เกษตรผสมผสาน การปลูก ผัก ผลไม้ ใน สวนยางพารา 45 ไร่ สร้างรายได้กว่า 4 แสนบาท/ปี

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เกษตรผสมผสาน การปลูก ผัก ผลไม้ ใน สวนยางพารา 45 ไร่ สร้างรายได้กว่า 4 แสนบาท/ปี 

กระแสการทำ เกษตรผสมผสาน ในปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมในภาคเกษตรไทย และลุกลามมาถึงชาว สวนยางพารา ที่ต้องหันมาพึ่งพาการทำ เกษตรผสมผสาน เนื่องจากราคายางพาราตกต่ำ จากสมัยก่อน เมื่อปี 2554 ราคาน้ำยางสดสูงถึงกิโลกรัมละ 125 บาท  ทำให้ชาว สวนยางพารา กลายเป็นเศรษฐีกันทั้งประเทศ สร้างรายได้ปีละมากกว่า 360,000 บาท

แต่เมื่อปี 2557 ราคาน้ำยางสดดิ่งลงเหลือกิโลกรัมละ 38 บาท ต่ำที่สุดในรอบ  10 ปี นับตั้งแต่ปี 2547-2557  (อ้างอิงจาก สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร) ทำให้ชาวสวนยางมีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเหลือเพียง 96,000 บาท/ปี (อ้างอิงจาก ไทยรัฐ ทีวี ,ม.ค.2559) และหลังจากราคาน้ำยางสดต่ำสุดในปี 2557

ต่อมาปี 2558-2560 ราคาน้ำยางสดเฉลี่ยต่อกิโลกรัมอยู่ที่ 45.08, 50.03 และ 64.11 บาท ตามลำดับ ถือว่าราคาขยับขึ้นมาบ้าง ขณะที่รายจ่ายต่อครัวเรือนเฉลี่ยอยู่ที่ 153,622 บาท/ปี (อ้างอิงจากศูนย์วิจัย กสิกรไทย, ก.ค.2558) ทำให้ชาวสวนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย

คุณไพศาล และคุณชลอ เสาวคนธ์ สองสามีภรรยาชาว สวนยางพารา ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง เป็นหนึ่งในเกษตรกรชาวสวนยางที่ให้ความสำคัญกับ เกษตรผสมผสาน ใน สวนยางพารา มาหลายปีก่อนที่ราคายางจะตกต่ำ เนื่องด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ที่จังหวัดระยองอยู่ในภูมิภาคที่มีปริมาณฝนรวมเฉลี่ยตลอดปีมากถึง 1,383.2 มิลลิเมตร ฤดูฝนมีระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ต.ค. ในแต่ละปี และมีจำนวนวันฝนตกเฉลี่ยทั้งปี 119 วัน (อ้างอิงจากศูนย์ภูมิอากาศ สำนักพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา, มี.ค. 2557)

ทำให้มีความหลากหลายทางชีวภาพ สามารถปลูกพืชได้หลายชนิด มีผลผลิตดี และได้ราคาดี ที่สวนของคุณไพศาลปลูกยางพาราเป็นหลัก และมีพืช ผัก ผลไม้ อย่างอื่นเสริม เช่น ทุเรียน มังคุด ลองกอง เงาะ กาแฟ และพืช ผัก สวนครัว เป็นต้น ทำให้มีรายได้เสริมหมุนเวียนตลอดทั้งปี เมื่อว่างเว้นจากการกรีดยางก็ยังมีพืชอย่างอื่นให้เก็บขาย และสร้างรายรับทั้งปีมากกว่า 400,000 บาท

2.คุณไพศาลและคุณชลอ-เสาวคนธ์-ปลูกยางผสมผสาน-ผัก-ผลไม้
2.คุณไพศาลและคุณชลอ-เสาวคนธ์- เกษตรผสมผสาน ปลูกยางผสมผสาน ผัก ผลไม้

คุณไพศาลและคุณชลอ สองสามีภรรยา วัย 60  ปี ทั้งสองเกิดและเติบโตที่ ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง ช่วยพ่อแม่ทำสวนยางมาตั้งแต่เด็ก คุณชลอเริ่มกรีดยางเป็นตั้งแต่อายุ 12 ปี ปัจจุบันยังทำสวนยางอยู่  มีประสบการณ์ทำสวนยางมากกว่า 40 ปี จนเกิดความชำนาญในการทำ สวนยางพารา สวนยางของพ่อแม่สมัยก่อนมีพื้นที่เพียง 5-6 ไร่ พันธุ์ยางที่ปลูกก็เป็นพันธุ์ยางพื้นเมืองที่งอกจากเมล็ดที่ร่วงตามสวนยาง จำนวน 300-400 ต้น

โฆษณา
AP Chemical Thailand
3.เกษตรผสมผสาน ผัก ผลไม้ ผักผลไม้ สวนยางพารา
3.เกษตรผสมผสาน ผัก ผลไม้ ผักผลไม้ สวนยางพารา

รายได้ จาก สวนยางพารา

สวนยางพารา ของคุณไพศาลและคุณชลอมี 2 แห่ง รวมพื้นที่ปลูกยางพารา 40 ไร่ และมีสวน ผลไม้ รวมกัน 5 ไร่ ยางที่ปลูกมี 3 สายพันธุ์ แบ่งเป็นพันธุ์ไทย 1 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ RRIT251 และพันธุ์มาเลเซีย 2 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ RRIM600 และ  PB235 ระยะปลูกระหว่างต้นและแถว คือ  8×2.5 เมตร

ไร่หนึ่งจะมีต้นยาง 80 ต้น รวม 40 ไร่ มีต้นยางถึง 3,200 ต้น อายุต้นยางจะมี 3 รุ่น ได้แก่ อายุ 30 ปี 20 ปี 10 ปี  และ 6 ปี ช่วงแรกที่ปลูกได้ต้นกล้ามาจากกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จ.ระยอง โดยไปรับกล้ายางมาจาก อ.โป่งแรด จ.จันทบุรี และ ที่ ต.อ่างดอกกราย อ.เมือง จ.ระยอง

และต่อมาเมื่อต้นยางแก่  ให้น้ำยางไม่ได้แล้ว จะทำการโค่นต้นยางเพื่อปลูกใหม่ ก็จะได้รับเงินสนับสนุนการปลูกทดแทนจากกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จ.ระยอง ไร่ละ 11,000 บาท โดยทยอยให้ในระยะเวลา 5 ปี ส่วนต้นกล้าระยะหลังได้มาจากแปลงกล้ายางที่ตนเองทำจำหน่าย เป็นกล้ายางติดตา หรือกล้ายางบัดดิ้ง

แต่ปัจจุบันเลิกขายมา 5 ปี แล้ว พันธุ์ที่ปลูกมากที่สุด คือ พันธุ์ RRIM600 เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่สามารถให้ทั้งน้ำยาง และไม้ยางพาราได้  ลำต้นตรงสวย เมื่อหมดอายุกรีดประมาณ 30 ปี สามารถโค่นขายเป็นไม้ยางพารา ได้ราคาดี ตกไร่ละ 6-7 หมื่นบาท ชาวสวนในพื้นที่ใกล้เคียงเขาขายต้นยางพารา 10 ไร่ ได้เงินถึงหลักล้าน

ช่วงแรกที่ทำสวนยางทำเป็นยางแผ่นดิบขายให้พ่อค้าได้ ขายกิโลกรัมละ 4 บาท ต่อมาดัดแปลงเป็นยางแผ่นรมควัน ขายในรูปแบบของยางอัดก้อน หรือยางลูกขุน ที่มีน้ำหนักก้อนละ 111 กก. มีการสร้างอาคารผลิตยางลูกขุน มีเครื่องรีดยาง และเครื่องอัดยางก้อน ที่ใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า

แต่ปัจจุบันอาคารผลิตยางลูกขุนถูกรื้อไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เนื่องจากไม่ได้ใช้งาน ส่วนการขายยางของคุณไพศาลและคุณชลอมีการพัฒนามาเรื่อยๆ ตั้งแต่ขายเป็นยางแผ่นดิบจนถึงขายเป็นน้ำยาสด ใช้เวลาร่วม 30 ปี และ 10 ปี ให้หลัง จนถึงปัจจุบันขายเป็นยางก้อนถ้วยเพียงอย่างเดียว 

โฆษณา
AP Chemical Thailand
4.การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดเม็ดและน้ำของพรชัยเกษตร
4.การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดเม็ดและน้ำของพรชัยเกษตรใน สวนยางพารา

ระบบกรีดยาง

ระบบกรีดยางในสวนใช้ระบบกรีด 3 วัน หยุด 1 วัน เริ่มเปิดหน้ายางที่ความสูงจากพื้นดิน 1.5 เมตร  แบ่งหน้ากรีดเป็น 3 หน้า เวลากรีดก็จะกรีดตั้งแต่ตี 3 ถึงเช้า ส่วนน้ำกรดที่ใช้เป็นน้ำกรดชีวภาพตราดาวแดง ของพรชัยเกษตร เลือกใช้น้ำกรดตัวนี้เพราะไม่เป็นอันตรายต่อต้นยางและคนกรีด ซื้อมาแกลลอนละ 5 ลิตร ราคา 250 บาท

วิธีใช้ก็จะผสมน้ำกรด 1 ลิตร ต่อน้ำ 10 ลิตร แล้วบรรจุใส่ขวดน้ำอัดลม เจาะฝา และหยอดลงบนถ้วยน้ำยาง และใช้ไม้คนให้น้ำยางผสมเข้ากับน้ำกรด เดือนหนึ่งก็จะใช้น้ำกรดประมาณ 30 ลิตร ทำทุกครั้งแบบนี้ที่กรีดยางเสร็จในแต่ละครั้ง และใช้เวลากรีด 5 คืนขึ้นไป

รวมรายได้จาก สวนยางพารา

จึงจะนำยางก้อนถ้วยไปขายได้ และจะได้ราคาดี ยางก้อนถ้วยที่ได้จะขายทุกๆ 7 วัน เดือนหนึ่งขายได้ 3  ครั้ง ครั้งละ 300-400 กก.โดยจะมีพ่อค้ารายย่อยเอารถกระบะวิ่งเข้ามารับที่สวน ราคาที่ได้กิโลกรัมละ 20 บาท เดือนหนึ่งก็ได้ขั้นต่ำ 18,000 บาท

แต่เมื่อฝนตกชุก ตั้งแต่เข้าพรรษาตกมา 15 วัน แล้ว ทำให้กรีดได้ไม่มาก แต่ถ้าช่วงหน้าหนาว เดือน ต.ค.- พ.ย. น้ำยางจะออกเยอะ อาทิตย์หนึ่งขายได้เป็นหมื่น รวมยอดขายทั้งปีเฉพาะยางพาราประมาณ 162,000 บาท

5.ต้นมังคุดอายุ-20-ปี-ที่ปลูกแซมกับทุเรียน-5-ไร่
5.ต้นมังคุดอายุ-20-ปี-ที่ปลูกแซมกับทุเรียน-5-ไร่
ต้นทุเรียนพันธุ์ต่างๆ-150-ต้น-พื้นที่-5-ไร่
ต้นทุเรียนพันธุ์ต่างๆ-150-ต้น-พื้นที่-5-ไร่

รายได้เสริม จาก เกษตรผสมผสาน สารพัดพืชที่ปลูกล้วนทำเงิน

เนื่องจากมีพื้นที่ว่างในสวนจึงเลือกที่จะปลูกพืชอย่างอื่นด้วย เพื่อสร้างรายได้เสริม โดยพืชที่ปลูกส่วนมากจะเป็นไม้ผล ซึ่งเหมาะกับการปลูกในพื้นที่ พืชที่ปลูก ได้แก่ ทุเรียน มังคุด ลองกอง เงาะ ขนุน กาแฟ ถั่วฝักยาว แตงกวา ข่า และมะนาว เป็นต้น

ลงทุนปลูก ผลไม้ ครั้งแรกประมาณ 5 ไร่ ไร่ละ 20,000 บาท รวมทั้งหมดประมาณ 1 แสนกว่าบาท พืชทุกอย่างที่ปลูกจะใช้ผลิตภัณฑ์ของลุงอ้วนในการบำรุงรักษา  ช่วยให้ดินดี ปรับโครงสร้างดิน ทำให้ดินร่วนซุย มีไส้เดือนอาศัยอยู่ ถ้าช่วงหน้าแล้งที่แต่ก่อนใช้ปุ๋ยเคมี ดินจะกระด้าง ไม่อุ้มน้ำ ทำให้ต้องเปิดน้ำบ่อยทุกๆ  4-5 วัน

โฆษณา
AP Chemical Thailand

แต่เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ของลุงอ้วนไม่ต้องเปิดน้ำบ่อยในช่วงหน้าแล้ง ช่วยประหยัดน้ำได้อีกทางหนึ่ง รวมต้นทุนซื้อผลิตภัณฑ์ของลุงอ้วนที่ใช้ใน สวนยางพารา และสวน ผลไม้ ทั้งหมดประมาณปีละ 40,000 บาท ซึ่งรายละเอียดพืชที่ปลูก มีดังต่อไปนี้

1.ทุเรียน ปลูกหลากหลายพันธุ์ผสมกันไป บนพื้นที่ 5 ไร่ ได้แก่ พันธุ์หมอนทอง ก้านยาว กระดุม พวงมณี ปลูกมาแล้ว 3 รุ่น ได้แก่ อายุ 30 ปี 10 ปี และ 4 ปี จำนวนทั้งหมด 150 ต้น แต่พันธุ์ที่ปลูกมากที่สุด คือ พันธุ์หมอนทอง ทุเรียนในสวนที่ให้ผลผลิตแล้วมีประมาณ 70 ต้น และจะให้ผลผลิตในเดือน พ.ค.-ก.ค. เมื่อทุเรียนแก่ก็จะให้พ่อค้ามาเหมาสวนตัดผลไปเลย ได้ราคากิโลกรัมละ 50 บาท ต้นหนึ่งก็จะขายได้ประมาณ 50,000 บาท

2.มังคุด ปลูกแซมกับทุเรียน อายุ 20 ปี มังคุดจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาเดียวกันกับทุเรียน เก็บผลผลิตได้ครั้งหนึ่งประมาณ 50-100 กก. ถ้าเก็บผลผลิตได้มาก เมื่อนำไปส่งล้ง ผลไม้ ก็จะขายแยกเกรด A B C ก็จะได้ราคาดี เกรด A ราคากิโลกรัมละ 70-80 บาท ถ้าผลผลิตไม่มากก็จะขายคละไซด์ ราคากิโลกรัมละ 60 บาท แต่พอช่วงหลังมังคุดออกผลผลิตมาก แล้วปริมาณมังคุดในตลาดมีมาก ทำให้ราคาตกเหลือเพียงกิโลกรัมละ 10 บาท

3.ลองกองพันธุ์ตันหยงมัส 10 ต้น ปลูกแซมระหว่างทุเรียนกับมังคุด ลองกองจะให้ผลผลิตในช่วงเดือน ก.ค. เก็บผลผลิตได้ครั้งละ 300-400 กก. เวลาขายก็จะขายคัดไซด์แยกตามความสวยงามของพวง ถ้าพวงแน่นก็จะได้ราคากิโลกรัมละ 25 บาท ถ้าพวงไม่สวย ไม่แน่น ก็จะได้ราคากิโลกรัมละ 20 บาท และถ้าลูกที่หลุดจากพวงแล้วจะขายได้กิโลกรัมละ 10 บาท

4.เงาะสีชมพู อายุ 30 ปี จำนวน 5-6  ต้น เงาะอายุมากแล้วไม่ต้องดูแลอะไรมาก แค่รดน้ำเพียงอย่างเดียวก็ให้ผลผลิตได้แล้ว การเก็บเกี่ยวจะเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาเดียวกันกับทุเรียน เก็บผลผลิตได้ครั้งละ 300-400 กก. ช่วงแรกที่ผลผลิตออกยังไม่มาก จะขายได้กิโลกรัมละ 30-40 บาท ช่วงหลังผลผลิตในท้องตลาดมีมาก ทำให้เหลือราคาเพียงกิโลกรัมละ 20 บาท

5.ขนุนพันธุ์ทองประเสริฐ 300 ต้น พื้นที่ปลูก 3 ไร่ เพิ่งปลูกได้ 2 ปี ยังไมได้ผลผลิต จึงปลูกถั่วฝักยาวและแตงกวาแซม รวมแล้วประมาณ 200 หลุม เพื่อเก็บผลผลิตขายเป็นรายได้เสริม โดยขายส่งให้พ่อค้าตลาดนัดในละแวกใกล้เคียง วันหนึ่งเก็บผลผลิตได้ 5-10 กก. ขายได้ครั้งละประมาณ 100-200 บาท เลือกปลูกพันธุ์นี้เพราะว่า ให้ผลสวย เป็นที่นิยมของตลาด

โฆษณา
AP Chemical Thailand

6.กาแฟพันธุ์อาราบิก้า เริ่มปลูกเมื่อปี 2559 จำนวน 1,200 ต้น ร่วมกับ สวนยางพารา อายุ 6 ปี ได้รับการแนะนำให้ปลูกจากคุณดา ตัวแทนส่งเสริมการปลูกกาแฟ ร้าน PS เกษตรคลินิก ในพื้นที่ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง โดยทำสัญญาการปลูกเป็นกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง จันทบุรี และตราด

โดยได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิต เช่น ต้นกล้าที่จากจังหวัดสงขลา ปุ๋ยและยาต่างๆ ที่ใช้ในการปลูก รวมถึงได้รับคำแนะนำในการปลูก และได้รับการตรวจเยี่ยมสวนเป็นระยะจากร้าน PS เกษตรคลีนิก เมื่อได้ผลผลิตแล้วทางร้านก็จะรับซื้อจากกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกกาแฟ ในราคากิโลกรัมละ 20 บาท

เลือกปลูกพันธุ์อาราบิก้าเนื่องจากเป็นพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ ให้ลูกดก ปัจจุบันกาแฟมีอายุ 1 ปี แต่ต้นสูงประมาณ 1 เมตรกว่าๆ และคาดว่าเมื่ออายุครบ 2 ปี จึงจะให้ผลผลิตได้ ปกติกาแฟจะให้ผลผลิตในเดือน ม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงปิดหน้ายางพอดี ก็จะมีเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เต็มที่ เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ในช่วงว่างเว้นจากการกรีดยางได้พอดี

นอกจากนี้ยังปลูก ข่า ชะอม และมะนาว โดยมะนาวมี 5-6 ต้น แต่ผลดกมาก ออกผลทุกข้อ เก็บครั้งหนึ่งได้ถึง 10 กก. แต่ช่วงนี้ราคาถูกเหลือเพียงกิโลกรัมละ 20 บาท

ต้นลองกองพันธุ์ตัยหยงมัส
ต้นลองกองพันธุ์ตัยหยงมัส ผสมใน สวนยางพารา
แปลงถั่วฝักยาว
แปลงถั่วฝักยาว
ต้นกาแฟพันธุ์อาราบิก้า-1200-ต้น-ที่ปลูกแซมในสวนยางพารา
ต้นกาแฟพันธุ์อาราบิก้า-1200-ต้น-ที่ปลูกแซมใน สวนยางพารา เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน
6.การเก็บเกี่ยวผลไม้ในสวนยางพารา
6.การเก็บเกี่ยวผลไม้ใน สวนยางพารา เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน

รายได้กว่า 4 แสนบาท/ปี  ได้มาด้วยความตั้งใจ ผัก ผลไม้

หลังจากกรีดยางเสร็จตอนเช้าประมาณ 9 โมงเช้า พักกินข้าว และพักผ่อน ช่วงบ่ายก็จะเข้าสวนเปิดน้ำให้สวน ผลไม้  ปกติจะให้น้ำทุกๆ 3 วัน ถ้าฝนตก ดินชุ่มชื้น ก็ไม่จำเป็นต้องให้น้ำ การเก็บเกี่ยว ผลไม้ เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จก็จะขนเข่ง ผลไม้ ลำเลียงด้วยมอเตอร์ไซค์ซาเล้งออกมาจากสวน

แล้วก็นำมาใส่รถกระบะบรรทุกไปขายทอดตลาดให้พ่อค้าเจ้าของแผงที่ตลาดกลาง ผลไม้ เขาดิน ต.ทุ่งควายกิน อ.แกลง จ.ระยอง โดยจะมีพ่อค้าหลายเจ้า เจ้าไหนให้ราคาดีก็ขายให้เจ้านั้นได้เลย ขายครั้งหนึ่งก็จะได้ราคาประมาณ 4,000-5,000 บาท ในช่วงตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ค. 3 เดือนนี้จะเป็นช่วงเก็บเกี่ยว ผลไม้

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ทำให้มีรายได้รวมกับการขายยางพาราเดือนละประมาณ 50,000 บาท เมื่อรวมกับรายได้จากการขายยางพาราทั้งปีก็จะมีรายได้ปีละประมาณ 420,000 บาทต่อปี

คุณชลอกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลก็ช่วยเหลือราคายาง ช่วยพี่น้องชาวสวนยางมาเต็มที่ แต่ก็อยากให้ช่วยพยุงราคาไว้ให้อยู่ระหว่าง 30-40 บาท/กก.จะยิ่งดี หากต่ำกว่า 20 บาท/กก. ชาวสวนยางที่รับจ้างกรีดจะลำบาก เพราะเขาแบ่งรายได้ให้ในสัดส่วน 60:40 จะทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย

หากพี่น้องชาวสวนยางจะอยู่ได้ในช่วงนี้ก็ต้องลดต้นทุนการผลิตลง เช่น เลือกใช้ปุ๋ยที่ถูกต้อง เหมาะสมกับช่วงเวลา  และใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่น้อยหรือมากจนเกินไป และต้องทำให้ยางมีคุณภาพ มีเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งสูง เวลาขายจะพยุงให้ได้น้ำหนัก และราคาดีขึ้นกว่าเดิม

ฉะนั้นการทำ เกษตรผสมผสาน ปลูกยางพาราผสมผสาน ผัก และ ผลไม้ สามารถสร้างรายได้ปีละมากกว่า 420,000 บาท สร้างรายได้เพิ่มจากการปลูกยางพาราอย่างเดียวถึงปีละ 258,000 บาท ทำให้มีรายได้จุนเจือครอบครัวอย่างพอเพียง ยั่งยืน ตลอดไป เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน

หากเกษตรกรท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ เกษตรผสมผสาน สวนยางพารา ผสมผสาน ผัก ผลไม้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณไพศาลและคุณชลอ เสาวคนธ์ ที่อยู่ บ้านเลขที่ 97 หมู่ 4 ตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง 21110  โทรศัพท์ 084-346-3965

เกษตรผสมผสาน ผัก ผลไม้ ผักผลไม้ สวนยางพารา ปลูกอะไรดี ปลูกผักอะไรรวยเร็ว อาชีพทําเงินเกษตร

โฆษณา
AP Chemical Thailand