เผยเทคนิค การปลูกทุเรียน แซม มะปรางหวาน 7 ไร่ สร้างรายได้ 800,000 บาท

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ถ้าพูดถึงผลไม้ซึ่งเป็นราชาไม้ผลในประเทศไทย ทุกท่านต้องนึกถึง “ทุเรียน” ที่ติดลมบนเป็นไม้ผลเพื่อการส่งออกอย่างเต็มตัว ด้วยทุเรียนนั้นมีลักษณะเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งกลิ่น สี และรสชาติ ดังคติที่ว่า “กลิ่นราวนรก แต่รสชาติเหมือนสวรรค์”

เนื่องจากทุเรียนนั้นมีกลิ่นที่รุนแรงที่เกิดจากสารหอมระเหยอย่าง “เอสเทอร์คิโทน” และสารประกอบซัลเฟอร์หลายชนิด ซึ่งเป็นกลิ่นที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ชื่นชอบและจะบอกว่าหอมทุเรียน แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบ เพียงแค่ได้กลิ่นก็แทบทนไม่ได้ แต่เมื่อพูดถึงรสชาติของทุเรียนนั้นทำให้ผู้บริโภคบางคนมองข้ามกลิ่นที่รุนแรงนั้นไปได้ จึงมีผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ทุเรียนวันนี้เป็นหนึ่งในผลไม้ในอันดับต้นๆ ที่มีผู้บริโภคชื่นชอบเป็นอย่างมาก

1.ผลผลิตบางส่วนจากสวนคุณณัฐพร
1.ผลผลิตบางส่วนจากสวนคุณณัฐพร
2.คุณณัฐพรและคุณแม่-ที่ยึดอาชีพทำสวนทุเรียนตลอดมา
2.คุณณัฐพรและคุณแม่-ที่ยึดอาชีพทำสวนทุเรียนตลอดมา

เมื่อย้อนกลับมามองที่เกษตรกรชาวสวนทุเรียนไทยนั้นจะเห็นว่าการทำสวนทุเรียนนั้นเป็นงานหินพอสมควร ที่สำคัญต้องมีใจรักการทำสวนทุเรียนก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการพัฒนาต้นทุเรียนให้สมบูรณ์ และนำมาซึ่งผลผลิตที่ดีออกสู่ตลาดและผู้บริโภค  ประกอบกับราคาผลผลิตที่เป็นแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจอาชีพนี้ เพราะไม่เพียงแต่จะได้ผลผลิตเป็นอาหารป้อนให้คนทั่วโลกแล้ว การทำสวนทุเรียนยังสร้างรายได้อย่างงาม และเป็นนายตนเอง มีอิสระในอาชีพ

เช่นเดียวกับ คุณณัฐพร อยู่ยั่งยืน หรือรู้จักกันดีในนาม “คุณเอ็ม” หนึ่งในสมาชิก Young  Smart Farmer Rayong ซึ่งเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่น่าภูมิใจด้วยวัยเพียง 26 ปี เท่านั้น ที่เขายอมหันหลังให้กับเมืองหลวงเพื่อยึดอาชีพการทำสวนไม้ผลแบบผสมผสาน ตามรอยเท้าของครอบครัวที่สามารถพิสูจน์ถึงความมั่นคงในอาชีพได้ในเชิงประจักษ์แล้ววันนี้ โดยมีสวนทุเรียนแซม มะปรางหวาน พื้นที่ 7 ไร่ มังคุดแซม มะปรางหวาน และลองกอง บนเนื้อที่ 6 ไร่ และสวนยางพาราอีก 5 ไร่ รวมมีพื้นที่การเกษตรร่วม  18 ไร่

คุณเอ็มยอมรับว่าการได้เห็นและได้สัมผัสกับสิ่งที่ครอบครัวทำมาตลอดชีวิต นั่นก็คือ การทำเกษตร การเป็นชาวสวนและเติบโตมากับสวนทุเรียนและไม้ผลตลอดมา จึงมีความรู้ในการทำสวนมากพอสมควร จนกระทั่งสามารถทิ้งชีวิตเมืองหลวงมุ่งหน้าหวนกลับสู่บ้านเกิด

หลังจากที่มีโอกาสได้รับรู้ถึงความสุขและความสำเร็จของครอบครัว และหันมายึดอาชีพทำสวนทุเรียนอย่างเต็มตัว พร้อมกับการนำความรู้จากสิ่งที่เรียนรู้และประสบการณ์ตลอดเวลาที่ผ่านมามาประยุกต์ใช้กับการทำสวนทุเรียนได้อย่างลงตัว ทำให้เกิดการต่อยอดพัฒนาการทำสวนได้เป็นอย่างดี เพราะการผลิตผลไม้ชนิดนี้ให้ได้ผลผลิตที่ดี ต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่ และองค์ความรู้หลายอย่าง แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ ต้องมีใจรัก ต้องเอาใจใส่ และต้องบริโภคความรู้อยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตให้ปลอดภัยต่อผู้ผลิต และผู้บริโภค

โฆษณา
AP Chemical Thailand
3.ทุเรียนอายุ 10 กว่าปี และ มะปรางหวาน
3.ทุเรียนอายุ 10 กว่าปี และ มะปรางหวาน

สภาพพื้นที่ปลูกทุเรียนแชม มะปรางหวาน

คุณเอ็มยอมรับว่าหลังจากที่กลับมาทำสวนทุเรียนแล้ว ทำให้รู้ว่าการทำสวนไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าจะเป็นการทำทุเรียนในฤดูก็ตาม ก็จะต้องอาศัยองค์ความรู้หลายอย่างมาประกอบกัน แต่ด้วยที่ตนเองยังพอมีพื้นฐานพอสมควร จึงสามารถเรียนรู้การทำสวนทุเรียนจากครอบครัว และจากประสบการณ์ที่เคยได้ทำมาจึงสามารถพัฒนาสวนทุเรียนได้ดีอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญได้มีโอกาสเข้าร่วมกลุ่ม Young Smart Farmer Rayong (เกษตรกรรุ่นใหม่ระยอง) ที่ทำให้ได้รับความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงและแก้ไขปัญหาสวนทุเรียนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญที่สุดคือ “การกลับมาทำสวนทุเรียนที่บ้านนั้น มีความสุขกว่าอยู่ในเมืองหลวง เพราะว่าไม่ต้องแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเวลา แข่งกับคน มีอิสระ อากาศ หรือสิ่งแวดล้อมก็ดี  ที่สำคัญเลยก็คือ มีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น”

อีกทั้งการทำสวนทุเรียนแห่งนี้เป็นสวนแบบผสมผสานที่ทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ บนพื้นที่ 21 ไร่ เริ่มต้นจากการปลูกทุเรียนแซมด้วยการปลูกมะม่วง สะเดา ซึ่งเป็นหลักๆ 3 ชนิด ของทางสวนในยุคนั้น ต่อมาดินเริ่มเสื่อมลง จึงต้องตัดมะม่วงทิ้งแล้วหันมาปลูกมังคุด ปลูก มะปรางหวาน แซมแทนมะม่วง และพัฒนาสวนไม้ผลเรื่อยมา

จนถึงปัจจุบันนี้ทำให้สวนไม้ผลแห่งนี้มีทุเรียนเป็นพืชหลัก แซมด้วย มะปรางหวาน มังคุด ยางพารา และลองกอง ซึ่งการจัดการสวนไม้ผลที่นี่เน้นใช้แรงงานภายในครอบครัว โดยไม่จ้างแรงงาน และในระหว่างที่ดูแลรักษาทุเรียนที่ยังไม่ออกผลผลิต

ทางสวนก็จะมีรายได้ ทั้งจากสะเดา ขายในราคา 100 บาท/กก. ยางพาราหรือขี้ยางกิโลกรัมละ 20 บาท ที่เป็นรายได้รายสัปดาห์ โดยจะมีพ่อค้ามารับถึงในสวน ทำให้ครอบครัวมีรายได้เพื่อใช้จ่ายในครัวเรือนในระหว่างรอผลผลิตของพืชหลักอย่างทุเรียนได้เป็นอย่างดี

4.แหล่งน้ำที่ใช้ภายในสวนไม้ผลคุณเอ็ม
4.แหล่งน้ำที่ใช้ภายในสวนไม้ผลคุณเอ็ม มะปรางหวาน มะปรางหวาน มะปรางหวาน มะปรางหวาน มะปรางหวาน

การให้ปุ๋ยและน้ำต้นทุเรียน

ขณะที่การดูแลทุเรียนภายในสวนก็จะเริ่มต้นหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต จะต้องบำรุงหน้าดินก่อนเป็นสิ่งแรก ด้วยสารเพิ่มประสิทธิภาพดินเพื่อเพิ่มธาตุอาหารที่จะเน้นใช้ฮิวมัสผสมกับเชื้อไตรโคเดอร์มาฉีดพ่นก่อน จะฉีดให้หมดก่อนตัดทุเรียนช่วงสุดท้ายเพื่อบำรุงต้น แล้วค่อยตัดแต่งกิ่งทุเรียนให้โปร่ง แสงแดดส่องได้อย่างทั่วถึง และต้นทุเรียนไม่สูงจนเกินไป

โฆษณา
AP Chemical Thailand

หลังจากนี้ก็จะใช้ยาเมทาแลกซิลเป็นยาเชื้อรา ก็จะฉีดตามทีหลัง เพราะว่าไตรโคเดอร์มาจะฉีดร่วมกับยาเชื้อราไม่ได้ จึงต้องฉีดทิ้งไว้ก่อนประมาณ 1-2 เดือน ส่วนการบำรุงต้นให้สมบูรณ์จะฉีดพ่นเพื่อดึงใบอ่อนด้วยปุ๋ยสูตร 30-10-10, 30-20-10 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของใบอ่อน ก่อนจะฉีดผสมแคลเซียมโบรอน ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบที่ชื่อ 18-18-18 ใส่ปุ๋ยทางดินสูตร 19-19-19 และบำรุงต่อด้วยการให้น้ำเพื่อกระตุ้นให้แตกใบอ่อนให้เร็วที่สุด และพยายามให้เป็นใบเพสลาดอย่างรวดเร็วที่สุด

5.การแทงช่อดอกของทุเรียนในฤดู
5.การแทงช่อดอกของทุเรียนในฤดู

การป้องกันกำจัดโรค แมลง และศัตรูพืช

ในช่วงแรกหลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้วจะต้องฉีดฮอร์โมนทางใบเพื่อเร่งให้แตกใบอ่อน  เมื่อทุเรียนแตกใบอ่อนแล้วจะสุ่มเสี่ยงที่โรคและแมลงจะเข้าทำลาย ทั้งเพลี้ยไฟ ไรแดง จึงจำเป็นต้องเน้นการฉีดพ่นสารเคมีเพื่อป้องกันเพลี้ยไฟ ไรแดง ทั้ง 2 ชนิด หลักๆ ก็คือ อิมิดา และทิพานี่ แต่จะใช้สลับกันแบบเดือนเว้นเดือน

ซึ่งจะไม่สลับกันทุกครั้งไป เพราะจะทำให้แมลงดื้อยา โดยมีสัดส่วนการใช้อิมิดาฯ เพียง 3 กรัม/น้ำ 20 ลิตร แต่ทิพานี่เป็นสูตรน้ำ จะใช้ประมาณ 20 มิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตร ที่จำเป็นต้องฉีดพ่นให้ทั่วใบอ่อน

6.ทุเรียนบางต้นทีสมบูรณ์และเริ่มติดผลเล็กให้เห็นแล้ว
6.ทุเรียนบางต้นทีสมบูรณ์และเริ่มติดผลเล็กให้เห็นแล้ว

การบำรุงดูแลรักษาต้นทุเรียน

ต้องดูแลเป็นอย่างดีในช่วงที่ทุเรียนใบแก่เต็มที่ ซึ่งจะเริ่มฉีดพ่นสารจำพวก “กรดอะซิติก” หรือ “สาหร่ายเขียว” ที่สกัดให้อยู่ในรูปของฮอร์โมน เพื่อเร่งให้ทุเรียนเปิดตาดอก ส่วนการตัดแต่งช่อดอกนั้น คุณณัฐย้ำว่าต้องฉีดพ่นฮอร์โมนให้แตกตาดอก และบำรุงดอกเช่นเดียวกัน

แต่อาจจะมีการฉีดบำรุงดอกทุเรียนควบคู่กับการใส่ปุ๋ยบำรุงดอกบ้าง โดยจะสังเกตที่พวงดอกที่ใหญ่ๆ ส่วนพวงดอกที่เล็กก็จะปลิดทิ้งไปบ้าง “ทุเรียนจะชอบติดลูกช่วงปลายๆ จึงจะต้องเก็บดอกที่ออกช่วงปลายกิ่งเก็บไว้ด้วย เพราะดอกตรงโคนทุเรียนจะชอบร่วง ต้นทุเรียนจะแสดงอาการแบบนี้เป็นจำนวนมาก”

ช่วงดอกบานทางสวนทุเรียนแห่งนี้จะงดการใส่ปุ๋ย แต่จะฉีดฮอร์โมนเพื่อบำรุงดอกแทน ซึ่งจะฉีดพ่นไปที่ใบและไม่ให้โดนดอก พร้อมทั้งงดการใช้ยาฆ่าแมลงในช่วงที่ดอกบาน เพราะต้องอาศัยแมลงบางตัวช่วยผสมเกสรทุเรียน ให้สมบูรณ์ อีกทั้งทุเรียนมีลำต้นที่สูงมาก จึงยากแก่การช่วยผสมเกสร จึงต้องอาศัยแมลงเป็นตัวช่วย

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ช่วงการบำรุงดูแลรักษาผลทุเรียนนั้นสำคัญมาก ต้องฉีดพ่นแมกนีเซียม อาหารเสริม และบางช่วงต้องเน้นสารเคมี หรือยาป้องกันหนอนเจาะทำลายด้วยสารเคมีจำพวกไซเพอร์เมททลิน  เมโทมิล และคลอไพรีฟอส+ไซเพอร์เมททริน ในช่วงที่ทุเรียนกำลังจะโตเริ่มมีเพลี้ยแป้งเกาะลูกซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทุเรียน ทำให้ลูกที่ออกมาไม่สวย

แต่ในช่วงที่เป็นหางแย้จะแนะนำให้ใช้ยาป้องกันเพลี้ยไฟฉีดพ่นจะช่วยเรื่องปลายดอกได้ ทำให้ผลทุเรียนที่ได้ออกมาเป็นหัวจีบ โดยจะสังเกตทรงทุเรียนได้ง่ายๆ เลยก็คือ หนามทุเรียนจะมีทรงที่ไม่สวย และเป็นหัวจีบ เพราะถูกเพลี้ยไฟ ไรแดง เข้าทำลาย ดูดน้ำเลี้ยง จึงทำให้ผลผลิตออกมาไม่สวย ทำให้ผลผลิตตกเกรด ราคาตกต่ำเป็นอย่างมาก

ขณะที่ผลผลิตทุเรียนต่อต้นนั้น หากทุเรียนต้นใหญ่และสมบูรณ์ก็จะสามารถเก็บลูกไว้ได้ประมาณ 80-90 ลูก/ต้น ส่วนต้นที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นักก็จะเก็บไว้ประมาณ 50 ลูก/ต้น ขณะที่ต้นทุเรียนเล็กก็จะเหลือไว้ประมาณ 20 ลูก/ต้นเท่านั้น เน้นคัดลูกที่สวย ซึ่งอาจจะต้องรอให้ผลทุเรียนโตได้ขนาดเท่ากำปั้นก่อนจึงจะสังเกตเห็น และสามารถคัดเลือกผลทุเรียนที่จะเก็บเอาไว้ได้ ที่สำคัญ “ถ้าทุเรียนแตกใบอ่อนในขณะที่มีลูกอ่อนๆ ทุเรียนจะเลี้ยงใบและทิ้งลูกทันที เพราะทุเรียนจะมีลักษณะรักใบมากกว่าลูก”

การโยงกิ่ง

การโยงกิ่ง ส่วนใหญ่จะโยงกิ่งก็ต่อเมื่อลูกทุเรียนมีขนาดเท่ากับกำปั้น หรือใหญ่กว่ากำปั้นขึ้นไป ก็จะสามารถโยงได้เพราะลูกจะเริ่มใหญ่ขึ้น ซึ่งแต่ละสวนก็จะมีวิธีการโยงที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุเรียนทุกสายพันธุ์ก็จะโยงในระยะเดียวกันหมด คือ การโยงที่ให้ลูกอยู่ติดกับต้น ไม่ใช่โยงให้กิ่งหัก โดยจะใช้เชือกฟางโยงลูกทุเรียน เพื่อเป็นการป้องกันลมกรรโชกในฤดูฝน

ซึ่งในช่วงที่ผลผลิตเริ่มเจริญเติบโต และมีน้ำหนักมากขึ้น ก็จะช่วยในเรื่องกิ่งหัก หรือต้นโค่น ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทุเรียนจะต้องใช้เวลาในการเจริญเติบโตจนถึงการเก็บเกี่ยว จึงต้องทำการโยงกิ่งในรูปแบบนี้เกิดขึ้น และเป็นผลดีต่อเกษตรกรเป็นอย่างมาก  ซึ่งทุเรียนพันธุ์หมอนทองนั้นผลผลิตที่เหมาะกับการเก็บเกี่ยวได้ก็จะต้องเป็นผลแก่ กำลังดี ประมาณ 70-80 ลูก/ต้น เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี และสุกแบบพอดี

7.ผลผลิตที่ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพจากฝีมือชาวสวนไทย
7.ผลผลิตที่ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพจากฝีมือชาวสวนไทย

การเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียน

สวนทุเรียนแห่งนี้จะเน้นการผลิตทุเรียนในฤดูกาล ที่ดอกทุเรียนจะเริ่มบานในช่วงเดือนมกราคมที่จะสามารถตัดเก็บผลผลิตได้ในเดือนพฤษภาคมของทุกปี ที่ใช้เวลาประมาณ 4 เดือน หรือประมาณ 120 วัน แต่ถ้าเป็นพันธุ์ชะนีจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็วกว่าหมอนทอง หรือประมาณ 100-110 วัน เท่านั้น จะให้ผลผลิตที่กำลังพอดี เพราะพันธุ์ชะนีนั้นถ้าสุกเกินไปก็จะเนื้อเละ แต่ถ้าเก็บผลผลิตเร็วเกินไปเนื้อก็จะแข็ง

โฆษณา
AP Chemical Thailand

แต่สวนนี้จะเน้นปลูกทุเรียนหมอนทองมากกว่า เพราะหมอนทองราคาดีกว่า ผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก ซึ่งผลผลิตที่ได้ในปีที่แล้วนั้น ทุเรียนมีน้ำหนักต่อลูกประมาณ 2 กิโลกรัมขึ้นไป ผลผลิตเฉลี่ยทุกไซซ์รวมกันอยู่ที่ประมาณ 12 ตัน/ปี บนพื้นที่  6 ไร่ ราคาผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาท มีรายได้เข้าสู่ครอบครัวร่วม  800,000 บาท/ปี

โดยที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย และค่าปุ๋ย ค่ายา ออกไปที่ 40,000 บาท รวมทั้งค่าบริหารจัดการสวนอย่างอื่นที่ต้องมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การตัดแต่งกิ่ง เริ่มต้นบำรุงรักษาไปจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิตได้  ประกอบกับสภาพดินที่นี่จะมีการตรวจสอบและวิเคราะห์ดินเพื่อหาค่าของดินทุกปี ทำให้การบำรุงรักษาตรงกับความต้องการของพืช

ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาสามารถวัดค่าพีเอชดินได้ประมาณ 5.6-5.7 แต่บางจุดก็มีค่า pH ที่ 6 ซึ่งเป็นแค่กรดอ่อนๆ ไม่รุนแรง ส่วนแหล่งน้ำจะมีอยู่แล้วภายในสวนแห่งนี้ เป็นบ่อผิวดิน หรือสระน้ำ ที่มีการต่อท่อและวางระบบการให้น้ำแบบระบบ 3 หัว โดยจะติดมินิสปริงเกลอร์แบบ  3 ทิศทาง เพื่อให้ต้นทุเรียนได้รับน้ำอย่างทั่วถึงทุกต้น

8.ทุเรียนเนื้อหนา-เม็ดเล็ก-เป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภค
8.ทุเรียนเนื้อหนา-เม็ดเล็ก-เป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภค

ด้านตลาดผลผลิตทุเรียน

คุณเอ็มเผยถึงมุมมองด้าน “การตลาด” ว่า ตลาดในประเทศส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นการส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีนเป็นจำนวนมากต่อปี ซึ่งในอนาคตที่ทุเรียนมีราคาถูก ทุเรียนอาจจะกลับมาอยู่ในตลาดภายในประเทศเป็นจำนวนมาก เนื่องจากคนไทยมีกำลังซื้อมากขึ้น ขายในประเทศดีกว่าส่งนอก เพราะราคาอยู่ที่คนกลางเป็นคนกำหนด หรือ “ล้ง”

ซึ่งอนาคตทางสวนจะมีการปรับปรุงสวนใหม่ อาจจะเปิด facebook ภายใต้ชื่อสวน เพื่อประชาสัมพันธ์ทางสวนให้เป็นที่รู้จัก ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเลือกซื้อผลผลิตได้ถึงหน้าสวนเลย เพื่อรับประกันคุณภาพผลผลิตของทางสวนที่อาจจะมีราคาสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย

เพื่อไม่ให้เป็นการขายตัดหน้าพ่อค้าคนกลาง แต่ให้เป็นการเอื้อกันทั้ง 2 ฝ่าย เพราะลูกค้าบางคนก็ชอบซื้อทุเรียนที่ตลาดไปทาน แต่ก็ยังมีบางคนหรือบางกลุ่มที่ต้องการบริโภคผลผลิตจากสวนทุเรียนโดยตรง ซึ่งตรงนี้จะเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดให้มากขึ้นเท่านั้นเอง โดยทางสวนก็ยังคงส่งผลผลิตให้กับพ่อค้าคนกลางควบคู่กันไปด้วย

โฆษณา
AP Chemical Thailand
9.คุณณัฐพรและกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่-หรือ-Young-Smart-Farmer-Rayong
9.คุณณัฐพรและกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่-หรือ-Young-Smart-Farmer-Rayong

ฝากถึงชาวสวนทุเรียน

สุดท้ายฝากถึงชาวสวนทุเรียนหรือเกษตรกรที่คิดจะเริ่มต้นสร้างสวนใหม่ถึง “การรวมกลุ่ม”  ถ้าหากเกษตรกรสามารถรวมกลุ่มกันได้ จะเป็นผลดีต่อการทำเกษตรกรรมเป็นอย่างมาก อย่างการเป็นหนึ่งในสมาชิก Young Smart Farmer Rayong (เกษตรกรรุ่นใหม่ระยอง) ที่ทำให้ได้รับองค์ความรู้หลายๆ อย่าง และทางสวนเกิดปัญหาก็สามารถขอคำปรึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที และยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับตนเอง และคนอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี

ที่สำคัญการรวมกลุ่มก็จะช่วยเสริมศักยภาพด้านการพัฒนาความรู้ได้อย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นเกษตรกรอย่าปิดกั้นโอกาสตัวเอง แสวงหาสิ่งใหม่เพื่อนำมาปรับปรุง และปรับใช้กับการประกอบอาชีพเกษตรกรรมทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้ มะปรางหวาน มะปรางหวาน มะปรางหวาน มะปรางหวาน มะปรางหวาน 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สวนทุเรียนคุณเอ็ม (ณัฐพร อยู่ยั่งยืน) 21/9 หมู่ 1 ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง 21160 โทร.093-130-9010 อีเมล์ : [email protected],[email protected]