ณ ดินแดน “บางปลาม้า” สุพรรณบุรี เป็นที่ลุ่มแหล่งรับน้ำเพื่อคนเมืองหลวง ปี 64 ชาวสุพรรณบุรีทุกอำเภอลำบากหนัก เพราะหลวงกักน้ำไว้หลายเดือน พอน้ำลด ก็เริ่มเตรียมดินเพื่อปลูก ข้าว แบบนาปรัง ทั้งๆ อาชีพนี้มิได้ทำให้ชาวนาส่วนใหญ่หลุดจากความยากจน
![1.คุณวิสุทธิ์ มีป้อม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2022/03/1.คุณวิสุทธิ์-มีป้อม.jpg)
สภาพพื้นที่ปลูกผลไม้ผสมผสาน
เจ้าของที่ทำนาไม่เป็น ก็ต้องปล่อยให้ชาวนาเช่าปลูกข้าวต่อไป
ยกเว้นชาวนาที่มีที่ดินเป็นของตนเอง อย่าง คุณวิสุทธิ์ มีป้อม อดีตครูโรงเรียนวัดทรงกระเทียม มุ่งพัฒนาพื้นที่ให้สมบูรณ์ เพื่อปลูกพืชได้ผลผลิตคุ้มค่า
ที่ดิน 3 แปลง 75 ไร่ แบ่งเป็น 30 ไร่ 25 ไร่ และ 5 ไร่ นำไปปลูกพืชที่แตกต่างกัน
![ส้มโอ ในสวนผสมผสาน](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2022/03/ส้มโอ-ในสวนผสมผสาน.jpg)
แปลง 25 ไร่ ได้ยกร่องบนคันร่อง ปลูก มะพร้าวน้ำหอม ส้มโอ 2,000 ต้น และ มะม่วงโชคอนันต์ 2,000 ต้น โดยปลูก “กล้วย” แซม ก่อนพืชประธาน จะให้ผลผลิต
มะม่วงระยะแรกๆ แม่ค้ามารับซื้อถึงสวน เป็นมะม่วงดิบ กก.ละ 20 บาท ต่อมาเหลือ กก.ละ 3-5 บาท เพราะส่งต่างประเทศไม่ได้ และชาวสวนปลูกมะม่วงโชคอนันต์มาก ผลผลิตเกินความต้องการ วันนี้มะม่วงยังอยู่ แต่ไม่ได้เน้น หันไปพัฒนามะพร้าวน้ำหอม เพราะ 5 ปี ผลผลิตเริ่มออก ราคา 7-12 บาท/ผล แต่ก็เจอ ด้วง และ ไรสี่ขา ขนาดเล็ก ระบาดตั้งแต่มะพร้าวเริ่มออกจั่น ต้องใช้ยาผสมน้ำ ฉีดตั้งแต่เริ่มออกจั่น ส่วนด้วงมี 2 ชนิด ได้แก่ ด้วงแรด และ ด้วงงวงช้าง ก็ต้องใช้ยาเช่นกัน
ที่สวนใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นหลัก ใส่ปุ๋ยขี้ไก่ปีละครั้ง 1 คันรถสิบล้อ ส่วนน้ำไม่ขาด เพราะมีเรือรดเป็นประจำ ทั้ง 2 สวน ใช้แรงงาน 2 คน ประจำ ถ้าผลผลิตเยอะก็จ้างคนมาเสริม
![2.การปลูกข้าวนาหว่าน](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2022/03/2.การปลูกข้าวนาหว่าน.jpg)
![ต้นข้าวแข็งแรง เขียว ใบตั้ง](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2022/03/ต้นข้าวแข็งแรง-เขียว-ใบตั้ง.jpg)
การปลูกพืชผักหลากหลายชนิด
แปลงที่ 2 จำนวน 30 ไร่ ถูกยกร่องเหมือนกันแล้ว ไม้เศรษฐกิจหลายชนิด เช่น ยางนา มะฮอกกานี พยุง ประดู่ และ ตะเคียนทอง โดยใช้งบกล้าไม้ไร่ละ 5,000 บาท ของป่าไม้จังหวัด ปลูกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ก่อนจะตัดไม้ขายได้ ปลูก ตะไคร้ มะกรูด กล้วย เพื่อขายผลผลิต แปลงนี้ไม่ได้ใส่ปุ๋ยใดๆ และได้ขึ้นทะเบียนสวนป่ากับป่าไม้จังหวัด และ องค์การก๊าซเรือนกระจก เมื่อปี 2560
แปลงที่ 3 จำนวน 5 ไร่ ปลูกข้าวหอมนิล ไรซ์เบอรี่ และ สังข์หยด ตอนนี้ปลูก กข43 โดยการหว่าน “กข43 ขายดีที่สุด เป็นข้าวสุขภาพ แต่ยังไม่เป็นที่นิยมของตลาด ภาครัฐไม่สนับสนุนเท่าที่ควร” คุณวิสุทธิ์ ให้ความเห็น และยืนยันว่า ต้นทุนไร่ละ 3,000 บาท ผลผลิตไร่ละ 70-80 ถัง หักค่าความชื้น และ สิ่งเจือปน ราคา 8,000 บาท/เกวียน
ถ้าจะให้ต้นทุนลดกว่านี้ ต้องทำนาแบบเปียกสลับแห้ง เพราะข้าวต้องการน้ำ เดือนกว่าๆ เมื่อน้ำขึ้น หญ้าจะไม่ขึ้น และข้าวโตคุมหญ้า จากนั้นก็ปล่อยน้ำ เป็นการประหยัดน้ำ และไม่ต้องซื้อยาฆ่าหญ้ามาฉีด แต่ปุ๋ยยูเรียใช้ให้น้อยที่สุด ใช้ช่วงหว่านข้าวเพื่อกระตุ้นให้ข้าวแตกกอ ครั้งที่ 2 ก็ใส่ปุ๋ยเม็ด แต่วันนี้คุณวิสุทธิ์ได้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ตรา เพชรใบไม้ แทน
แปลงที่ 4 จำนวน 35 ไร่ ปลูกข้าว กข85 เป็นข้าวพื้นนุ่ม ที่ตรงกับตลาดนอกต้องการ ขณะนี้ปลูกไปได้ 2 เดือนกว่าๆ ใช้ปุ๋ยเคมีชนิดเม็ดของศักดิ์สยาม และ ปุ๋ยอินทรีย์น้ำทางใบ เพชรใบไม้ ปรากฏว่า ข้าวเขียว โตไวมาก แต่ละกอมีความแข็งแรง แต่หญ้าที่เป็นวัชพืชก็โตไวเช่นกัน ต้องใช้เครื่องตัดที่ดัดแปลงจากเครื่องฉีดปุ๋ย ตอนข้าวอายุ 30 วัน และครั้งที่ 2 ข้าว 50 วัน เมื่อถามถึง “ผลผลิต” คุณวิสุทธิ์มั่นใจว่า จะได้ไร่ละเกวียน และจะนำ “กำไร” ไปพัฒนา เช่น ขุดลอกเลน ทำคันล้อม เป็นต้น
![3.คุณอุไรรัตน์ มีป้อม ประธานคลัสเตอร์ข้าว อ.บางปลาม้า](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2022/03/3.คุณอุไรรัตน์-มีป้อม-ประธานคลัสเตอร์ข้าว-อ.บางปลาม้า.jpg)
การบริหารจัดการผลผลิตและการตลาด
การบริหารผลผลิต 75 ไร่ อยู่ในมือของคุณวิสุทธิ์ แต่การบริหารการตลาด ปรากฏว่า คุณอุไรรัตน์ มีป้อม อดีตปลัดเทศบาล อบต. หลายแห่ง เป็นผู้รับผิดชอบ และวันนี้คุณอุไรรัตน์ หรือ “ปลัดแต้ว” ต้องรับบทเป็นประธานคลัสเตอร์ข้าวบางปลาม้า-สองพี่น้อง เพื่อผลักดันชาวนาหลายคน และบุคคลผู้เกี่ยวข้อง ทั้ง รัฐ และ เอกชน เข้าร่วมการปลูกข้าวแบบ “คลัสเตอร์” เพื่อฟื้นฟูดิน ลดต้นทุนการผลิตข้าว และทำให้ผลผลิต/ไร่ สูงขึ้น ซึ่งปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไปจะได้สัมผัสผลผลิต