ในอดีตหน้าวัวตัดดอกจะถูกนำมาจัดเป็นพวงหรีดในงานศพเท่านั้น ต่างจากปัจจุบัน หน้าวัวตัดดอก ถูกนำมาใช้ประโยชน์หลากหลาย เช่น งานแต่งงาน งานบวช งานสัมมนา และงานตกแต่งดอกไม้อื่นๆ อีกมากมาย เนื่องจากเป็นไม้ดอกที่มีความหลากหลาย สีสัน และมีอายุการใช้งานคงทน จึงเป็นไม้ดอกที่มีความต้องการใช้งานมากขึ้น
ขณะที่การผลิตในประเทศถือว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะมีเกษตรกรผลิตน้อย อาจจะเพราะเป็นไม้ตัดดอกที่ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ทั้งโรงเรือน และสายพันธุ์ เป็นต้น
![1.พันธุ์พิสตาเช่-ให้ดอกง่าย](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2017/12/1.พันธุ์พิสตาเช่-ให้ดอกง่าย.jpg)
การปลูกเลี้ยงหน้าวัวตัดดอก
แต่ปัจจุบันเกษตรกรจำนวนหนึ่งหันมาปลูกหน้าวัวตัดดอกเพื่อนำมาจำหน่ายเป็นอาชีพหลัก หรืออาชีพเสริม แทนการปลูกไม้ดอกไม้ประดับอื่นๆ เพราะมองเห็นโอกาสและช่องทางการตลาด แต่ส่วนใหญ่จะทำเป็นแปลงเล็กๆ
ลุงจรูญ นิ่มเกิดผล เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่หันมาลงทุนสวนหน้าวัวแปลงเล็กๆ เป็นอาชีพเสริม จากอาชีพหลัก คือ ทำนาข้าว และเลี้ยงปลาคราฟ
ลุงจรูญเล่าว่า มีความชอบดอกหน้าวัวอยู่ก่อนแล้ว เพราะดอกมีลักษณะแปลกๆ ขณะที่ตลาดมีความต้องการสูง แต่ไม่ค่อยมีใครนิยมปลูก หน้าวัวตัดดอก มากนัก จึงมีความรู้สึกสนใจ หน้าวัวตัดดอก เป็นพิเศษ
![2.ลุงจรูญ-นิ่มเกิดผล-เกษตรกรปลูกหน้าวัวตัดดอก-จ.นครปฐม-และลูกสะใภ้](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2017/12/2.ลุงจรูญ-นิ่มเกิดผล-เกษตรกรปลูกหน้าวัวตัดดอก-จ.นครปฐม-และลูกสะใภ้.jpg)
คุณจรูญ นิ่มเกิดผล เกษตรกรปลูก หน้าวัวตัดดอก จ.นครปฐม
“เริ่มจากการไปดูงานเกษตร งานดอกไม้ เห็นดอกหน้าวัวแล้วลักษณะแปลกๆ จำนวนมากคิดอยากจะได้ ลุงจึงซื้อหน้าวัวตัดดอกมาดูเล่นก่อน มีดอก 3-4 ดอก แต่มันก็ค่อยๆ แห้งตายไป”
นับจากนั้นลุงจรูญจึงเริ่มศึกษาหน้าวัวตัดดอกอย่างจริงจัง หวังจะปลูกเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้
แต่ด้วยความเป็นมือใหม่จึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก
“ช่วงแรกๆ อาจจะมีปัญหาบ้าง ลงทุนปลูกพื้นที่เล็กๆ โรงเรือนก็ทำอย่างง่าย แต่เลี้ยงแล้วมันตายบ้าง อะไรบ้าง หลังจากนั้นลุงก็คอยอาศัยดูแล และปรับปรุงมาเองตลอด ที่มันยากเพราะหน้าวัวแต่ละสี แต่ละสายพันธุ์ มีการดูแลที่แตกต่างกันออกไป”
![3.พันธุ์โซเน็ต](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2017/12/3.พันธุ์โซเน็ต.jpg)
![พันธุ์แองเจิ้ล](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2017/12/พันธุ์แองเจิ้ล.jpg)
![หน้าวัวตัดดอก พันธุ์ทรอปิคอล](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/09/หน้าวัวตัดดอก-พันธุ์ทรอปิคอล.jpg)
![พันธุ์พิสตาเช่](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2017/12/พันธุ์พิสตาเช่.jpg)
สายพันธุ์หน้าวัวตัดดอก
ลุงจรูญเล่าพร้อมยกตัวอย่าง หน้าวัวพันธุ์โซเน็ต เป็นพันธุ์ที่มีขนาดของดอกเล็ก สีชมพูเข้ม ถ้าหน้าหนาวดอกจะสวยมาก แต่เป็นพันธุ์ที่ค่อนข้างเลี้ยงยาก
แต่เพราะได้รับคำแนะนำจากแม่ค้ารับซื้อดอกหน้าวัวให้ปลูกพันธุ์โซเน็ต เพราะเป็นพันธุ์ที่ตลาดต้องการมาก ถึงแม้จะปลูกยากก็ตาม
ลุงจรูญยังปลูกพันธุ์อื่นๆได้แก่ แองเจิ้ล (สีขาว) ทรอปิคอล (สีแดง) พิสตาเช่ (สีเขียว) และสุลต่าน (สองสี) เป็นต้น
![4.โรงเรือนใหม่สูงถึง-6-เมตร-](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2017/12/4.โรงเรือนใหม่สูงถึง-6-เมตร-.jpg)
โรงเรือน คือ ปัจจัยสำคัญ
เนื่องจากหน้าวัวเป็นไม้ที่ไม่ชอบแดดมาก แต่ถ้าไม่มีแดดเลยก็ไม่โตเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องมีการสร้างโรงเรือน และซาแรนพรางแสง ประมาณ 70%
ทั้งนี้โรงเรือนที่ดีต้องสามารถระบายอากาศได้ดี ไม่อับ เพราะนั่นอาจจะทำให้ภายในโรงเรือนกลายเป็นแหล่งกำเนิด และซ่องสุมของโรคและแมลงต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อการเจริญเติบโตของหน้าวัว
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของลุงจรูญ เพราะโรงเรือนที่สร้างด้วยเงินทุนกว่า 700,000 บาท มีความสูงถึง 6 เมตร ลมและอากาศจึงถ่ายเทได้สะดวก ไม่เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลง
ขณะที่แปลงปลูกหน้าวัว จะไม่ทำแปลงบนดิน เพราะไม่สามารถควบคุมเรื่องน้ำและความชื้นได้ แต่อดีตลุงจรูญจะทำเป็นแปลงยกสูงขึ้นมา แบบเปลแขวน
“มีผู้แนะนำมาทำแปลงแบบเปล จะปลูกง่าย เพราะโอกาสที่โรคและแมลงจะทำลายเป็นไปได้ยากน้อยกว่าการปลูกกับพื้นดิน แต่ต้นทุนค่อนข้างสูง”
แต่หลังจากนั้นลุงจรูญจึงได้พัฒนาแปลงปลูกเพื่อลดต้นทุน โดยก่อนทำแปลงจะขุดร่องน้ำแล้วทำแปลงบนร่องน้ำ โดยใช้ซาแรนเป็นพื้นแปลง เมื่อใต้แปลงขุดเป็นร่องน้ำเพื่อให้น้ำผ่านใต้แปลง จึงสร้างความชื้นให้แปลง และยังช่วยระบายอากาศใต้แปลงได้อย่างดี
ที่สำคัญช่วยลดต้นทุนการทำแปลงได้ เพราะไม่ต้องยกแปลงสูงนั่นเอง
“หน้าวัวตัดดอกแต่ละสายพันธุ์ที่นำมาปลูกนั้น เราต้องรู้ก่อนว่าสายพันธุ์นี้ สีนี้ เหมาะกับสภาพอากาศ แสง น้ำ รวมถึงการดูแลรักษา ควรปฏิบัติอย่างไร” ลุงจรูญบอก
![5.ใต้แปลงจะขุดเป็นร่องน้ำเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี-](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2017/12/5.ใต้แปลงจะขุดเป็นร่องน้ำเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี-.jpg)
แสง น้ำ และปุ๋ย กับการปลูกหน้าวัวตัดดอก
แสงเป็นปัจจัยสำคัญของ หน้าวัวตัดดอก หากแสงมากเกินไปจะทำให้พื้นใบมีสีเหลือง ขอบของใบจะไหม้ และแห้ง เกิดจากการเผาไหม้ของแสงแดด มักจะเป็นทั้งต้น หรือเป็นพร้อมกันเป็นกลุ่มที่ถูกแสงจัด
แต่ถ้าไม่มีแสง หรือแสงไม่เพียงพอ หน้าวัวตัดดอกก็ไม่โต มีต้นที่ขนาดเล็ก จึงต้องใช้ซาแรนพรางแสงประมาณ 70%
ส่วนการปลูกหน้าวัวจะให้น้ำเพียงวันละ 1 ครั้งโดยใช้ระบบสปริงเกลอร์ แต่ถ้าเป็นฤดูร้อน หรือช่วงที่อากาศร้อนมากๆ ลุงจรูญจะเพิ่มการให้น้ำวันละ 2 ครั้ง คือ ช่วงเช้า และช่วงบ่าย
ปุ๋ยของหน้าวัวตัดดอกที่ทางสวนลุงจรูญใช้นั้นเป็นปุ๋ยเกล็ดสูตรเสมอ 20-20-20 ใช้ฉีดพ่นทางใบอาทิตย์ละ 1 ครั้ง คุณสมบัติของปุ๋ยสูตรนี้ช่วยในการบำรุงทุกส่วนของต้นหน้าวัว เมื่อทุกส่วนสมบูรณ์ ต้นก็พร้อมที่จะออกดอกโดยธรรมชาติ แต่จะให้ผลผลิตสมบูรณ์เต็มที่เมื่ออายุ 8 เดือนขึ้นไป
![6.การป้องกันกำจัดโรคและศัตรู](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2017/12/6.การป้องกันกำจัดโรคและศัตรู.jpg)
ศัตรูของหน้าวัว คือ โรครากเน่า และนก
หน้าวัวตัดดอกเป็นพืชใบหนา โรคและแมลงจะเข้าทำลายได้ยากกว่าพืชชนิดอื่นที่มีใบบางกว่า ดังนั้นหากดูแลรักษาหน้าวัวตัดดอกให้ดี โรงเรือนต้องสะอาด สะดวกในการปฏิบัติงาน ปราศจากวัชพืช จะช่วยลดการใช้สารเคมีลงได้มาก
แต่ที่สวนลุงจรูญจะมีปัญหาเรื่องนก เพราะที่นี่มีจำนวนมาก นกเหล่านี้จะเข้าไปทำลายหน่อของหน้าวัวตัดดอก เพียงเพื่อต้องการแค่กินหนอนที่อยู่ในหน่อของหน้าวัวตัดดอกเท่านั้น ลุงจรูญจึงได้คิดหาทางแก้ไขปัญหาโดยการใช้ตาข่ายดักไว้รอบโรงเรือนเพื่อไม่ให้นกเข้ามาได้ แต่ก็ยังมีนกตัวเล็กๆ มาลอดผ่านเข้าช่องตาข่ายได้
ส่วนที่สำคัญในหน้าวัว คือ โรครากเน่า ลักษณะของการทำลาย คือ ใบล่างเหลือง ขอบใบแห้งเล็กน้อย และลุกลามขึ้นไปสู่ใบแก่ หรือใบอ่อน ใบหลุดร่วง ต้นไม่สมบูรณ์ ออกดอกน้อย บริเวณโคนต้น หรือรากเน่าผุเปื่อย เป็นสีน้ำตาล จะสังเกตเห็นเส้นใยหยาบๆ สีขาวของเชื้อราเกาะเป็นกลุ่มบนวัสดุปลูก เมื่อความชื้นสูงเส้นใยดังกล่าวจะรวมกันกลายเป็นดอกเห็ดขนาดเล็ก มีสีขาวอมเทา
สภาพที่ทำให้เกิดการระบาดของโรครากเน่า คือ สภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ภายในโรงเรือนชื้นแฉะ
![7.การเก็บเกี่ยวหน้าวัวตัดดอก](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2017/12/7.การเก็บเกี่ยวหน้าวัวตัดดอก.jpg)
การเก็บเกี่ยวหน้าวัวตัดดอก 1-2 พันดอก/สัปดาห์
ระยะเวลาในการปลูกเพื่อตัดดอกขาย จะทำได้เมื่อต้นหน้าวัวอายุ 8 เดือนขึ้นไป ซึ่งถือเป็นช่วงที่ให้ดอกค่อนข้างสมบูรณ์
เจ้าของสวนเล่าว่าดอกหน้าวัวที่พร้อมตัด ปลีต้องเปลี่ยนมาเป็นสีขาวประมาณครึ่งหนึ่งของความยาวปลี หากตัดระยะนี้จานดอกจะคลี่เต็มที่ สีเป็นมันสดใส
อีกทั้งการตัดระยะนี้ดอกเก็บได้ทนประมาณ 12 วัน ถ้าตัดในขณะที่เปลี่ยนเป็นสีขาวหมด หรือสีขาว 3/4 ของความยาวปลี จะเก็บได้นานประมาณ 23 วัน แต่จานรองดอกในระยะนี้จะคลายความสดใส
ถ้าตัดขณะที่ปลีเปลี่ยนเป็นสีขาวหมด หรือสีขาวนั้นเริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองมะนาว ซึ่งเป็นระยะที่ดอกบานเต็มที่ หรือค่อนข้างแก่ หรือนานเกินไป การตัดระยะนี้จะทำให้เก็บได้ทนนานถึง 27 วัน แต่จานรองดอกและปลีจะด้าน ขาดความสดใส และเงางาม
สำหรับลุงจรูญ ตัดหน้าวัวตัดดอกอาทิตย์ละครั้งทุกๆ วันเสาร์ ปกติจะตัดดอกได้ประมาณ 1,000-2,000 ดอก แต่ถ้าหน้าร้อนหรือสภาพอากาศร้อน จะได้ผลผลิตประมาณ 1,000 ดอก
“ถ้าเป็นหน้าฝนจะได้ผลผลิตที่ดีขึ้นมาประมาณ 3,000 ดอก” ลุงจรูญเผย
![8.จำหน่ายหน้าวัวตัดดอก](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2017/12/8.จำหน่ายหน้าวัวตัดดอก.jpg)
วิธีการเก็บรักษาหลังการตัดดอก
ลุงจรูญบอกว่าหลังจากตัดต้องนำมาคัดแยกขนาดดอก ก่อนการแพ็คดอกด้วยถุงพลาสติก โดยจะมีตั้งแต่ไซส์ SS จนถึง XXL ราคาเริ่มตั้งแต่ 2-15 บาท
“ถึงแม้จะมีดอกที่ใหญ่กว่าไซส์ XXL เราก็คิดเป็นไซส์ XXL เท่านั้น ราคาก็ 15 บาท เท่ากันเหมือนเดิม”
ปริมาณการผลิตและการจำหน่ายดอกหน้าวัวในท้องตลาด ในปัจจุบันนี้มีน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ตัดดอกบางชนิด ทั้งที่ หน้าวัวตัดดอก เป็นไม้ตัดดอกที่มีความทนทาน อายุการใช้งานนาน มีสีสันที่สดใส แต่เนื่องจากการใช้ หน้าวัวตัดดอกในอดีตส่วนใหญ่นิยมเพื่อใช้ประดับตกแต่งในงานศพ จึงไม่นิยมมาใช้ประดับในงานมงคลอื่น ๆ
แต่ปัจจุบันการใช้งานดอกหน้าวัวมีความหลากหลายขึ้น สามารถใช้ได้กับทุกงาน และมีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่การผลิตมีอย่างจำกัด เพราะมีเกษตรกรปลูกน้อย จึงเป็นไม้ดอกอีกตัวที่มีความน่าสนใจลงทุน เป็นอาชีพเสริม และอาชีพหลัก
ขอขอบคุณ
จรูญ-อนุชา นิ่มเกิดผล 23 ม.1 ต.ดอนตูม อ.บางเลน จ.นครปฐม 73130 โทรศัพท์ 08-1941-5056, 08-5018-3494