วิธีกําจัดแมลงหวี่ ในต้นไม้และผลไม้ โดยการใช้สมุนไพร วิถีธรรมชาติ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

กระถางต้นไม้ P&U 336x280

แมลงหวี่หลายๆ คนอาจจะเคยพบเจอจนชินตา ไม่ว่าจะมาตอมอาหาร มาจากท่อระบายน้ำ หรือแม้แต่ตอมต้นไม้และผลไม้ของคน ซึ่งเป็นปัญหากวนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะกำจัด ด้วย วิธีกําจัดแมลงหวี่ ไหนก็มีมาเรื่อย สร้างความรำคาญใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าแมลงหวี่อาจจะไม่เป็นอันตรายมากนัก แต่ก็สามารถเป็นพาหะนำโรคมาได้ ไม่ว่าจะเป็นท้องร่วง ท้องเสีย หรือตาแดง เพราะแมลงหวี่นั้นมีขนาดตัวที่ไม่ใหญ่มาก สามารถบินเข้าไปในดวงตา หรือตามรูจมูก รูหู ได้เป็นอย่างดี จึงต้องระวังในส่วนตรงนี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะทำงานบ้าน หรือปลูกต้นไม้ หรือพืชผักต่างๆ ต่างก็ต้องพบเจออุปสรรคกันเป็นเรื่องธรรมดา ในบรรดาปัญหาต่างๆ ที่พบเจอนั้นอาจจะเป็นปัญหาเล็กๆ หรืออาจจะไม่รุนแรงมากนัก ซึ่งทุกคนล้วนผ่านมันไปได้อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เราจะกล่าวถึงปัญหาเกี่ยวกับแมลงหวี่ แมลงตัวเล็กๆ ที่เป็นปัญหากวนใจใครหลายๆ คน รวมไปถึงปัญหาและอุปสรรคของต้นไม้และผลไม้เป็นอย่างมาก

ซึ่งแมลงหวี่นั้นจะมีการตอมตามผิวของต้นไม้ หรือผลไม้ โดยเมื่อตอมแล้วถ้าเกาะไว้สักพักจะมีการทิ้งตัวอ่อนไว้ในต้นไม้ หรือผลไม้ ชนิดนั้นๆ และจะทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้ ซึ่งแมลงหวี่นั้นอาจจะไม่ได้ก่อความวุ่นวายอะไรมาก แต่ปัญหาก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าแค่ตอมเฉยๆ ก็อาจจะไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีการปล่อยตัวอ่อนไว้ก็จะนำมาซึ่งพาหะนำโรคได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

เรื่องของแมลงหวี่นั้นหลายคนอาจจะไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะไม่ได้ก่อความวุ่นวายอะไรให้กับชีวิตมากนัก แต่สำหรับคนที่ปลูกต้นไม้หรือผลไม้แล้วนั้นอาจจะเป็นปัญหาที่หาทางแก้ได้ยากเสียหน่อย เพราะอาจจะต้องใช้สารเคมีเข้ามาช่วย แต่ก็นอกจากจะส่งผลเสียให้กับตัวผลไม้แล้วยังส่งผลเสียให้กับตัวผู้ใช้เองอีกด้วย

1.วิธีกำจัดแมลงหวี่
1.วิธีกำจัดแมลงหวี่

การกำจัดแมลงหวี่

ซึ่งการไล่แมลงหวี่นั้นก็สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับการศึกษาและทำความเข้าใจในแต่ละวิธี ซึ่งก็มีทั้งวิธีที่เป็นอินทรีย์ธรรมชาติ หรือใช้สารเคมีที่ไม่รุนแรงมากนัก แต่ทางที่ดีนั้นการใช้สารเคมีก็ไม่ได้ก่อผลดีมากเท่าที่ควรมากนัก เรามาดูกันดีกว่าว่าแมลงหวี่นั้นมีวิธีการไล่ให้พ้นจากต้นไม้และผลไม้อย่างไรกันบ้าง อาจจะพึ่งสารเคมีบ้างหรือไม่ก็แล้วแต่ความรุนแรงของแมลงหวี่เอง

2.ระยะการเจริญเติบโตของลูกแมลงหวี่
2.ระยะการเจริญเติบโตของลูกแมลงหวี่
การเจริญเติบโตของแมลงหวี่
การเจริญเติบโตของแมลงหวี่

การขยายพันธุ์ของแมลงหวี่

แมลงหวี่นั้นเป็นแมลงที่มีขนาดเล็ก และมีสายพันธุ์มากกว่า 1,500 ชนิด เลยทีเดียว โดยจะอาศัยตามบริเวณที่มีเศษอาหาร หรืออยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์เป็นอย่างมาก บางชนิดมีการนำไปทดลองและศึกษาทางพันธุศาสตร์ และก็มีบางชนิดที่อาศัยใกล้กับต้นไม้หรือแปลงของเกษตรกร ซึ่งมีผลทำให้ผลไม้และพืชผักเกิดความเสียหายได้เป็นอย่างมาก

โฆษณา
AP Chemical Thailand

โดยส่วนมากนั้นแมลงหวี่ที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์ส่วนมากจะเป็นแมลงหวี่สีน้ำตาล หรือสีดำ โดยแมลงหวี่ทั้ง 2 ประเภทนี้จะชอบอาศัยอยู่ใกล้กับพวกเศษอาหาร หรือเศษพืชผัก ผลไม้ และยังเป็นแมลงหวี่ที่มีการนำไปศึกษาทางพันธุศาสตร์อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งบางครั้งก็สร้างความรำคาญและความเดือดร้อนให้แก่มนุษย์เราเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าแมลงหวี่นั้นมีอายุไขประมาณไหน ซึ่งอายุไขของแมลงหวี่นั้นจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ในการเจริญเติบโตของแมลงหวี่ โดยจะแบ่งเป็นช่วงระยะไข่, ระยะตัวหนอน, ระยะดักแด้ และระยะตัวเต็มวัย ซึ่งแต่ละระยะนั้นก็จะใช้เวลาในการเติบโตไม่ห่างกันมากนัก

ระยะไข่

  • ระยะไข่ โดยทั่วไปของระยะไข่นั้นตัวเมียจะทำการพยุงไข่ไม่ให้จมลงในอาหาร เพราะช่วงเวลาที่ตอมอาหาร หรือ

ต้นไม้ ผลไม้ ตัวเมียจะทำหน้าที่เฝ้าไข่ไว้เพื่อป้องกันการจมลงในพวกอาหาร หรือผลไม้ ที่มันตอม และจะเริ่มวางไข่หลังจากออกจากดักแด้ประมาณ 2 วัน โดยการวางไข่ของแมลงหวี่นั้นสามารถวางไข่ได้ถึง 400-500 ฟอง ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ได้เลยทีเดียว

ระยะตัวหนอน

  • ระยะตัวหนอน เมื่อตัวเมียวางไข่ไปแล้วนั้น ไข่ก็จะเกิดการปฏิสนธิแล้วจะมีการพัฒนาเป็นตัวหนอน โดยอาจจะใช้

ระยะเวลาแค่ 1 วัน ก็จะมีตัวหนอนสีขาว ลำตัวเป็นปล้องๆ และมีส่วนปากเป็นสีดำ ผิวหนังจะไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ซึ่งเมื่อตัวหนอนเริ่มออกจากไข่ ก็จะมีการลอกคราบ 2 ครั้ง เพื่อขยายขนาดในตัวเอง โดยจะมีการแบ่งออกเป็น 3 ช่วง

-ช่วงที่ 1 ออกจากไข่ และทำการลอกคราบในครั้งที่ 1

-ช่วงที่ 2 หลังจากเริ่มลอกคราบครั้งที่ 1 ก็จะกลายเป็นตัวที่มีขนาดเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย และก็จะทำการลอกคราบครั้งที่ 2 ต่อไป

โฆษณา
AP Chemical Thailand

-ช่วงที่ 3 หลังจากที่ทำการลอกคราบในครั้งที่ 2 แล้ว ตัวหนอนก็จะเริ่มทำการเปลี่ยนตัวเองไปเป็นดักแด้ และเข้าไปอยู่ในดักแด้โดยจะใช้เวลาประมาณ 4 วัน จนกลายเป็นดักแด้นั่นเอง

ระยะดักแด้

  • ระยะดักแด้ หลังจากที่เข้ามาอยู่ในดักแด้แล้วนั้น ตัวหนอนก็จะหาที่อยู่ใหม่ในดักแด้  โดยจะคลานไปหาที่ที่มีความ

แห้งอยู่ เพื่อทำการอาศัยในการพัฒนาการเติบโต โดยตัวหนอนจะเริ่มหดสั้นลง และจะมีผนังลำตัวที่แข็งขึ้นจนกลายเป็นดักแด้ จากนั้นก็จะมีการพัฒนาอวัยวะต่างๆ ขึ้นมา โดยใช้เวลาในการอยู่ในดักแด้ประมาณ 4 วัน ถึงจะเริ่มเป็นตัวเต็มวัยได้

ระยะตัวเต็มวัย

  • ระยะตัวเต็มวัย หลังจากที่ทำการเจริญเติบโตในดักแด้เรียบร้อย แมลงหวี่ก็จะค่อยๆ ลอกคราบออกมาจากดักแด้

โดยออกมาทางปลายของดักแด้ ช่วงแรกที่ออกมาอาจจะยังไม่เป็นแมลงหวี่เต็มตัว อาจจะมีสีหรือรูปลักษณ์ที่แข็งอยู่บ้าง แต่ใช้เวลาไม่เกิน 2 วัน ก็จะเติบโตได้เต็มที่ หลังจากออกมาจากดักแด้แล้วก็สามารถพร้อมผสมพันธุ์ใหม่ได้เลยในระยะเวลาแค่ 2 วัน โดยตัวเมียนั้นจะสามารถวางไข่เพิ่มได้ถึง 700 ใบ ในช่วงอายุไขเลยทีเดียว โดยเฉลี่ยแล้วแมลงหวี่จะมีอายุอยู่ได้ 1 เดือน โดยประมาณ อีกทั้งตัวเมียยังสามารถผสมพันธุ์ได้กับตัวผู้หลากหลายตัวเลยทีเดียว และยังเก็บน้ำเชื้อได้หลายครั้งจากการผสมพันธุ์

ในการขยายพันธุ์ของแมลงหวี่นั้น การเจริญเติบโตส่วนใหญ่แล้วจะอาศัยจากการหาอาหาร โดยจะได้เป็นพวกเศษผัก พืช หรือผลไม้ รวมไปถึงอาหารต่างๆ เพื่อนำมาเป็นตัวหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตให้กับตัวเมีย โดยจะอาศัยปากในการดูดกินอาหาร และสามารถวางไข่บนอาหารได้เช่นกัน ซึ่งตรงนี้จะเป็นข้อที่ควรระวังเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ถ้ามีแมลงหวี่ตอมอาหารเมื่อไหร่ควรจะทิ้ง ไม่ควรนำมากิน จะปลอดภัยจากโรคต่างๆ ที่มากับแมลงหวี่ได้

3.บริเวณขาของแมลงหวี่นั้นจะมีเชื้อโรคติดอยู่
3.บริเวณขาของแมลงหวี่นั้นจะมีเชื้อโรคติดอยู่

สาเหตุของโรคที่มากับแมลงหวี่

หลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยเชื่อว่าแค่แมลงหวี่ตัวเล็กนิดเดียวจะนำมาซึ่งโรคต่างๆ ได้อย่างไร แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นแมลงหวี่สามารถนำโรคต่างๆ มาสู่คนได้อย่างมากมายเลยทีเดียว ซึ่งโรคต่างๆ ที่มากับแมลงหวี่นั้นอาจจะเป็น โรคท้องร่วง หรือท้องเสีย รวมไปถึงโรคตาแดง เราจะมาพูดถึงโรคตาแดงกันว่าทำไมแมลงหวี่ถึงเป็นตัวการทำให้เกิดโรคตาแดงขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วโรคตาแดงอาจจะเกิดจากการที่ดวงตาสัมผัสกับน้ำที่ไม่สะอาดจนก่อให้เกิดแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส ในดวงตาของเราก็ได้เช่นกัน

สาเหตุโรคตาแดงจากแมลงหวี่ เนื่องจากแมลงหวี่นั้นจะชอบอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีความสกปรก หรือเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค เป็นอย่างมาก และที่สำคัญเลยแมลงหวี่ชอบกินสิ่งสกปรกเป็นอาหารอยู่แล้ว ทำให้เวลาที่คนเรามีขี้ตา เกิดขึ้นนั้นแมลงหวี่จะเข้ามาตอม เมื่อแมลงหวี่ตอมแล้วนั้นบริเวณขาของแมลงหวี่นั้นจะมีเชื้อโรคติดอยู่

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เมื่อเวลาที่แมลงหวี่เกิดมาตอมยังดวงตาของเราจะทำให้คนที่โดนแมลงหวี่ตอมนั้นติดโรคตาแดงได้ง่าย ซึ่งโรคตาแดงนี้เองเป็นโรคที่สามารถระบาดและติดต่อกันได้ค่อนข้างง่าย และรวดเร็ว ทำให้ไม่มีการป้องกันที่เกิดขึ้นได้ แต่เราสามารถป้องกันได้โดยการที่สัมผัสดวงตาด้วยมือที่สะอาด หรืออาจจะพบแพทย์เพื่อการรักษาก็ได้เช่นกัน โรคตาแดงถึงแม้จะไม่ร้ายแรง แต่ถ้าหากทิ้งไว้ไม่มีการรักษาที่ดี หรือไม่ไปพบแพทย์ ก็อาจจะทำให้เกิดสภาวะแทรกซ้อนขึ้นมาได้ ฉะนั้นทางที่ดีเมื่อเป็นโรคตาแดงแล้วควรพบแพทย์จะดีที่สุด เพื่อจะได้ทำการรักษาต่อไป

4.สมุนไพร รู กำจัดแมลงหวี่
4.สมุนไพร รู กำจัดแมลงหวี่

ปัญหาและอุปสรรคของแมลงหวี่

ถึงแม้ว่าแมลงหวี่นั้นจะเป็นอุปสรรคและปัญหาที่กวนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเข้ามาตอมอาหาร หรือแม้แต่ผัก ผลไม้ ต้นไม้ ของเรา ที่ได้ทำการปลูกว่าย่อมสร้างความเสียหายเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าแมลงหวี่มาตอมอย่างเดียวนั้นก็คงไม่เกิดปัญหาอะไรมากนัก แต่ถ้ามาตอมแล้วนำมาวางไข่ทิ้งไว้นี้สิยิ่งจะก่อให้เกิดปัญหาบานปลายอย่างแน่นอน เพราะถ้าแมลงหวี่มาวางไข่บนผิวผลไม้ หรือต้นไม้

การจะฟักตัวนั้นใช้เวลาไม่นานก็ออกเป็นแมลงหวี่ตัวใหม่แล้ว ซึ่งก็ยังคงเป็นปัญหาที่น่าหนักใจของใครหลายๆ คนที่พบเจอกับปัญหาเหล่านี้ ซึ่งเราก็จะมาพูดถึงวิธีการกำจัดแมลงหวี่กัน การกำจัดแมลงหวี่ไม่ให้มากวนใจนั้นอาจะมีหลากหลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราจะกำจัดมาด้วยวิธีการไหนก็เท่านั้นเอง เรามาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีใดบ้างในการจัดการปัญหาแมลงหวี่เหล่านี้

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นพืชสมุนไพร สมุนไพร คือ พืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มักมีการใช้ในการปรุงอาหารในแถบประเทศฝั่งยุโรป มีรสชาติที่ค่อนข้างขม และมีกลิ่นที่แรงพอสมควร ซึ่งกลิ่นที่แรงนี้เองจะเข้าไปสร้างความปั่นป่วนให้กับแมลงหวี่ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

โดยวิธีการนั้นอาจจะนำแจกันมาใส่สมุนไพรชนิดนี้แล้ววางไว้ใกล้ๆ กันกับผลไม้ที่เริ่มมีการสุกงอมได้ที่ เพื่อที่ว่าตัวกลิ่นของสมุนไพรนั้นจะเป็นตัวช่วยในการป้องกันอย่างดี ถึงแม้ว่าต่อให้กลิ่นผลไม้นั้นจะมีความหอมมากแค่ไหนก็ตาม หรือจะส่งกลิ่นหอมได้ไกลแค่ไหน เจ้าแมลงหวี่ที่ชอบมาตอมนั้นก็ไม่สามารถที่จะเข้ามาตอมผลไม้ชนิดนั้นๆ ได้ เพราะกลิ่นของสมุนไพรที่มีความรุนแรงนี้จะช่วยป้องกันแมลงหวี่เพื่อไม่ให้มาตอมผลไม้ และต้นไม้ ได้เป็นอย่างดีเลย

5.ใบหางนกยูง-กลิ่นของใบหางนกยูงขับไล่แมลงหวี่ได้
5.ใบหางนกยูง-กลิ่นของใบหางนกยูงขับไล่แมลงหวี่ได้
กาบมะพร้าว-ใช้ควันในการไล่แมลงหวี่
กาบมะพร้าว-ใช้ควันในการไล่แมลงหวี่
ดอกดาวเรือง-นำมาใส่น้ำช่วยไล่แมลงหวี่ได้
ดอกดาวเรือง-นำมาใส่น้ำช่วยไล่แมลงหวี่ได้

การป้องกันและ วิธีกําจัดแมลงหวี่

  • การกำจัดแมลงหวี่ด้วยเชือก

การใช้เชือกก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยในการกำจัดแมลงหวี่ได้เป็นอย่างดี เพียงเราแค่นำเชือกที่มีสีขาวเป็นเชือกฟาง หรือเชือกอะไรก็ได้ที่มีสีขาว โดยนำไปผูกไว้กับราวนี้ผูกเป็นแนวตามความยาวลง เมื่อแมลงหวี่เห็นก็จะบินมาเกาะที่เชือก ซึ่งวิธีนี้เป็นการล่อแมลงหวี่ให้เข้ามาเกาะที่เชือกได้ หลังจากที่แมลงหวี่เริ่มมาเกาะที่เชือกแล้ว ให้นำน้ำมันพืชหรือน้ำมันหมู มาใส่ภาชนะ และนำมาทาบริเวณเชือกเพื่อเป็นสารเคลือบในการดักจับแมลงหวี่ ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้แมลงหวี่ไม่สามารถบินหนีออกไปได้ อาจจะเริ่มทำตอนขึงเชือกเสร็จแล้วก็ได้เช่นกัน

โฆษณา
AP Chemical Thailand
  • การทำเป็นกับดักกระดาษโคน

เมื่อเราทำวิธีการไล่ไม่ค่อยได้ผลนัก เราก็ต้องหาวิธีการใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งวิธีการทำเป็นกับดักนี้เราจะใช้วิธีการนำกระดาษที่มีขนาด เอ 4 มาม้วนให้เป็นรูปโคน จากนั้นเราทำการเว้นด้านล่างไว้ โดยการเจาะรูให้มีรูเป็นทางเข้า และทำการเสียบกระดาษลงในขวดโหล หรือภาชนะที่สามารถกั้นไม่ให้ตัวแมลงหวี่นั้นหนีออกมาได้ แต่สามารถเข้าได้ ที่สำคัญเลยห้ามให้กระดาษแตะที่ก้นขวดโหลโดยเด็ดขาด จากนั้นให้นำอาหารหรือน้ำส้มสายชูผสมกับกลิ่นอื่นๆ ที่สามารถดึงดูดแมลงหวี่ได้ ใส่ลงไปในขวดโหล เพื่อจะเป็นการล่อแมลงหวี่ให้บินเข้ามาภายในขวดโหล แต่การที่บินเข้ามาแล้วก็จะไม่สามารถออกไปได้เช่นกัน

  • ควันจากกาบมะพร้าววัสดุธรรมชาติช่วยไล่แมลงหวี่ได้

มีหลากหลายวิธีที่จะนำมาใช้ในการไล่แมลงหวี่ไปให้พ้นจากต้นไม้ หรือผลไม้ ของเรา ซึ่งต่างคนก็มีวิธีคิดที่จะไล่แมลงหวี่โดยไม่ใช้สารเคมีหรือวิธีที่อันตรายเกินไป ซึ่งอีกวิธีหนึ่งเลย ก็คือ การใช้วัสดุจากธรรมชาติ ก็คือ กาบมะพร้าว หรือเครือกระทกรก ที่ผ่านการตากแห้งมาแล้ว ซึ่งแมลงหวี่เองนั้นจะไม่ค่อยชอบกลิ่นจากกาบมะพร้าวเท่าไหร่นัก โดยวิธีการไล่แมลงหวี่นั้น เพียงแค่นำกาบมะพร้าวหรือเครือกระทกรกมามัดรวมกัน แล้วทำการจุดไฟให้เกิดควัน การจุดไฟที่กาบมะพร้าวนั้นไม่จำเป็นต้องทำจนไหม้เกินไป เราจะจุดเพียงแค่เอาควันมาใช้เท่านั้น และนำกาบมะพร้าวที่ติดควันนั้นไปวางไว้ในบริเวณที่ต้องการไม่ให้แมลงหวี่เข้ามารบกวนได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถขับไล่แมลงหวี่ได้แล้ว

  • ฟองน้ำยาล้างจาน  รั้งปีกไม่ให้แมลงหวี่หนีได้

ถ้าตอนเป็นเด็กหลายคนคงจะเคยเล่นกันมาบ้างอยู่แล้ว กับการเอาน้ำยาล้างจานมาทำเป็นฟองและเป่าเล่น ซึ่งตัวฟองน้ำยาล้างจานนี้แหละเป็นตัวช่วยในการกำจัดแมลงหวี่ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งตัวฟองน้ำยาล้างจานนี้จะเป็นตัวช่วยในการรั้งไม่ให้แมลงหวี่หนีไปได้ เมื่อปีกของแมลงหวี่สัมผัสกับฟองน้ำเมื่อไหร่ก็จะทำให้ปีกนั้นเปียกและเหนียว ไม่สามารถขยับเพื่อบินหนีได้ แต่วิธีการนี้ใช้ได้ในกรณีที่แมลงหวี่มีจำนวนไม่มาก และบินมาเกาะใกล้ๆ แถวบริเวณที่เราอยู่เท่านั้น แต่ก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยในการกำจัดแมลงหวี่ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ไม่สิ้นเปลืองการใช้สารเคมีด้วย

  • การใช้ใบหางนกยูงในการกำจัดแมลงหวี่

การใช้วิธีการทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอะไรก็แล้วแต่ย่อมเป็นผลดีต่อตัวผู้ใช้เองทั้งนั้น การไล่แมลงหวี่ก็เช่นกัน ถ้าเราใช้วิธีการทางธรรมชาติจัดการกับแมลงหวี่ก็จะส่งผลดีต่อตัวเรา และตัวต้นไม้ หรือผลไม้ ใกล้เคียงด้วย ซึ่งการนำก้านของใบหางนกยูงนั้นมาใส่ไว้ในแจกัน และนำไปตั้งที่โต๊ะทำงาน หรือบริเวณที่มีแมลงหวี่มารบกวน  เพียงเท่านี้ก็จะสามารถขับไล่แมลงหวี่ไม่ให้มาวุ่นวาย หรือบินมาตอมผลไม้ หรืออาหาร ได้แล้ว เนื่องจากว่ากลิ่นของใบหางนกยูงนั้นเป็นกลิ่นที่แมลงหวี่ไม่ค่อยจะชอบเสียเท่าไหร่ จึงเป็นวิธีการทางธรรมชาติอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยในการไล่แมลงหวี่ได้

  • การใช้ดอกดาวเรืองช่วยในการขับไล่

อย่างที่บอกว่าวิธีการทางธรรมชาติในการไล่พวกแมลงต่างๆ นั้นย่อมมีประโยชน์และเป็นผลดี นอกจากจะใช้สมุนไพรหรือพืชที่มีฤทธิ์ในการขับไล่แมลงแล้ว ตัวดอกไม้เองก็มีเช่นกัน ซึ่งดอกไม้หลากหลายชนิดก็มีฤทธิ์ในการขับไล่แมลงต่างๆ  ได้ดีไม่น้อยไปกว่าการใช้สารเคมีที่มีความรุนแรงเลย  ซึ่งการใช้วิธีทางธรรมชาตินี้ผลดีก็มีมากกว่าอยู่แล้วอย่างแน่นอน

โดยวิธีการนี้จะเป็นการนำดอกดาวเรืองมาช่วยในการขับไล่แมลงหวี่ที่มากวนใจเราได้เป็นอย่างดี โดยนำดอกดาวเรืองที่มีการเด็ดน้ำมาแล้วนั้นมาแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน จากนั้นก็นำเอาน้ำที่ได้จากดอกดาวเรืองที่ทำการแช่ทิ้งไว้มาเทใส่ภาชนะที่สามารถใช้ในการรดน้ำได้ โดยมารดตรงบริเวณที่มีแมลงหวี่มารบกวน ซึ่งใช้ระยะเวลาไม่นานก็สามารถไล่แมลงหวี่ได้แล้ว โดยรดทิ้งไว้ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงได้ในทันทีเลยทีเดียวว่าแมลงหวี่นั้นจะเริ่มหายไปจากบริเวณนั้นในทันดี อีกทั้งยังสามารถช่วยกำจัดไข่ของแมลงหวี่ได้อีกด้วย ทั้งปลอดภัยต่อผลไม้ หรือต้นไม้ ที่เราปลูกอีกด้วย

โฆษณา
AP Chemical Thailand

แม้จะมีหลากหลายวิธีในการขับไล่แมลงหวี่ให้ไปให้พ้นจากผลไม้ หรือต้นไม้ ที่เราทำการปลูกขึ้นมา แต่ก็สามารถป้องกันได้ไม่นานนัก ทางที่ดีเลยเราจะใช้วิธีทางธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง จะช่วยลดปัญหาได้ในระยะยาว ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เห็นผลชัดเจนหรือทันทีเท่ากับสารเคมีในการกำจัดแมลง แต่ก็เป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าการใช้สารเคมีภายในบริเวณต้นไม้หรือผลไม้ได้

นอกจากนี้แมลงหวี่เองก็เป็นสัตว์ที่สามารถเป็นพาหะนำโรคได้ไม่ยาก ฉะนั้นแล้วเมื่อแมลงหวี่มาตอมต้องหมั่นล้างมือและทำความสะอาดร่างกายทุกครั้งจะดีที่สุด เพื่อเป็นการป้องกันและปกป้องไม่ให้ร่างกายเรามีเชื้อโรค ถ้าในกรณีที่แมลงหวี่มาตอมอาหาร หรือผลไม้ ที่เรากำลังรับประทาน ทางที่ดีนั้นควรจะทิ้งหรือไม่ ก็นำมาทำลาย หรือจะแปลงเป็นปุ๋ยก็ได้ จะดีกว่าการนำมารับประทานต่อ ซึ่งเราไม่รู้เลยว่า  แมลงหวี่นั้นนำโรคอะไรมาสู่ในอาหารหรือผลไม้แล้วบ้าง ก็จะเป็นการช่วยป้องกันเบื้องต้นได้

การขับไล่แมลงหวี่นั้นอาจจะมีมากกว่าวิธีที่กล่าวมาข้างต้นนี้อีกมาก ซึ่งทั้งนี้อาจจะอยู่ที่วิธีคิดของแต่ละคนว่ามีแนวคิดที่จะคิดวิธีการขับไล่แมลงหวี่ที่คอยกวนใจเราได้อย่างไร ซึ่งวิธีที่กล่าวมาอาจจะนำไปทำตามก็ได้ไม่ว่ากัน เป็นการบอกเล่าถึงการใช้วิธีการทางธรรมชาติที่ส่งผลดีต่อทั้งตัวผลไม้ หรือต้นไม้ รวมไปถึงผู้ใช้เอง ก็จะปลอดภัยจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งแนวคิดจากหลายๆ อย่างเป็นการอ้างอิงข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อไปเท่านั้น

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง

http://www.liekr.com/post_133135.html,https://www.sanook.com/home/6849/,https://www.tnews.co.th/clip/362630/,https://www.cleanipedia.com/th/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%83%E0%B8%99-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99/%E0%B8%A7%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7.html,https://kaijeaw.com/%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88-2/