“อาชีพเกษตรกรนับได้ว่าเป็นอาชีพที่มีมาแต่สมัยบรรพบุรุษ เป็นอาชีพที่มั่นคง และยั่งยืน และเป็นอาชีพหนึ่งที่มีความสำคัญมาก สำหรับคนไทยหลายๆ คนเปลี่ยนมาทำอาชีพการเกษตร จากพนักงานบริษัท หรือแม้แต่ข้าราชการ ก็หันมาเอาดีด้านการเกษตรแล้วหลายท่าน เช่น คุณนิวัฒน์ เนตรทองคำ อดีตข้าราชการทหาร ด้วยความรักในอาชีพการเกษตร สร้างพื้นที่ 13 ไร่ เปลี่ยนรายได้หลักหมื่นเป็นรายได้หลักแสน กลายมาเป็นเกษตรกรต้นแบบอำเภอหาดใหญ่” การเลี้ยงผึ้งโพรง
![1.คุณนิวัฒน์-เนตรทองคำ-กล่าวต้อนรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/1.คุณนิวัฒน์-เนตรทองคำ-กล่าวต้อนรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์.jpg)
คุณนิวัฒน์ เนตรทองคำ เกษตรกรต้นแบบเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา
หลายคนสงสัยว่าพื้นที่เพียง 13 ไร่ สร้างรายได้มหาศาลมากขนาดนี้ได้จริงหรอ? เขาทำอย่างไรบ้าง นี่อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเกษตรกรชาวสวนยางก็ได้ วันนี้ทางทีมงานนิตยสาร “พลังเกษตร” ได้นำเรื่องราวดีๆ มาส่งต่อให้ชาวสวนยางพารา เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างรายได้หลายๆ ช่องทาง ท่ามกลางวิกฤตการณ์ราคาน้ำยางตกต่ำ
คุณนิวัฒน์มีความรักในอาชีพการเกษตร และประกอบอาชีพด้านการเกษตรมาประมาณ 20 ปี โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และนำมาปรับปรุงพัฒนากิจกรรมการเกษตรของตนเองบนพื้นที่ 13 ไร่ จนเกิดผลสำเร็จ สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นเกษตรกรตัวอย่าง (Smart Farmer) นำเอาความรู้ที่มีมาถ่ายทอดให้แก่พี่น้องเกษตรกรที่สนใจมาศึกษาดูงานที่สวนของตนอีกด้วย
![2.สวนผสมผสานของคุณนิวัฒน์](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/2.สวนผสมผสานของคุณนิวัฒน์.jpg)
![เกษตรกร-สมาชิก-ข้าราชการ-ที่มาดูสวนของคุณนิวัฒน์](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/เกษตรกร-สมาชิก-ข้าราชการ-ที่มาดูสวนของคุณนิวัฒน์.jpg)
การให้ความรู้แก่เกษตรกร
เส้นทางสายเกษตรเกิดขึ้นหลังจากที่เขาปลดออกจากข้าราชการทหาร ประมาณปี 2545 เริ่มปลูกยางเต็มพื้นที่จำนวน 10 ไร่ แต่ก็ต้องประสบปัญหากับฤดูกาล อย่างเช่นหน้าฝน ก็ไม่สามารถกรีดยางได้ จึงทำให้ไม่มีรายได้ในช่วงนั้น อีกทั้งการปลูกพืชเชิงเดี่ยวมีความเสี่ยงมาก ทั้งด้านราคาสินค้า และก็ด้านสภาพแวดล้อม เมื่อเป็นอย่างนี้คุณนิวัฒน์จึงน้อมนำศาสตร์ของพระราชามาปรับใช้ จากปลูกพืชเชิงเดี่ยวก็หันลำมาทำ “เกษตรแบบผสมผสาน” นั่นเอง
![3.ปลูกกล้วยในสวนยางพารา](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/3.ปลูกกล้วยในสวนยางพารา.jpg)
การปลูกพืชแซมสวนยางพารา
เริ่มจากการปลูกพืชแซมยางบนพื้นที่ 10 ไร่ แต่ปัญหาก็คือ พอปลูกได้สักระยะยางมีอายุประมาณ 4 ปี กิ่งก้านเริ่มแตกขยายปลกคลุมสวนยาง แสงทะลุผ่านไปยังพืชไม่ได้ พืชก็ไม่ได้ผลผลิต เขาจึงตัดสินใจลดพื้นที่ปลูกยางไปประมาณ 3 ไร่ แล้วมาปลูกพืชผสมผสาน เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ และขยับขยายซื้อที่ดินเพิ่มอีก 3 ไร่ เพื่อมาทำการเกษตรแบบผสมผสานอย่างเต็มรูปแบบ
“เราทำไปทีละเล็กละน้อย ค่อยๆ ทำ โดยที่ว่าไม่ได้กู้ยืมอะไรมากมาย มีเท่าไหร่ก็ทำเท่านั้น ทำไปเรื่อยๆ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ พูดง่ายๆว่าต้นทุนต่ำ แต่ผลผลิตที่ได้เหมือนกับที่ใส่ปุ๋ยเคมี และมีข้อดี ก็คือ เราเก็บได้ระยะยาว พืชทนฝน ทนแล้ง กว่าการใส่ปุ๋ยเคมี” คุณนิวัฒน์เปิดเผย
![4.การจัดสรรพื้นที่](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/4.การจัดสรรพื้นที่.jpg)
การจัดสรรพื้นที่ทำการเกษตร
จากนั้นเขาได้จัดสรรพื้นที่ออกเป็นหลายส่วน เพื่อทำสวนเกษตรแบบหลากหลาย ให้สามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปีดังนี้
- รายได้รายวัน ได้แก่ ยางพารา ผักกูด ผักหวาน ชะอม
- รายได้รายสัปดาห์ ได้แก่ มะนาว กล้วย
- รายได้รายเดือน ได้แก่ หน่อไม้
- รายได้ 3 เดือน ได้แก่ ผึ้งโพรง
- รายได้ 6 เดือน ได้แก่ สุกร
- รายได้รายปี ได้แก่ ปลา ลองกอง
![5.ทางเลือก-ทางรอด-เกษตรกรชาวสวนยางพารา](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/5.ทางเลือก-ทางรอด-เกษตรกรชาวสวนยางพารา.jpg)
เคล็ดลับ ทางเลือก-ทางรอด เกษตรกรชาวสวนยาง
คุณนิวัฒน์เล่าว่า “สาเหตุที่เปลี่ยนจากการทำสวนยางพารามาเป็นเกษตรแบบผสมผสาน เพราะการทำอย่างเดียวนั้นไม่มีความแน่นอน ราคาไม่แน่นอนอย่างเดียวไม่ว่า คือ ถ้าฝนตกก็กรีดไม่ได้ พอฝนแล้งก็ต้องหยุดให้ยา ยิ่งมาตอนนี้ยิ่งลำบาก ราคายาง 3 กิโลกรัม 100 บาท” ดังนั้นจึงจัดสรรปันส่วนพื้นที่จำนวน 13 ไร่ ออกเป็น 4 โซน ดังนี้
โซนที่ 1 พื้นที่ 7 ไร่ ปลูกยางพาราพันธุ์ RRIM 600 ปลูกลองกองร่วมยาง 200 ต้น และเลี้ยงปลา (เน้นบริโภคในครัวเรือน)
โซนที่ 2 พื้นที่ 3 ไร่ ปลูกกล้วยไข่ กล้วยเล็บมือนาง กล้วยหอมทอง และปลูกผักกูดแซมในสวนกล้วย
โซนที่ 3 พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกชะอม ปลูกมะนาวในท่อซีเมนต์ และปลูกผักหวาน
โซนที่ 4 พื้นที่ 2 ไร่ ปลูกผักกูด และปลูกไผ่หวาน
![6.คุณนิวัฒน์อธิบายการเลี้ยงผึ้งโพรง](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/6.คุณนิวัฒน์อธิบายการเลี้ยงผึ้งโพรง.jpg)
การเลี้ยงผึ้งโพรง
นอกจากพื้นที่ปลูกพืชผัก ผลไม้ ที่แบ่งออกไปตามโซนแล้ว คุณนิวัฒน์ยังเลี้ยงหมู และผึ้งโพรง เพราะมูลขี้หมูนำมาใส่สวนผักได้ และยังเป็นการเพิ่มรายได้อีกทาง จากการทำเกษตรผสมผสาน สร้างรายได้รวม 865,500 บาท/ปี นอกจากนี้แล้วเขายังลดต้นทุนด้วยการทำน้ำหมักชีวภาพใช้เอง ซึ่งในไร่ของเขาไม่มีการใช้สารเคมี 100% จึงทำให้มั่นใจว่าสินค้าที่ผลิตนั้นเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะสิ่งที่ทำนั้นช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นดิน สัตว์ ชนิดต่างๆ ที่อยู่ภายในสวน และรักษาสุขภาพ ทั้งผู้ปลูก และผู้ทาน ด้วย
![7.ปลูกผักกูดในสวนยางพารา](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/7.ปลูกผักกูดในสวนยางพารา.jpg)
การบริหารจัดการสวน
เนื่องจากปลูกพืชที่หลากหลาย การดูแลจัดการและการจัดสรรเวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าหากแบ่งเวลาไม่ได้ก็ไม่สามารถจัดการสวนได้ คุณนิวัฒน์มีการจัดการดูแลสวนในแต่ละสวนดังนี้
1.ผักกูด
ปลูกแบบนำต้นมาปลูกโดยตรง “เมื่อก่อนผักนี้เกิดอยู่ริมคลอง ไปถอนมาประมาณ 40-50 ต้น แล้วมาขยายพันธุ์ต่อ ตอนนี้มีเป็นแสนต้น คนสั่งซื้อเยอะก็ขยายไปเรื่อยๆ” คุณนิวัฒน์เผยวิธีการปลูก ปลูกโดยใช้จอบขุดเพียงครั้งเดียวก็สามารถปลูกได้เลย เพราะพืชชนิดนี้จะอยู่หน้าดิน วิธีการดูแลรักษาในช่วงหน้าแล้งต้องให้น้ำอย่างน้อยวันละครั้ง เพราะต้องเก็บความชื้นให้พืช ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนไม่ต้องไปดูแลอะไรเยอะ แค่ใส่ปุ๋ยอย่างเดียว วันหนึ่งเก็บผลผลิตได้ 20 กิโลกรัม
2.ผักหวาน
ปลูกในแปลงโดยเว้นระยะห่างระหว่างร่อง 50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้น 30 เซนติเมตร การใส่ปุ๋ยจะใส่ปุ๋ยหมัก และฉีดพ่นน้ำหมัก ที่จัดทำขึ้นเอง ใส่เดือนละ 3 ครั้ง หรือใส่เรื่อยๆ เพราะจะเก็บเกี่ยวผลผลิตทุกวัน หรือวันเว้นวัน
3.ชะอม
การปลูกชะอมให้ได้ผลผลิตดีต้องมีการจัดการน้ำให้ดี เพราะถ้าชะอมได้น้ำดี ชะอมจะแตกยอดอยู่เสมอโดยเฉพาะช่วงหน้าฝน การดูแลจัดการใส่ปุ๋ย 15 วัน/ครั้ง แต่ในขณะที่ชะอมกำลังแตกยอดควรใส่ปุ๋ยเสริมให้แก่ชะอมด้วย การให้น้ำตามสภาพอากาศ หน้าฝนอาจไม่จำเป็นต้องให้น้ำ ยกเว้นฝนทิ้งช่วงหลายวัน หน้าร้อนควรให้น้ำทุกวัน เพื่อให้ชะอมแตกยอดได้ดี หน้าหนาวจะแตกยอดน้อย วิธีการก็คือ ตัดแต่งกิ่ง หรือรูดใบออกให้มาก จากนั้นใส่ปุ๋ยและน้ำ ยอดก็จะแตกออก
![สวนมะนาว](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/สวนมะนาว.jpg)
![สวนกล้วย](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/สวนกล้วย.jpg)
4.มะนาว
ปลูกในท่อซีเมนต์ หากมีแมลงก็จะฉีดพ่นน้ำหมัก เพราะจะไม่ใช้สารเคมี และควรใส่ปุ๋ยหมักเรื่อยๆ เก็บเกี่ยวผลผลิตอาทิตย์ละครั้ง ปริมาณมะนาวที่เก็บได้ 20-30 กิโลกรัม/อาทิตย์ ส่งไปขายยังตลาดกิโลกรัมละ 50-60 บาท ในส่วนของการดูแลจัดการก็จะตัดแต่งกิ่ง แต่การตัดแต่งกิ่งไม่ได้เป็นการตัดทิ้ง ตัดเป็นกิ่งตอน เพื่อขายกิ่งละ 70-80 บาท/ต้น
5.ปลูกกล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยเล็บมือนาง
ปลูกกล้วยบนพื้นที่ 3 ไร่ สายพันธุ์ละ 1 ไร่ “ผมไม่ได้ปลูกแบบเศรษฐกิจขายส่งนอก แต่ปลูกแบบสามารถตัดต้นนี้ แล้วต้นนี้ก็ออกมา” คุณนิวัฒน์เผยถึงการปลูกกล้วยให้ได้ผลผลิตแบบหมุนเวียน การใส่ปุ๋ยสำหรับกล้วยจะใส่ปุ๋ยอยู่เรื่อยๆ เดือนละครั้ง หรือสองเดือนครั้ง เพราะเมื่อใส่ปุ๋ย กล้วย ผักกูด ที่ปลูกแซมด้านล่างก็จะได้รับปุ๋ยด้วย การจัดการต้องมีการตัดแต่งใบเพื่อไม่ให้ใบหนาเกินไป ส่วนใบที่ตัดออกมาก็นำไปทำปุ๋ยหมักได้ ส่วนต้นไหนที่หน่อเยอะก็ทำการตัดแต่งหน่อ โดยดูว่าหน่อไหนเล็ก ไม่สมบูรณ์ ก็ตัดแต่งด้วยการตัดซ้าย ตัดขวา ไม่ให้ขยายใหญ่ขึ้นมา แต่ถ้าหน่อไหนที่สมบูรณ์ก็จะปล่อยไว้ หรือขุดหน่อมาขาย
6.หน่อไม้หวาน รายได้รายเดือน
การปลูกไผ่เพื่อขายหน่อเป็นเกษตรอินทรีย์แบบปลอดสารพิษ เพราะไม่มีการใช้สารเคมี อีกทั้งยังช่วยลดโลกร้อนดีกว่าต้นไม้หลายชนิด ไม่ต้องมีการดูแลจัดการ เมื่อถึงฤดูออกหน่อก็เก็บไปขาย
![การเลี้ยงผึ้งโพรง ในรังผึ้งโพรง](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/06/การเลี้ยงผึ้งโพรง-ในรังผึ้งโพรง.jpg)
7. การเลี้ยงผึ้งโพรง รายได้ 3 เดือน
ผึ้งโพรง เมื่อได้ยินชื่อหลายท่านอาจกลัว เพราะผึ้งเป็นสัตว์ที่มีพิษ ตัวเล็ก แต่เหล็กในที่ฝังบนผิวหนังนั้นเจ็บปวดไม่น้อย “คนเลี้ยงผึ้งต้องมีความเข้าใจ และมีการจัดการที่ดี ค่อยๆ เรียนรู้เขา ศึกษาธรรมชาติของผึ้ง” คุณนิวัฒน์ให้ความเห็นการเลี้ยงผึ้ง เริ่มจากการนำมูลผึ้ง หรือไขผึ้ง บีบใส่ฝารัง ผึ้งก็จะได้กลิ่น ช่วงเวลาที่ผึ้งย้ายรังจะอยู่ในช่วงหน้าแล้ง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม เราแค่ทำรังไว้เขาจะเข้ามาอยู่เอง เมื่อผึ้งเข้ามาอยู่ที่ฝารัง ผู้เลี้ยงต้องประมาณการว่ารังจะปริมาณเท่าไหร่ แล้วจัดทำคอน จากนั้นจับจากฝารังย้ายลงคอน เพราะจะง่ายต่อการจับ เมื่อผึ้งมีน้ำหวานปริมาณพอดี การจับผึ้งมี 2 วิธี คือ แบบเปิดฝา และย้ายลงคอน ผึ้งจะหากินตามธรรมชาติ เราเพียงป้องกันศัตรู เช่น มด แมลง หรือจิ้งจก ไม่ให้รบกวน โดยการทำเสาทาน้ำมัน และดูแลจัดการตัดกิ่งไม้ไม่ให้พาดรัง รังผึ้งที่สมบูรณ์ 3 เดือน ก็สามารถเก็บน้ำหวานได้ โดยมีข้อสังเกต คือ แม่ผึ้งจะอยู่บริเวณปากรูเยอะ การกิน การส่งเสียง ของผึ้ง จะแสดงให้เห็นว่ามีน้ำผึ้งในรังเยอะ
8.ขี้หมูทำน้ำหมัก ลดต้นทุน
ก่อนจะได้ขี้หมูก็ต้องเลี้ยงหมูก่อนถูกไหม คุณนิวัฒน์เลี้ยงหมูรุ่นแรกจำนวน 5 ตัว เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้อีกหนึ่งช่องทาง และนำขี้หมูทิ้งมาทำน้ำหมักเป็นปุ๋ยในสวน ระยะเวลาในการเลี้ยงหมูประมาณ 6 เดือน ก็สามารถขายได้ การดูแลจัดการก็ไม่ยาก ให้น้ำ อาหาร และทำความสะอาดคอก จากนั้นนำขี้หมูไปไว้ในบ่อพักให้ย่อยสลาย แล้วนำมารดต้นไม้
![สวนยางพารา](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/สวนยางพารา.jpg)
9.ลองกองแซมยาง
ลองกองปลูกแซมยางบนพื้นที่ 7 ไร่ มีจำนวน 200 ต้น “ถ้าเราปลูกแบบเดี่ยวๆ โดดๆ กลางแจ้ง ลองกองมันจะออกช่อดอกเยอะมาก แต่ปลูกในป่ายาง แสงจะไม่เยอะ ช่อดอกก็จะออกมาไม่เยอะ เราตัดแต่งนิดหน่อย รดน้ำใส่ปุ๋ย แค่นี้ก็โอเคแล้ว” คุณนิวัฒน์เผยว่าลองกองเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปีละครั้ง ในช่วงเดือนกันยายน
10.ปุ๋ยหมักธรรมชาติ
ปุ๋ยที่ใช้ภายในสวนเป็นปุ๋ยที่คุณนิวัฒน์ทำเอง เพราะต้องการปลูกพืชแบบปลอดสารเคมี โดยใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพ วัสดุเศษผัก : ขี้ไก่แกลบอย่างละครึ่ง เศษผักที่นำมาทำปุ๋ยหมัก และน้ำหมัก คุณนิวัฒน์ได้มาจากตลาดที่เขานำผักไปขาย โดยจะขอเศษผัก ผลไม้ ที่แม่ค้า พ่อค้า ในตลาดทิ้ง เพื่อนำกลับมาทำปุ๋ยหมัก และน้ำหมักชีวภาพ โดยเขาจะทำปุ๋ยหมัก 45 วัน หรือ 2 เดือนครั้ง ผลิตครั้งละประมาณ 2-3 ตัน รดน้ำวันละครั้ง และเติมอากาศวันละ 3 ครั้ง
11.น้ำหมักชีวภาพ
สูตรน้ำหมักชีวภาพของคุณนิวัฒน์จะใช้สูตรน้ำหมักปลาแบบเข้มข้น เพราะมีสารอาหารเยอะกว่าสูตรน้ำหมักผลไม้ มีอัตราส่วน 3:1:1:1 คือ ปลา:กากน้ำตาล:เปลือกผลไม้รสเปรี้ยว:น้ำ และเติม พด.2 ในอัตราส่วน 30 กิโลกรัม/ซอง หมักไว้ประมาณ 21 วัน และมีการตีออกซิเจน โดยการใช้จอบแทงขึ้นลง เหมือนกับการสูบลมรถ ประมาณ 3-4 ครั้ง/วัน ส่วนกากของน้ำหมักสามารถนำไปทำปุ๋ยชีวภาพได้อีกด้วย
ประโยชน์ของน้ำหมัก
1.สามารถนำมาเป็นหัวเชื้อในการทำปุ๋ยหมัก
2.ดับกลิ่นบนโถส้วม กลิ่นขี้หมูได้
3.ฉีดพ่นพืชผัก เร่งใบ สร้างความแข็งแรงให้กับลำต้น
![8.ผลผลิตที่ได้จากสวนคุณนิวัฒน์](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/01/8.ผลผลิตที่ได้จากสวนคุณนิวัฒน์.jpg)
การขยายผลสู่เกษตรกร
เนื่องจากคุณนิวัฒน์ทำเกษตรแบบผสมผสานบนพื้นที่เพียง 13 ไร่ แต่สามารถสร้างรายได้ถึง 865,500 บาท/ปี จึงทำให้มีเกษตรกรหลายคนสนใจ และอยากมาเรียนรู้ ดังนั้นจึงได้จัดตั้ง ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อ.หาดใหญ่ โดยการเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกมาเรียนรู้การทำการเกษตรจากไร่เกษตรของเขา โดยมีผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงานทุกปี เริ่มตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นมา ปัจจุบันชาวสวนยางหลายคนหันมาทำเกษตรแบบผสมผสาน ทางศูนย์จึงได้สร้างแปลงเครือข่ายในชุมชนขึ้น และมีเกษตรกรในชุมชนเข้าร่วม 10 แปลง รวมไปถึงการสร้างเครือข่ายตลาดเพื่อรองรับผลผลิตพืชผักอินทรีย์ของเกษตรกร
“ถ้าคุณรักดินที่คุณอาศัยอยู่ อยากให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ สิ่งแวดล้อมรอบๆ จะไม่มีอันตราย เราไม่ทำร้ายพื้นดิน ไม่ทำร้ายที่ที่เราทำมาหากิน ทุกสิ่งก็จะอยู่ร่วมกันได้ และเกื้อกูลกันซึ่งกันและกัน” คุณนิวัฒน์ฝากถึงเกษตรกร
ขอขอบคุณ คุณนิวัฒน์ เนตรทองคำ ประธาน ศพก. อ.หาดใหญ่ ที่อยู่ 98/2 หมู่ 7 ต.ทุ่งเสา อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 เบอร์โทร : 087-390-7426