกไปแก้วมังกรก็ถือได้ว่าเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่เหมาะแก่การนำมาปลูก เพราะว่าเป็นผลไม้ที่ปลูกได้กับทุกสภาพดิน แต่ถ้าดินมีความร่วนซุยก็จะปลูกและเติบโตได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือว่าเป็นผลไม้ที่ใครๆ ก็สามารถปลูกได้ ถ้ามีความรู้และเข้าใจในเรื่องของ การปลูกแก้วมังกร ก็หวังว่าบทความวิธี การปลูกแก้วมังกร นั้นจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่สนใจจะเริ่มปลูกแก้วมังกรอย่างจริงจัง

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

https://health.kapook.com,https://guru.sanook.com,https://www.technologychaoban.com,http://kanchanapisek.or.th,https://www.rakbankerd.com