หากพูดถึงผลไม้ที่เป็นประเทศไทยส่งออกเป็นอันดับต้นๆ คงจะหนีไม่พ้น “มะม่วง” และ “ทุเรียน” ที่มีการผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออกกระจายอยู่ทุกภูมิภาคของไทย ที่สำคัญรสชาติมะม่วงของไทยยังเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวต่างชาติ จนกระทั่งมีการส่งออกสร้างมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทในแต่ละปี สร้างรายได้ที่ดีแก่เกษตรกรไทยมาอย่างช้านาน
![รวมสุดยอด สายพันธุ์มะม่วง อนาคตไกล ปลูกในเชิงการค้าเพื่อการส่งออก](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/06/รวมสุดยอด-สายพันธุ์มะม่วง-อนาคตไกล-ปลูกในเชิงการค้าเพื่อการส่งออก.jpg)
![2.คุณสุวิทย์-คุณาวุฒิ-ปลูกมะม่วงเนื้อที่-250-ไร่-จ.ฉะเชิงเทรา](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/05/2.คุณสุวิทย์-คุณาวุฒิ-ปลูกมะม่วงเนื้อที่-250-ไร่-จ.ฉะเชิงเทรา.jpg)
นิตยสารเมืองไม้ผลและพืชสุขภาพ จะขอนำเสนอเกี่ยวกับการผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออก หรือการผลิตมะม่วงในเชิงการค้า ที่มีตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ แต่ สายพันธุ์มะม่วง ที่สามารถผลิตในเชิงการค้าได้จริงๆ นั้นมีอยู่กี่ประเภท แต่ละประเภทมีจุดเด่น จุดแข็ง และจุดอ่อน อะไรบ้าง รวมทั้งแนวโน้มและทิศทางของตลาดจะเป็นอย่างไร
นิตยสารเมืองไม้ผลได้มาจับเข่าคุยกับเกษตรกรชาวสวนมะม่วงมืออาชีพระดับประเทศ หรือเป็นชาวสวนระดับเซียน อย่าง คุณสุวิทย์ คุณาวุฒิ เจ้าของสวนมะม่วง “เพชรสำโรง” เนื้อที่รวมกว่า 250 ไร่ ที่มีการผลิตมะม่วงเพื่อการค้า ไปพร้อมๆ กับการอนุรักษ์ สายพันธุ์มะม่วง เอาไว้มากกว่า 28 สายพันธุ์ โดยมี สายพันธุ์มะม่วง ที่สามารถผลิตในเชิงการค้าวันนี้ได้มากถึง 10 กว่าสายพันธุ์ ที่มีตลาดรองรับชัดเจน
![3.การจัดการสวนให้สามารถนำเครื่องจักรใหญ่เข้ามาในสวนได้](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/05/3.การจัดการสวนให้สามารถนำเครื่องจักรใหญ่เข้ามาในสวนได้.jpg)
สภาพพื้นที่ปลูกมะม่วง
คุณสุวิทย์เป็นชาวสวนมะม่วงแต่กำเนิด และโตมากับสวนมะม่วงที่ ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา จนกระทั่งได้มารับช่วงการทำสวนมะม่วงต่อจากบิดาเรื่อยมา จนกระทั่งหันมาผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออก ที่สร้างรายได้ที่ดีให้กับครอบครัวตลอดมา
หลังจากนั้นได้ซื้อที่ดินที่ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทราไว้ประมาณ 35 ไร่ เมื่อปี 2528 เพื่อปลูกมะม่วงพันธุ์เขียวเสวย และฟ้าลั่น ผสมผสานกับมะม่วงสายพันธุ์น้ำดอกไม้ และพันธุ์ทวายเดือน 9 ไว้บ้างนิดหน่อย เนื่องจากเมื่อก่อนทั้งผลผลิตของมะม่วงพันธุ์เขียวเสวยกับฟ้าลั่นเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด
โดยที่พ่อค้าจะส่งผลผลิตไปขายยังต่างประเทศ จากนั้นคุณสุวิทย์ได้ขยายพื้นที่ปลูกมะม่วงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ที่มีพื้นที่สวนมะม่วงมากกว่า 250 ไร่ มีมะม่วงมากถึง 20 กว่าสายพันธุ์ “ผมปลูกไว้หลายๆ สายพันธุ์ ไปที่ไหนเห็นของใครเค้าดีก็เอามาปลูกที่สวน ปลูกเพื่อเรียนรู้ว่าของเค้าเป็นยังไง เอาไว้ศึกษา เผื่อใครไม่เคยเห็นก็มาดูที่สวนเราได้ และเผื่อไว้ว่าอนาคตพันธุ์เหล่านี้มีช่องทางการตลาด เราก็สามารถขยายได้เลย” คุณสุวิทย์กล่าวถึงข้อดีของการอนุรักษ์พันธุ์มะม่วงเอาไว้
![4.มะม่วงน้ำดอกไม้คุณภาพเกรด-A-ส่งออก](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/05/4.มะม่วงน้ำดอกไม้คุณภาพเกรด-A-ส่งออก.jpg)
![ต้นมะม่วงสายพันธุ์มหาชนกให้ผลผลิตเต็มที่](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/05/ต้นมะม่วงสายพันธุ์มหาชนกให้ผลผลิตเต็มที่.jpg)
![ต้นมะม่วงที่ให้ผลผลิตและออกดอกพร้อมกัน](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/05/ต้นมะม่วงที่ให้ผลผลิตและออกดอกพร้อมกัน.jpg)
สายพันธุ์มะม่วง
ถึงแม้ว่าสวนมะม่วงเพชรสำโรงแห่งนี้จะมีมะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ แต่มีสายพันธุ์ที่ปลูกเชิงการค้าได้เพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้น อีกทั้ง สายพันธุ์มะม่วง ที่มีการปลูกในเชิงการค้ายังมีจุดเด่น และความต้องการของตลาดที่แตกต่างกันด้วย
คุณสุวิทย์ยอมรับว่ามะม่วงสายพันธุ์แรกที่มีการปลูกในเชิงการค้าเพื่อการส่งออกมากที่สุดในวันนี้ก็คือ
สายพันธุ์ที่ 1 คือ “มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง”
สายพันธุ์ที่ 1 คือ “มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง” เป็นสายพันธุ์ที่ผลผลิตติดตลาดเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากมีรสชาติหวาน หอม สีสันสวยงาม เป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะประเทศจีน ไต้หวัน และเวียดนาม อีกทั้งมะม่วงสายพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองเกิดขึ้นจากการกลายพันธุ์จากต้นแม่ คือ น้ำดอกไม้พระประแดง ที่ยังคงลักษณะที่ดีของต้นแม่เอาไว้ได้ และยังมีผิวที่สวย สะดุดตา มีสีเหลืองอ่อนคล้ายมะม่วงสุก แม้ว่าจะยังอยู่บนต้นก็ตาม และสีผิวจะเข้มขึ้นเมื่อผลผลิตเริ่มแก่จัด เมื่อเก็บผลผลิตตอนแก่จัดมาบ่มจะทำให้ผลผลิตมีรสชาติหวาน หอม มากขึ้น
สายพันธุ์ที่ 2 คือ “มะม่วงฟ้าลั่น”
สายพันธุ์ที่ 2 คือ “มะม่วงฟ้าลั่น” ลักษณะของผลจะกลม ท้ายแหลม ลูกมีขนาดกลาง นิยมรับประทานเมื่อผลผลิตเริ่มแก่จัด โดยจะมีรสชาติหวาน แต่หากยังดิบจะมีรสชาติเปรี้ยว เนื้อแน่น ละเอียด เป็นมะม่วงส่งออกอีกชนิดที่นิยม โดยเฉพาะประเทศจีน
สายพันธุ์ที่ 3 คือ “มะม่วงมันขายตึก” หรือ “มะม่วงแขกขายตึก”
สายพันธุ์ที่ 3 คือ “มะม่วงมันขายตึก” หรือ “มะม่วงแขกขายตึก” เป็นมะม่วงสายพันธุ์โบราณของจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดอยู่ในกลุ่มมะม่วงมัน หรือมะม่วงกินดิบ อีกชนิดหนึ่ง ที่มาของชื่อเกิดจากรสชาติที่อร่อย จึงเปรียบเปรยว่า “ให้ขายตึก ขายบ้าน มาทานก็ยอมเลยทีเดียว” ลักษณะของผลจะมีรูปกลมรีคล้ายผลมะม่วงมัน หรือมะม่วงแรด แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักประมาณ 2 ผลต่อ 1 กิโลกรัม เนื้อเยอะ ไม่มีเสี้ยน เมล็ดลีบ ผลดิบจะมีสีเขียว รสชาติหวานมันปนเปรี้ยวนิดๆ ฉ่ำน้ำ กรอบเหมือนมะม่วงมัน หรือมะม่วงแรด โดยเฉพาะผลแก่จัดจะให้รสชาติอร่อยมาก นิยมปลูกเพื่อเก็บผลดิบกินมาช้านาน ผู้บริโภคนิยมปอกเปลือกแล้วเฉาะจิ้มเกลือ หรือกินกับน้ำปลาหวานจะเด็ดมาก เมื่อผลสุกจะมีสีเหลือง เนื้อในสีเหลืองปนส้ม รสหวานเย็น มีกลิ่นหอม เมื่อสุกเต็มที่ไม่เละ เคี้ยวหนึบ อร่อยฉ่ำใจดี ที่ได้เปรียบกว่ามะม่วงมันพันธุ์อื่น คือ จัดเป็นมะม่วงติดผลดก จึงนิยมปลูกกันแพร่หลายมาแต่โบราณ สายพันธุ์นี้นิยมปลูกเพื่อจำหน่ายในประเทศซะส่วนใหญ่
สายพันธุ์ที่ 4 คือ “มะม่วงเขียวเสวย”
สายพันธุ์ที่ 4 คือ “มะม่วงเขียวเสวย” เป็นมะม่วงยอดนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ นิยมรับประทานผลดิบหรือผลแก่เป็นหลัก เนื่องจากผลในระยะนี้จะมีสีขาวขุ่น หรือขาวขุ่นอมครีม เนื้อแน่น มีความกรอบ และมีรสหวานมัน จนได้รับขนานนามว่า “ราชินีของมะม่วงไทย” มะม่วงเขียวเสวยเป็นมะม่วงท้องถิ่นที่มีต้นกำเนิดในประเทศไทย เป็นมะม่วงกลายพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเมล็ด เป็นพันธุ์ใหม่ที่เพาะได้โดยบังเอิญเมื่อประมาณปี 2475 ของชาวสวนแห่งหนึ่งในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จากนั้นมีการเพาะเมล็ดเพื่อขยายพันธุ์ปลูกในแถบนี้มากขึ้น ปัจจุบันมะม่วงเขียวเสวยพบว่ามีการปลูกในทุกภาคของไทย โดยเฉพาะการปลูกเพื่อรับประทานเองเพียงไม่กี่ต้นตามหน้าบ้าน หลังบ้าน และหัวไร่ปลายนา ส่วนการปลูกในแปลงใหญ่เพื่อการค้าพบปลูกมากในภาคกลาง และภาคเหนือ
สายพันธุ์ที่ 5 คือ “มะม่วงมหาชนก”
สายพันธุ์ที่ 5 คือ “มะม่วงมหาชนก” ประเทศไทยถือว่าเป็นต้นกำเนิดของมะม่วงมหาชนก ซึ่งเป็นมะม่วงพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการผสมกัน ระหว่างมะม่วงพันธุ์ซันเซท และพันธุ์หนังกลางวัน มีผิวสวย รูปทรงดี ทนทานต่อการขนส่ง วางจำหน่ายได้นาน รสชาติดี มะม่วงมหาชนกมีความแตกต่างจากมะม่วงที่ปลูกกันในปัจจุบัน เมื่อผลสุกจะมีรสหวานอมเปรี้ยว และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รวมทั้งมีสีที่สวยงาม
ชื่อพันธุ์ที่ใช้ว่า “มหาชนก” มีความหมายว่า “ต้นตระกูลอันยิ่งใหญ่” ดังนั้นจึงมีการขยายการปลูกเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย ผลของมะม่วงมหาชนกเป็นผลเดี่ยว รูปทรงขอบขนาน-ยาว คล้ายมะม่วงพันธุ์หนังกลางวัน เมื่อผลแก่มีจุดประที่ผิวปานกลาง ผลดิบ มีผิวเนียนเรียบ สีเขียวอ่อน เนื้อผลดิบสีขาว เนื้อละเอียด มีเส้นใยน้อย รสชาติเปรี้ยวมาก และมีกลิ่นยาง เมื่อผลสุกมีสีเหลืองอมส้ม เนื้อละเอียด มีเสี้ยนน้อย และแน่น รสชาติหวานอมเปรี้ยว
การผลิตเพื่อการส่งออกมะม่วงมหาชนกถือว่ามีความสำคัญ ต้องควบคุมคุณภาพ เริ่มตั้งแต่สวนจนถึงผู้ส่งออก จนกระทั่งถึงมือผู้บริโภค เนื่องจากโอกาสทางการตลาดต่างประเทศเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น อย่างไรก็ตามจากการสำรวจพบว่าการส่งออกมะม่วงมหาชนกมีปริมาณมากขึ้น หมายถึง มีความต้องการสูงขึ้นจากต่างประเทศ
แต่เมื่อเปรียบเทียบผลผลิตมะม่วงมหาชนกในประเทศยังน้อย สาเหตุเนื่องจากชาวเกษตรกรยังไม่ค่อยมั่นใจสถานการณ์ตลาด อย่างไรก็ตามเกษตรกรหลายรายเริ่มสนใจหันมาลงทุนสวนมะม่วงมหาชนกมากขึ้น ผู้ส่งออกก็เริ่มมองหาโอกาสขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นเช่นกัน สิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องการ คือ มะม่วงมหาชนกที่มีคุณภาพ
สายพันธุ์ที่ 6 คือ “มะม่วงทวายเดือน 9”
สายพันธุ์ที่ 6 คือ “มะม่วงทวายเดือน 9” สามารถออกผลเก็บกินได้ตลอดทั้งปี รสชาติดี ผลใหญ่กว่าน้ำดอกไม้ สามารถออกผลให้กินได้ตลอดทั้งปี มะม่วงทวายเดือน 9 คำว่าทวาย ก็คือ การที่เราจะเก็บผลกินได้ตลอดทั้งปี ลักษณะของมะม่วงมันเดือน 9 นั้น จะลูกใหญ่กว่ามะม่วงน้ำดอกไม้ หากกินดิบจะมีรสชาติเปรี้ยว แต่ถ้าอยากกินในช่วงที่รสชาติหวาน มัน ต้องรอให้แก่ลงซักนิด ก็จะกลายเป็นมะม่วงมัน นิยมรับประทานในประเทศเป็นหลัก ส่งออกมีบ้าง แต่ตลาดยังไม่เปิดกว้างเท่าไร มีเพียงบางประเทศเท่านั้น
สายพันธุ์สุดท้ายคือ “R2E2”
สายพันธุ์สุดท้ายคือ “R2E2” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่กำลังมาแรง เป็นมะม่วงของประเทศออสเตรเลียที่ปลูก และให้ผลผลิตได้ในประเทศไทย แต่เป็นสายพันธุ์ที่บังคับให้ออกนอกฤดูได้ยากกว่าพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง แม้จะมีการใช้สารแพคโคลบิวทราโซลราดเพื่อบังคับก็ตาม
แต่สายพันธุ์นี้มีจุดเด่นตรงที่ถ้าออกดอกแล้วช่อดอกจะใหญ่ ดอกจะค่อนข้างสมบูรณ์เพศ ทำให้มีการติดผลได้ง่ายมาก หรืออาจจะกล่าวง่ายๆ ว่าถ้าออกดอกแล้วโอกาสติดผลมีสูงมาก คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักมะม่วงสายพันธุ์นี้ ทั้งที่จัดเป็นมะม่วงที่มีเนื้อละเอียด และรสชาติอร่อย ไม่มีกลิ่นขี้ไต้ และสามารถปลูกให้ผลผลิตดีในประเทศไทย
![5.ผลผลิตมะม่วงอาร์ทูอีทูลูกใหญ่สีสวย](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/05/5.ผลผลิตมะม่วงอาร์ทูอีทูลูกใหญ่สีสวย.jpg)
![1.มะม่วงสายพันธุ์อาร์ทูอีทู](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/05/1.มะม่วงสายพันธุ์อาร์ทูอีทู.jpg)
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายมะม่วงอาร์ทูอีทู
ด้านการตลาดมะม่วงอาร์ทูอีทู เป็นมะม่วงที่ตลาดมีความต้องการค่อนข้างสูง โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ โดยปกติแล้วมะม่วงอาร์ทูอีทูจะมีราคาสูงกว่ามะม่วงสายพันธุ์อื่น เนื่องจากมีสีสันที่สวยสะดุดตา มีอายุหลังการเก็บเกี่ยวที่ยาวนาน เนื่องจากมีเปลือกหนา ทำให้คุณภาพโดยรวมของมะม่วงสายพันธุ์นี้เหมาะสำหรับการส่งออก
โดยผลผลิตของมะม่วงอาร์ทูอีทูวันนี้ได้มีการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย และออสเตรเลีย แต่มีตลาดส่งออกหลักอยู่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และมาเลเซีย
ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตเกรดเอ ที่มีขนาดผลใหญ่ มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 800 กรัม/ผล มีราคาขายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 100 บาท จึงนับว่ามะม่วงออสเตรเลียพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่น่าจับตามอง ที่เกษตรกรไทยเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นด้วย
ที่สำคัญโรคและแมลงศัตรูพืชเข้าทำลายได้ยากกว่าสายพันธุ์อื่น ไม่ต้องห่อผลผลิต แม้ในช่วงแตกใบอ่อนจะพบการทำลายของเพลี้ยไฟ และด้วงงวงกรีดใบ และในระยะออกดอก ติดผล จะต้องระวังการระบาดทำลายของเพลี้ยไฟ และระยะผลแก่ระวังเรื่องแมลงวันทอง แต่ก็ยังดูแลรักษาง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นมาก ต่างกับ “มะม่วงน้ำดอกไม้” ที่จะอ่อนแอต่อเชื้อแบคทีเรียจุดดำ ตลอดจนแมลงศัตรูพืช ที่จำเป็นต้องห่อผลผลิตเพื่อป้องกันผลผลิตเสียหาย
![6.ต้นมะม่วงสายพันธุ์อาร์ทูอีทู](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/05/6.ต้นมะม่วงสายพันธุ์อาร์ทูอีทู.jpg)
แนวโน้มในอนาคต
คุณสุวิทย์ยืนยันว่า “มะม่วงสายพันธุ์อาร์ทูอีทู” เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังมาแรง ราคาดี โดยเฉพาะช่วงที่ทางประเทศออสเตรเลียหมดฤดู ของเราก็ออกพอดี ราคาจึงสูงแทบตลอดทั้งปี และกำลังขาดตลาดเนื่องจากผลผลิตยังมีน้อย “ผมว่ามะม่วงสายพันธุ์นี้จะมาแทนน้ำดอกไม้ ถึงแม้ว่าน้ำดอกไม้จะติดตลาดแล้ว แต่พื้นที่การปลูกมันมีทั่วประเทศ มีโอกาสที่จะล้นตลาด และราคาตกต่ำ แต่อาร์ทูอีทูพื้นที่ปลูกตอนนี้ยังน้อย ผลผลิตจึงไม่พอที่จะป้อนตลาด ราคามันเลยสูง ยังไงมะม่วงสายพันธุ์นี้อนาคตไกลแน่นอน” คุณสุวิทย์กล่าวทิ้งท้าย
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมด้าน สายพันธุ์มะม่วง คุณสุวิทย์ คุณาวุฒิ เจ้าของสวนเพชรสำโรง 54 หมู่ 9 ตำบลหัวสำโรง อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา โทร.089-834-3299, 038-589-321