การปลูกผักหวานป่า
จนกระทั่งพบ “สูตร” ว่าด้วยการเพาะเมล็ดผักหวานป่าให้เป็นต้นกล้าที่พร้อมจะนำไปปลูก ซึ่งเวลานี้หลายคนเพาะเมล็ดได้สำเร็จ หนึ่งในนั้นคือ ลุงสำรี ชาคำมูล เจ้าของสวนผักหวานป่าดีเด่นแห่ง อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ที่วันนี้ได้มีการขยายพื้นที่ การปลูกผักหวานป่า เพิ่มขึ้นเป็น 30 กว่าไร่
โดยเน้นการทำสาวผักหวานป่าให้เก็บเกี่ยวผลผลิตป้อนตลาดผักปลอดสารพิษได้ตลอดทั้งปี ป้อนผลผลิตให้กับห้างดังของไทย ทั้งในและนอกพื้นที่ อย่างต่อเนื่องทำให้ผักหวานป่ากลายเป็น “ผักสุขภาพ” ที่ตลาดและผู้บริโภคยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณค่าทางอาหารมากมายที่มีอยู่ในผักหวานป่านั่นเอง
ลุงสำรีได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านนาน 7 ปี จากนั้นชาวบ้านก็ได้เลือกให้เป็นสมาชิกสภาตำบล 1 สมัย ที่ต้องทำหน้าที่ผู้นำท้องถิ่นควบคู่ไปกับการทำเกษตร และส่งเสริมการทำเกษตรภายในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการ “ปลูกผักหวานป่า” ในพื้นที่ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน ในพื้นที่ โดยเฉพาะ คุณสมบัติ (ยศพนธ์) ทัพพระจันทร์ เกษตรอำเภอบ้านหมอ ยุคนั้นได้สนับสนุนลุงสำรีให้เดินหน้าเต็มที่เรื่องผักหวานป่า
จนกระทั่งนำมาซึ่ง การปลูกผักหวานป่า ยอดเหลืองในเชิงการค้า ที่สร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ในขณะที่จังหวัดสระบุรีได้ยกย่องให้สวนผักหวานป่าลุงสำรีเป็นสวนผักหวานป่าดีเด่นของจังหวัดสระบุรี และเป็นสวนผักหวานป่าต้นแบบที่ได้รับรางวัลในระดับเขต และระดับประเทศ มากมาย
![1.สวนผักหวานป่าอายุ-10-กว่าปี](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/1.สวนผักหวานป่าอายุ-10-กว่าปี.jpg)
ด้านตลาดและรายได้จากผักหวานป่า
ด้านการผลิตและจำหน่ายผักหวานป่าในวันนี้นั้น ต้องยอมรับว่า “สวนผักหวานป่าลุงสำรี” ที่ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี กลายเป็นที่รู้จักของเกษตรกร ทั้งในและนอกพื้นที่ ที่ขึ้นชื่อเรื่อง “ผลผลิตผักหวานป่าปลอดสารพิษ” ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในทุกขั้นตอน และได้ผลผลิตผักหวานป่าทั้งปริมาณและคุณภาพตลอดทั้งปี
จึงเป็นที่มาในการผลิตผักหวานป่าส่งห้างดัง ทั้งห้างแมคโคร ภายใต้การร่วมมือกันกับสมเกียรติผักอร่อย, การส่งผักหวานป่าเข้าห้างท็อปส์ฯ ภายใต้การร่วมมือของบริษัทเอกชน ที่วิ่งเข้ามารับซื้อผลผลิตถึงหน้าสวน รวมไปถึงการป้อนผลผลิตให้กับตลาดคนรักสุขภาพ ทั้งในและนอกพื้นที่ ในราคา 70-90บาท/กก. สำหรับช่วงปกติ และในช่วงหน้าแล้งจะมีราคาสูงขึ้นมาถึง 100-150 บาท/กก. หรือขึ้นอยู่กับกลไกตลาดในแต่ละช่วงเป็นหลัก
ด้วยกำลังการผลิตที่ 1 ตัน/วัน ในช่วงที่ผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก และวันละ 300-400 กก./วัน ในช่วงที่ผลผลิตออกมาในปริมาณน้อย หรือขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดเป็นหลัก รวมไปถึงการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐภายในพื้นที่ด้วย การร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้าคุณภาพในนามของดีจังหวัดสระบุรี ทั้งในและนอกพื้นที่ด้วย
![3.สวนผักหวานป่ามาตรฐาน-GAP](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/3.สวนผักหวานป่ามาตรฐาน-GAP.jpg)
การรวมกลุ่มปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ
เนื่องจากเกษตรกรได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรวมกลุ่ม จึงเป็นที่มาในการรวมกลุ่มกันปลูก และขายผักหวานป่าในเชิงการค้า ในนาม “กลุ่มเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ จ.สระบุรี” โดยมีลุงสำรีเป็นประธานกลุ่มฯ ภายใต้การสนับสนุนจากภาครัฐ อย่าง กรมส่งเสริมฯ ทั้งในด้านการผลิต การรักษาคุณภาพของผลผลิตทางกลุ่ม การขนส่งด้วยรถห้องเย็น เพื่อให้การจัดส่งผักหวานป่าปลอดสารพิษมีคุณภาพ ส่งมอบสินค้าที่ดีให้กับลูกค้า และผู้บริโภค ทั้งในและนอกพื้นที่
โดยเฉพาะการจัดส่งผักหวานป่าเพื่อเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารให้กับผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลต่างๆ เป็นต้น เพื่อร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อน การปลูกผักหวานป่า อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค
![4.ยอดผักหวานป่าสีเหลืองทองสวยงาม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/4.ยอดผักหวานป่าสีเหลืองทองสวยงาม.jpg)
การเพาะเมล็ดผักหวานป่า
ลุงสำรีผู้มากด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์ด้าน การปลูกผักหวานป่า ยืนยันว่าครอบครัวได้ยึดอาชีพ การปลูกผักหวานป่า เพื่อสร้างรายได้ภายใต้การเรียนรู้ธรรมชาติของผักหวานป่า จนกระทั่งได้เริ่มต้นปลูกผักหวานป่าแบบเพาะเมล็ดด้วย พื้นที่ปลูกเริ่มต้นเพียง 3 ไร่ ใช้เงินทุนเพียง 5,000 บาท
เมื่อผักหวานป่าชุดแรกเริ่มเก็บยอดขายผลผลิตจนมีรายได้ จึงได้นำเงินมาลงทุนซื้อเมล็ดผักหวานป่าเข้ามา “เพาะเมล็ด” เพื่อปลูกผักหวานป่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นช่วงๆ จนมีพื้นที่สวนผักหวานป่าเพิ่มขึ้นเป็น 23 ไร่ และได้เพิ่มจำนวนพื้นที่เป็น 30 กว่าไร่
ในปัจจุบันที่สามารถเก็บยอดขายผลผลิตได้ทั้งหมด และยังเป็น “” ทั้งหมด ด้วยตลาดผักหวานป่าที่โตขึ้นตลอด และยังมีผู้บริโภคต้องการผักหวานป่าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง การปลูกผักหวานป่า ให้รอดนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นทางสวนจึงเน้น การปลูกผักหวานป่า แบบ “เพาะเมล็ด” ที่มีระบบรากแก้วที่ดี มีอัตราการรอดสูง ควบคู่ไปกับการสร้างพืชพี่เลี้ยงด้วยการปลูกมะขามเทศ และตะขบ ให้เป็นพืชพี่เลี้ยงที่จะทำให้ต้นผักหวานป่าโตเร็ว
![5.มีพืชพี่เลี้ยงเพื่อการเจริญเติบโตที่ดี](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/5.มีพืชพี่เลี้ยงเพื่อการเจริญเติบโตที่ดี.jpg)
การคัดเลือกเมล็ดผักหวานป่า
โดยเฉพาะการคัดเลือก “เมล็ดผักหวานป่า” เข้าสู่กระบวนการ “เพาะเมล็ด” ซึ่งเป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่ดีที่สุดใน การปลูกผักหวานป่า เพราะมีรากแก้วที่สมบูรณ์ ทำให้ต้นผักหวานป่าสมบูรณ์ แข็งแรง ที่สุด ต้นผักหวานป่าอายุยืน ลงทุนน้อย ที่จำเป็นต้องคัดเลือกเมล็ดผักหวานป่าสุกเต็มที่จากต้นแม่พันธุ์อายุ 7-8 ปี
ซึ่งเป็นยอดเหลือง บ่มไว้นาน 3 วัน นำเมล็ดออกมายีแล้วล้างน้ำให้สะอาด นำเมล็ดที่ได้มาลอยน้ำ คัดเลือกเมล็ดที่ลอยน้ำขึ้นมาทิ้งไปเพราะไม่สมบูรณ์ ให้เหลือไว้เฉพาะเมล็ดที่จมน้ำเท่านั้น เพราะเป็นเมล็ดที่สมบูรณ์ จากนั้นให้นำเมล็ดใส่ภาชนะผึ่งลมไว้ในร่ม ที่อากาศถ่ายเทได้ดี เพียง 1 วัน
ก่อนนำเมล็ดไปหมกทรายในกระบะที่เตรียมไว้ ที่มีการใช้กระสอบป่านปูรองพื้นก่อนเททรายละเอียด และขี้เถ้าลงไปให้หนาประมาณ 2 นิ้ว รดน้ำให้ชุ่มก่อนนำเมล็ดหมกทราย แล้วคลุมกระบะด้วยกระสอบป่าน ชุบน้ำจนเปียกชุ่มอีกครั้ง รดน้ำให้ชุ่มประมาณ 18 วัน เมล็ดผักหวานป่าจะเริ่มปริแตก มีตุ่มออกมาให้เห็น และมีรากงอกออกมา
แล้วค่อยย้ายเมล็ดไปวางในแนวนอนในถุงดำขนาด 4×6 นิ้ว ที่มีส่วนผสมของดินร่วน ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก และแกลบดำ ให้แปลงเพาะอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงรำไร เน้นให้น้ำ 2 ครั้ง/สัปดาห์ ทั้งเช้าและเย็น เมื่อต้นกล้ามีอายุ 20-25 วัน จะเริ่มแตกใบ ปากหยาบ 1-2 ใบ ซึ่งเป็นช่วงที่พร้อมนำไปปลูกลงแปลงที่มีความสมบูรณ์พร้อมต่อการเจริญเติบโตมากที่สุด จะทำให้ผักหวานป่าโตเร็วที่สุด ซึ่งในช่วงแรกต้นผักหวานป่าจะโตช้า
เนื่องจากต้องสร้างระบบรากใต้ดินให้สมบูรณ์ก่อน เมื่อเริ่มเข้าสู่ปีที่ 2 จะเห็นว่าต้นผักหวานป่ามีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่เกิน 2.5-3 ปี ก็จะเริ่มเก็บผลผลิตได้บ้างแล้ว ในขณะที่ “ต้นกล้าผักหวานป่า” ที่มีความสูง 2-4 นิ้ว สามารถนำไปปลูกได้เช่นเดียวกัน แต่จะมีพัฒนาการช้ากว่าต้นกล้าที่อยู่ในช่วงใบแตก ปากหยาบ ตามที่กล่าวมา
![6.ใส่ปุ๋ยต้นผักหวานป่า](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/6.ใส่ปุ๋ยต้นผักหวานป่า.jpg)
การใส่ปุ๋ยต้นผักหวานป่า
ที่สำคัญลุงสำรียังเน้นสร้าง “สวนผักหวานป่าแบบปลอดภัย” เพื่อให้ได้ยอดผักหวานป่าปลอดสารพิษ จึงเน้นการใช้ชีวภาพ ทั้งปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยปลาหมัก และฮอร์โมนไข่ ซึ่งเป็นวัสดุในท้องถิ่น และเป็นวัตถุดิบในการผลิตสารชีวภาพต่างๆ เพื่อใช้ในการดูแลรักษาต้นผักหวานป่าให้เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะ “ปุ๋ยและฮอร์โมนชีวภาพ” จะเน้นฉีดพ่นทางใบทุกสัปดาห์ เพื่อให้ได้ “ยอดอ่อน” ที่ดี ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพได้ตลอดทั้งปี
![7.เน้นตัดแต่งกิ่งและทำสาว](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/7.เน้นตัดแต่งกิ่งและทำสาว.jpg)
การตัดแต่งกิ่งผักหวานป่า
ภายใต้ “การตัดแต่งกิ่ง” ผักหวานป่า ทุกปีที่จะเน้นตัดแต่งกิ่งที่แห้ง และโทรมทิ้งไป พร้อมกับเลือกเฉพาะกิ่งที่แข็งแรงสมบูรณ์เอาไว้ ประกอบกับลุงสำรีได้มี “เทคนิคการตัดแต่งกิ่ง” เพื่อให้ได้ทรงพุ่มตามที่ต้องการ และง่ายต่อการเก็บผลผลิตนั้น จะต้องเริ่มแต่งกิ่งเมื่อผักหวานป่ามีอายุ 1.8 ปีขึ้นไป
อีกทั้งการตัดแต่งกิ่งผักหวานป่านั้นยังให้ผลผลิตได้บางส่วนด้วย แต่ไม่มาก เพราะผักหวานป่าจะให้ผลผลิตมากขึ้นตามอายุ ช่วงที่ผักหวานป่าจะให้ผลผลิตได้อย่างเต็มที่ต้องมีอายุ 3 ปีขึ้นไป การตัดแต่งกิ่งจึงเน้นไปที่การตัดแต่งกิ่งเล็ก กิ่งน้อย ที่เป็นแขนง เป็นดิ่งกระโดงให้ได้รูปทรง ควบคู่ไปกับการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพียง 2 ครั้ง/ปี
โดยเฉพาะในช่วงที่เห็นว่าผักหวานป่าแตกใบเยอะ แต่ไม่แตกยอด ที่สำคัญไม่ควรตัดแต่งกิ่งในฤดูฝน เพราะการที่ผักหวานป่าได้รับน้ำเข้าไปเป็นจำนวนมาก จะเปลี่ยนจากยอดเป็นกิ่ง กลายเป็นใบแก่อย่างรวดเร็ว ดังนั้นช่วงที่เหมาะสมในการตัดแต่งกิ่งก็คือ ช่วงปลายปี ระหว่างเดือน พ.ย.-ธ.ค. โดยเลือกตัดแต่งกิ่งที่เริ่มจะหมดยอด จะเปลี่ยนเป็นสีดำ และตัดให้ต่ำจากกิ่งที่เปลี่ยนเป็นสีดำลงมาประมาณ 15-25 ซม.
ส่วนกิ่งง่าม หรือกิ่งกระโดง ที่คาดว่าจะไม่โตให้ตัดทิ้งไป เหลือไว้เพียง 1-2 กิ่ง เพื่อรับน้ำ และสังเคราะห์แสง คัดเลือกเฉพาะกิ่งที่มีขั้วสีเขียวที่ให้ผลผลิตดี การตัดแต่งกิ่งให้ได้รูปอย่างเหมาะสมจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องตัดแต่งกิ่งพืชพี่เลี้ยงของผักหวานป่าอย่าง “มะขามเทศ” ให้โปร่งแสง มีแสงรำไร จะช่วยกระตุ้นการแตกยอดอย่างสม่ำเสมอ ก่อนจะบำรุงรักษาให้ยอดอ่อนที่อวบใหญ่สมบูรณ์ตลอดทั้งปี
![8.การทำสาวช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/8.การทำสาวช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น.jpg)
การดูแลและบำรุงต้นผักหวานป่า
เมื่อต้นผักหวานป่ามีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ผลผลิตจะเพิ่มขึ้น หรือลดลง ขึ้นอยู่กับการดูแลและบำรุงต้นผักหวานป่าเป็นหลัก เมื่อเห็นว่าต้นผักหวานป่ามีอัตราการแตกยอดลดลง สามารถ “ทำสาวผักหวานป่า” ที่จะทำให้ต้นผักหวานป่ามีความสมบูรณ์ขึ้นมาอีกครั้ง แตกยอดได้ดีเหมือนเดิม
ซึ่งการทำสาวต้นผักหวานป่าสามารถทำได้ 2 วิธี ก็คือ การทำสาวที่ต้องตัดกลางลำต้นในระดับ หรือหน้าอก ด้วยเลื่อย (ตัดสูง) เมื่อมีการให้ปุ๋ยและน้ำไปแล้วจะได้กิ่งก้านสาขาออกมาเป็นต้นใหม่ กิ่งใหม่ แตกยอดเก็บผลผลิตได้ในปริมาณที่มากขึ้น
แต่จำนวนต้นจะน้อยกว่าการทำสาวแบบ “ตัดต่ำ” หรือการทำสาวแบบ “ตัดโคนต้น” ให้มีลำต้นโผล่ขึ้นมาเหนือดินเพียง 3-4 นิ้ว แล้วเขี่ยดินกลบทับโคนต้นผักหวานป่า รดน้ำให้ชุ่ม ให้ปุ๋ยคอกแล้วจะเริ่มมีกิ่งแตกขึ้นมาค่อนข้างมาก การแตกกิ่งจะดีกว่า และโตเร็วกว่าแบบตัดสูง ให้ยอดดี มีปริมาณมาก เหมือนผักหวานป่าอายุน้อยเลยทีเดียว เมื่อผลผลิตเริ่มแตกยอด เก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อยลง ก็สามารถกลับมาทำสาวผักหวานป่าได้อย่างต่อเนื่อง หรือทุก 5 ปี
![9.รางวัลผักหวานป่าดีเด่น-มาตรฐาน-GAP](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/9.รางวัลผักหวานป่าดีเด่น-มาตรฐาน-GAP.jpg)
การได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่น
วันนี้ลุงสำรีจึงได้ชื่อว่าเป็นปราชญ์เกษตรกรพอเพียง สาขาเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำสวน ประธานกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกผักปลอดสารพิษจังหวัดสระบุรี และยังได้รับคัดเลือกให้เป็น “สวนผักหวานป่าดีเด่น” จากหน่วยงานภาครัฐมาตลอด 7 ปี
![10.การเป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องผักหวานป่า](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/10.การเป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องผักหวานป่า.jpg)
การให้ความรู้เรื่องผักหวานป่าแก่เกษตรกร
จึงต้องทำหน้าที่เป็นวิทยากร มุ่งให้ความรู้เรื่องผักหวานป่าแก่เกษตรกร ทั้งในและนอกพื้นที่ ที่สนใจเกี่ยวกับผักหวานป่า ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการสวนผักหวานป่าให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยสภาพพื้นที่ของประเทศที่แตกต่างกันไปตามภูมิภาค ส่งผลให้ผู้ที่สนใจจะปลูกผักหวานป่ายังขาดองค์ความรู้ในเรื่องนี้ ซึ่งลุงสำรียินดีเป็นที่ปรึกษา ช่วยวิเคราะห์ให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ พร้อมกับดำเนิน การปลูกผักหวานป่า ให้มีอัตราการรอดที่มากกว่า 99.99%
![11.การปลูกผักหวานป่า ยอดเหลือง ขายได้ 80-150 บาท/กก. มีตลาดผักปลอดสารพิษรองรับทั้งปี](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/11.การปลูกผักหวานป่า-ยอดเหลือง-ขายได้-80-150-บาทกก.-มีตลาดผักปลอดสารพิษรองรับทั้งปี.jpg)
![บริษัทเข้ามารับซื้อผลผลิตผักหวานป่า](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/บริษัทเข้ามารับซื้อผลผลิตผักหวานป่า.jpg)
![12.ผักหวานป่าปลอดสารพิษ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/12.ผักหวานป่าปลอดสารพิษ.jpg)
ภายใต้การขับเคลื่อนของกลุ่มเกษตรกรแห่งนี้ เป็นผักหวานป่าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานอย่างแท้จริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั่วประเทศ ดังนั้นผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าผักหวานป่าบ้านหมอ เพื่อให้ผักหวานป่าเป็นที่รู้จักมากขึ้น และให้ผักหวานป่าเป็นพืชสุขภาพ และเป็นพืชเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ที่ดีให้กับเกษตรกรต่อไป
สนใจยอดผักหวานป่าปลอดสารพิษ, ต้นกล้าผักหวานป่า, กิ่งพันธุ์ผักหวานป่า, รับจ้างปลูกผักหวานป่าทั่วประเทศ ติดต่อได้ที่ ลุงสำรี ชาคำมูล ที่อยู่ 26 หมู่ 3 ต.หนองบัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี โทร.089-072-0463