วงการอุตสาหกรรมโคเนื้อของไทย กำลังจะขึ้นสู่ศักราช 2568 อีกไตรมาสเดียวเท่านั้น
หลายคนบ่นว่า หาเงินยากจึงเลิกการเลี้ยงโคเนื้อ แต่อีกหลายคนต้องทน ด้วยความหวังว่าปีหน้าต้องดีกว่าปีนี้
แผ่นดินไทย แผ่นดินทอง มีทรัพยากรมากมาย หลายประเทศที่เป็นเกาะแต่ร่ำรวยกว่าไทยหลายเท่า นั่นเพราะ สุวรรณภูมิ ขวานทองไม่ขาดทรัพยากร แต่ระยะหลังคนส่วนใหญ่ของประเทศยากจนขาสั่นแบกหนี้จนหนัก
สาเหตุเพราะ “ผู้นำ” ไร้อุดมการณ์สร้างชาติคอรัปชั่นทำเพื่อพวกพ้องเป็นหลักโดยเฉพาะ อาชีพเกษตรกรรม มีแต่กรรมเพราะเกษตรกรขาดการกระตือรือร้นในการเรียนรู้เพื่อพลิกตัวเองเป็น “นักธุรกิจเกษตร” นั่นเอง
เข้าทางเท้าเจ้าสัว และนักธุรกิจการเมืองที่ต้องการให้เกษตรกรเป็น “ลูกไก่” ในเล้ารออาหารที่ป้อนให้
วากิวโคราชเป็นเนื้อพรีเมียม มีผลงานการันตี
แต่ การเลี้ยงโคเนื้อ แตกต่างจากเกษตรกรสาขาอื่นเพราะคนเลี้ยงหรือ เจ้าของฟาร์มหลายแห่งหัวก้าวหน้ามีเลือดนักธุรกิจคิดก่อนลงมือเลี้ยงส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้จริง ๆหลายฟาร์มมาจากการเลี้ยงโคพื้นเมือง แล้วค่อยๆ ปรับปรุงสายพันธุ์ด้วยการนำ น้ำเชื้อ พ่อดังๆมาผสมจนได้ ลูกผสม ที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจโคบาลเหล่านี้ใจเย็นเพราะนิสัยชอบทำสิ่งใหม่ๆ แม้ได้เงินช้า แต่ผลลัพธ์ออกมาน่าพอใจและภูมิใจในผลงานของตน ร่องรอยแห่งการพัฒนาพันธุกรรมโคเนื้อพื้นเมืองเป็น โคเนื้อเกรดสูง ของโคบาลหลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสานย่อมประจักษ์พยานให้เห็นจนกระตุ้นให้ มหาวิทยาลัย หลายแห่งต้องทุ่มสรรพกำลังพัฒนาโคเนื้อจนมีชื่อเสียงระดับชาติเช่นโคบาลชาว โคราช รวมกลุ่มกันเลี้ยงโคเนื้อวากิว เลือดญี่ปุ่นในนาม กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคเนื้อวากิวโคราชโดยมี คุณประสาท บุญญานันท์ เป็นประธานจนมีผลงานส่งเข้าโรงเชือดโด่งดังระดับชาติ คุณภาพเนื้อทัดเทียมวากิวในออสเตรเลียเพราะการขุนทุกตัวต้องใช้ฝีมือประณีตโดยเฉพาะ อาหาร จากธัญพืช เช่นข้าวโพด รำข้าว ปลายข้าว และมันสำปะหลังที่หาง่ายในอีสาน เนื้อที่ออกมามี 12 เกรด ไขมันต้องเป็นเส้นเล็กละเอียด และเป็นสีขาวแทรกในกล้ามเนื้อ สีของเนื้อต้องเป็นสีชมพู เป็นต้นตัวอย่างระดับอินเตอร์
ก็คือคืนวันที่ 17 พ.ย. 2565 งานกาลาดินเนอร์ ผู้นำ เอเปค (ผู้นำเขตเศรษฐกิจพิเศษ) ถูกเสิร์ฟอาหารด้วยฝีมือของ เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟกระทะเหล็ก, เชฟมิชิลินสตาร์ 2 ดาว
โดยใช้ เนื้อวากิวโคราช นั่นเองปรากฏว่า รสชาตินุ่มหอม หวานนิด ๆ ติดปลายลิ้นผู้นำหลายประเทศ จึงส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้น ปี 2565 กิโล ละ 5,000 -7,000 บาท
ย้อนไปในปี 2560 คุณประสาท บุญญานันท์ เจ้าของฟาร์มโคเนื้อชื่อดัง ประธาน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคเนื้อวากิวโคราช เจ้าของร้านอาหารวากิวโคราช ให้มุมมองว่าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและนักลงทุนเข้ามา ร้านอาหารต่าง ๆ ต้องสั่งเนื้อคุณภาพสูงเข้ามาบริการ ดังนั้น จึงควรพัฒนาพันธุกรรมโคเนื้อของไทยให้ทัดเทียม เนื้อนอก ให้เป็นเนื้อพรีเมียมไขมันแทรกระดับเดียวกับเนื้อวากิว โดยใช้มาตรฐานญี่ปุ่น เป็นเกณฑ์คุณสมบัติ 12 เกรด เช่น ไขมันต้องเป็นเส้นสีขาวสีของเนื้อเป็นสีชมพูแทรก
ในกล้ามเนื้อสูง ทำให้รสสัมผัสนุ่มละมุน ไม่แข็งกระด้าง เหมือนเนื้อโคทั่วไป
จุดเริ่มต้นสายพันธุ์ และการพัฒนาโครงสร้างของสายพันธุ์
จุดเริ่มต้นในการเลี้ยงเริ่มจากผสมกับ วัวแม่พันธุ์กำแพงแสน ในไทยแล้วพัฒนาให้มีโครงสร้างใหญ่มีเนื้อเยอะ และน้ำนมเพียงพอแก่การเลี้ยงลูก โดยใช้เทคนิคในการเลี้ยง 3 ช่วง อายุ ได้แก่ ช่วงต้นน้ำคืออายุ 10 เดือนแรก ช่วงกลางน้ำคือ 11-20 เดือน และช่วงปลายน้ำ 21-35 เดือน ขุนจนได้ประมาณ 700 กก. จึงขายโดยการนำน้ำเชื้อวากิวเลือด 100 ไปผสมกับ แม่ชาโลเลส์ หรือแม่แองกัส ที่มีโครงสร้างใหญ่ลูกออกมาขุนแล้วอัตราแลกเนื้อเยอะขายได้ราคาดีกว่าพันธุ์พื้นเมือง ในเรื่อง “อาหาร” ช่วงต้นน้ำให้โปรตีน 16% เพื่อเร่งกล้ามเนื้อ กลางน้ำให้โปรตีน 14% ส่วนปลายน้ำให้โปรตีน 12% ช่วงปลายน้ำเป็นช่วงสำคัญต้องให้อาหารเสริมประเภท “ พลังงาน” เช่น รำข้าว กากเบียร์ ข้าวโพดบด และมันสำปะหลังหมัก เพื่อให้เกิดไขมันแทรก ส่วนอาหารแม่พันธุ์ ใช้ หญ้าเนเปียร์ ซึ่งเป็นหญ้าสด เป็นหลัก เพื่อให้มีประชากรวากิวโคราชมากขึ้นจึงส่งให้ผู้เลี้ยงรวมตัวเป็นกลุ่มต่าง ๆ 23 กลุ่ม 150 คน บางคนเลี้ยงมากถึง 30 ตัว เพื่อต้องการทำตลาดเป็นเครือข่ายวากิวโคราชเคลื่อนไหวตลอดเวลามีกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง 30 เมษายน 2566
ณ อาคารปฏิบัติการชำแหละและตัดแต่งเนื้อโคมาตรฐาน GMP และ ฮาลาลเพื่อการส่งออก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ( มทส.) มีการจัดงาน “ สร้างเศรษฐกิจฐานรากสร้างชาติมั่นคง” ภายใต้การสนับสนุนของ กทบ. (กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ) ครั้งที่ 5 มีสมาชิกจากโคราช บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ มีกิจกรรมอัพสกิล เรื่อง “ โคล้านครอบครัว” ให้ความรู้โดย รศ.ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อวากิวสัญชาติไทย เป็นวิทยากร และ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีสำนักนายก มาร่วม
งานพร้อมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องซึ่ง นายอนุชา ได้ยกย่อง วากิวโคราช ว่าเป็นโคเนื้อที่จะดึงลูกหลานอีสานกลับมาตุภูมิ โดยเฉพาะโรงชำแหละและตัดแต่งของ มหาวิทยาลัยสุรนารี แห่งแรกของไทย จะทำให้ ผู้บริโภคศรัทธา โดยเฉพาะจากต่างประเทศมีโอกาสส่งออกเนื้อโคได้มากขึ้นเพราะหลังโควิด 19 เนื้อในตลาดโลกลดลง จึงเป็นโอกาสทองของไทย ในการส่งออกเพราะมีการคาดการณ์ว่าตลาดโลกปี 2566 ต้องการเนื้อโค 56.846 ล้านตัน อเมริกามีการบริโภคมากที่สุดถึง 12.185 ล้านตัน จีน 10.330 ล้านตัน และบราซิล 7.547 ล้านตัน ตามลำดับ การที่กองทุนหมู่บ้านสนับสนุนโคล้านครอบครัวทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการทำเกษตร ปศุสัตว์ ทำให้ลืมตาอ้าปากได้ และนอกจากนี้ทาง ธกส.ได้สนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กู้ครอบครัวละไม่เกิน 5 หมื่นบาทคาดว่า 3 ปี จะคืนทุนปีที่ 4 จะเห็นกำไร
สำหรับอาจารย์รังสรรค์หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิดสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มทส. เจ้าของผลงานการวิจัยและปรับปรุงสายพันธุ์การผลิตโคราชวากิวว่า เป็นโค
ลูกผสมโดยใช้พ่อแท้จากญี่ปุ่น ผสมกับแม่โคไทยได้ลูกครึ่งมาขุนตามกระบวนการผลิตวัววากิวของ
ญี่ปุ่นทุกขั้นตอนเพื่อให้มีไขมันแทรกในเนื้อสูงขึ้น ยืนยันว่า โคราชวากิว คุณภาพเนื้อเทียบเท่าวากิว
ออสเตรเลีย สู้กับเนื้อวากิวของญี่ปุ่นได้ แต่ราคาต่ำกว่า มีการถ่ายทอดองค์ความรู้จากศูนย์ไปให้เกษตรกรหลายจังหวัดไปเลี้ยง เช่นที่สุรินทร์ได้ สุรินทร์วากิว หนองคายวากิว ขอนแก่นวากิว และ ระยองวากิว
เป็นต้น และกำลังขยายไปทั่วภูมิภาคของประเทศ และกำลังต่อยอดเพื่อให้เป็น อีสานวากิว เพื่อส่งออกสู่ตลาดโลก
ปี 2567 คุณประสาท บุญญานันท์ หรือ คุณไก่ ได้ให้สัมภาษณ์ นิตยสารสัตว์บก เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 67 ว่าผู้บริโภคเนื้อวากิวโคราช เติบโตมากขึ้นจนตนผลิตไม่ทันเปิดร้านสเต็ก เกือบ 9 ปี ขึ้นราคาไม่มาก เพราะต้องการให้ชาวบ้านสัมผัสรสชาติสเต็กได้ มีหลายราคาตั้งแต่ 700-1,500 บาท เกรด 3 เกรด 4 ราคา 500 บาท แต่จุดเด่นของเนื้อวากิว คือนุ่ม และมีกลิ่นหอม ไม่คาว ต่างกับเนื้อทั่วไปอย่างชัดเจน ดังนั้น เกษตรกรจึงเลี้ยงวากิวมากขึ้นเมื่อเทียบกับ 10 ปี ที่แล้ว เพราะเริ่มเข้าใจแล้วว่าการเลี้ยงวากิวพันธุกรรม หรือสายพันธุ์สำคัญ ถึง 60% รองลงมาคืออาหาร สุดท้ายการจัดการฟาร์มซึ่ง “ คอก” จะต้องสะอาดซึ่งเกษตรกรเลี้ยงถูกต้องถึงขนาดเอาเนื้อมาโชว์กันว่าเกรดไหน พูดง่ายๆว่า เกรด A5 ทำได้ง่ายมาก
“เป็นโชคดีของประเทศไทยที่แต่ละคนทำได้แล้วเอามาอวดกัน ผมเห็นด้วยเพราะเมื่ออวดกันแล้วก็วิ่งไปดูว่าใช้สูตรอะไร แล้วมีการแบ่งปันความรู้เป็นประโยชน์มาก เมื่อรู้ว่าใช้พ่อตัวนี้ อาหารตัวนี้ คือเป็นการพัฒนาวัวตัวละ 3,000-4,000 บาท กลายเป็นตัวละแสนเป็นเรื่องที่ดีถือว่าประเทศไทยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น” คุณไก่ ให้ความเห็น และยืนยันว่าด้านการส่งเสริมจากภาครัฐในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาดีขึ้นมาก
สำหรับฟาร์มของคุณไก่ เป็น วากิวพันธุ์แท้ ทั้งหมดเป็นวากิวที่สายเลือดทาชิมะที่ให้ไขมันแทรกสูง พ่อ 30 ตัว แม่แท้ 30 ตัว แม่ลูกผสม 20 ตัว มีพ่อพันธุ์วากิวดัง ๆ 4 ตัว ไว้รีดน้ำเชื้อขายโดสละ 200 บาท เป็นราคาที่ให้ลูกค้า ช่วงนี้จะลดพิเศษเพื่อส่งเสริมเกษตรกรให้เลี้ยงวัววากิวให้เพิ่มมากขึ้น
การให้อาหาร และการขุน
เรื่อง “อาหาร” มีความสำคัญ คุณไก่เน้นธัญพืช เช่น รำข้าว ข้าวโพดป่น มันสำปะหลัง รำข้าวสาลี โดยมาใช้ทันทีไม่ต้องสต๊อกโควากิวกินธัญพืชทำให้เนื้อหอมส่วนอาหารข้น “ผมเน้นธัญพืชทั้งนั้นเพราะธัญพืชมีส่วนทำให้เนื้อหอม เป็นธัญพืชของไทยเราเองที่ปลูกส่วนใหญ่ในภาคอีสาน”
คุณไก่ เปิดเผยโดยเฉพาะ ข้าวโพด ญี่ปุ่นมาชมฟาร์มก็ยืนยันว่าการเลี้ยงวากิวในญี่ปุ่นใช้ข้าวโพดเป็นอาหารหลักซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดจัดซื้อโดย กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคเนื้อวากิวโคราช ที่ตนเองเป็นที่ปรึกษารวมกันสั่งครั้งละมาก ๆ จาก “ร้านวสันต์การเกษตร” ซึ่งร้านนี้ ก็มีโควากิว ชื่อดังด้วย
สำหรับฟาร์ม วากิวโคราช ของคุณไก่ขยายพันธุ์ด้วยการผสมเทียมโดยมีสัตวแพทย์ประจำฟาร์มโอกาสผสมติดดีมากเพราะเลี้ยงดีอาหารดีและบริหารจัดการดีนั่นเอง เมื่อลูกวัวคลอดแล้วนมจำเป็นพออายุ 15-20 วันเสริมด้วยอาหารข้นพอมันสมบูรณ์ก็หย่านม
ส่วน “โคขุน” ป้อนโรงเชือดของ มทส. กำลังการผลิตสูงสุด 100 ตัว/วัน แต่จริง ๆ ได้เพียงวันละ 35 ตัว มีห้องสำรองไว้อีก 35 ตัว เชือดแล้วเข้าห้องเย็นบ่ม 15-30 วัน เป็นโรงเชือด GMP และ อย. รับรองคนเชือดเป็นมุสลิม แต่ยังไม่มีใบรับรองฮาลาล
เนื่องจากเกษตรกรในญี่ปุ่นที่เลี้ยงโควากิวน้อยลง ตรงกันข้ามกับไทยมีคนเลี้ยงมากขึ้น ดังนั้นวันนี้จะมีโรงเชือดมาตรฐานที่ สปป.ลาว ลงทุนโดยคนจีน ที่ขอนแก่นและที่สุรินทร์ทั้งหมดโดยคนจีนซึ่งเรื่องนี้คุณไก่เห็นว่า คนไทยควรตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อรวบรวมโคไปขายต่างประเทศอย่าคิดที่จะขายกับทางประเทศจีนแต่ฝ่ายเดียว เพื่อมิให้จีนมีอิทธิพลนั่นเอง
โควากิว วันนี้เป็นพรีเมียมมีการพัฒนาตามหลักพันธุศาสตร์ ควรที่รัฐต้องเร่งให้การสนับสนุนในทุกรูปแบบโดยเฉพาะเรื่องการตลาด การกระจายสู่ประเทศอาเซียน เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้จะรสนิยมกระเป๋าหนักพร้อมจ่าย แม้ว่าราคาจะแพงก็ยอมจ่าย เพราะจะแลกด้วยความอร่อย ถูกปาก ถูกใจ และประทับใจ พร้อมจะบอกต่อๆ กันไปอีกด้วย หากประเทศไทยมีวัวที่มีมูลค่าสูงในประเทศ สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศ สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้อีกด้วย
สนใจเยี่ยมชมฟาร์ม และปรึกษาวิธีการเลี้ยงวัววากิว หรือลิ้มรสชาติ วากิวโคราช ระดับพรีเมียม
ติดต่อที่ Tel. 06-2242-4417 หรือ 08-4246-9523
ร้านวากิวโคราช เลขที่ 66 หมู่ 11 ตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน นครราชสีมา
ตรงกันข้ามวิหารหลวงปู่โต อำเภอสีคิ้ว ติดกับปั๊มน้ำมันบางจาก
*****หากท่านแจ้งว่าได้แนะนำจาก นิตยสารสัตว์บก จะได้ลดค่าอาหารเป็นพิเศษ*****
ขอขอบคุณ ภาพประกอบ และ ข้อมูลจาก คุณประสาท บุญญานันท์
อ้างอิง : นิตยสารสัตว์บก ฉบับ 378 (ต.ค 67)