ลูกกุ้งก้ามกราม คุณภาพ…เพราะมุ่งพัฒนาสายพันธุ์ ลูกกุ้งอ๊อฟฟาร์ม

โฆษณา
AP Chemical Thailand

จากสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งในประเทศประสบปัญหา การเกิดโรคระบาด EMS เล่นงานอย่างหนักหลากหลายโมเดล ที่คิดค้นและนำปรับแก้ ใช้ในการเลี้ยงของเกษตรกรบางรายประสบผลสำเร็จ บางรายก็ได้แค่ทำตาม แต่ก็ไม่ได้ การนำเทคนิคต่างๆ มาประยุกต์ใช้นั้น ส่วนสำคัญที่ต้องเข้าใจ คือ สภาพภูมิอากาศ สภาพภูมิประเทศ การจัดการ การดูแล ลูกพันธุ์กุ้งในแต่ละแหล่งที่มา ในแต่ละพื้นที่ ที่แตกต่างกันออกไป ผลงานย่อมออกมาต่างกัน ฉะนั้น ถ้าจะเอาให้รอดมีกำไร ต้องใส่ใจ ดูแลจัดการเอง

คุณภาพ มาตรฐานที่ไว้ใจได้ ลูกกุ้งอ๊อฟฟาร์ม
คุณภาพ มาตรฐานที่ไว้ใจได้ ลูกกุ้งอ๊อฟฟาร์ม

การเลี้ยงกุ้งขาวแวนาไมร่วมกับการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ถือเป็นเทคนิคการตัดวงจรการเกิดเชื้อของเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งแวนาไมในแถบน้ำจืด ไม่มีการติดต่อกับทะเล

ข้อดีของการเลี้ยงกุ้งขาวร่วมกับกุ้งก้ามกรามจะได้ผลผลิตแบบ 2 in 1 ลงทุนครั้งเดียวได้ประโยชน์ 2 ต่อ และการใช้กุ้งก้ามกรามกินอาหารพื้นดิน ถือเป็นตัวกำจัดของเสียและซากกุ้งขาวที่ตาย เป็นการตัดเชื้อไม่ให้เกิดการสะสม แพร่กระจายเชื้อได้อย่างลงตัว

ทีมงานนิตยสารสัตว์น้ำมีโอกาสเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมลูกกุ้งอ๊อฟฟาร์ม ผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของคุณพ่อสมยศ จันทร์ทอง ที่ทำมาแล้วกว่า 10 ปี ที่ตอนนี้รุ่นลูก คุณปิยะ จันทร์ทอง เข้ามาดูแลจัดการ วางแผน การเพาะพันธุ์กุ้งก้ามกราม ประสบการณ์ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อและสืบต่อถึงรุ่นลูกกว่า 10 ปีที่ผ่านมา จะเป็นการชำลูกกุ้งก้ามกรามในบ่อดิน ให้ได้ไซส์ ที่เกษตรกรนำไปเลี้ยงต่ออีก ไม่กี่เดือนสามารถจับผลผลิตขายพร้อมๆกับกุ้งขาวในบ่อ ผลผลิตหลักๆจะกระจายต่อให้กับคนเลี้ยงกุ้งขาวร่วมกับกุ้งก้ามกรามในพื้นที่ ฉะเชิงเทรา ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี และปราจีนบุรี

เด็กหนุ่ม รุ่นใหม่ มองการณ์ไกล ถึงแดนอีสาน เพราะภาคอีสานกุ้งก้ามกรามหายาก

โดดเด่นในเรื่องของแม่พันธุ์

โฆษณา
AP Chemical Thailand

แม่พันธุ์ ต้องสมบูรณ์ แข็งแรง ตัวใหญ่ เพื่อให้ถ่ายทอดสู่รุ่นลูก คุณอ๊อฟ กล่าวว่า ตนจะใช้การลงมือคัดแม่พันธุ์เองในบ่อดิน โดยใช้บ่อลูกค้าที่มีศักยภาพในการเลี้ยง นั่นคือจะให้ลูกค้าเป็นคนเลี้ยงลูกกุ้งสายพันธุ์จาก CPF และสายพันธุ์ธรรมชาติ เลี้ยงร่วมกันอย่างละ 100 กก. ในบ่อเดียวกัน พอถึงเวลาเก็บผลผลิตจะได้แม่พันธุ์ จากรุ่นเด่นทั้ง 2 สายเกิดการผสมกันเอง เป็นสายพันธุ์ไขว้ และอีกส่วนหนึ่ง คือไปคัดแม่พันธุ์ที่แพรับซื้อกุ้งก้ามกรามจากบ่อเกษตรกร ซึ่งจะใช้แม่พันธุ์ที่มีขนาด 20-22 ตัว/กิโลกรัม มาสลัดไข่ที่ฟาร์มเพาะในบ่อปูน

ลักษณะเด่นสายพันธุ์ CPF คือ การเจริญเติบโตดี ส่วนสายพันธุ์ธรรมดาจะเด่นในเรื่องของอัตราการรอด เมื่อทั้งสองสายพันธุ์ผสมไขว้ ลูกกุ้งที่ออกมาจะสวย โตดี และอัตรารอดสูง

จากปัญหาของการขาดแคลนลูกกุ้งที่มีคุณภาพ เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณอ๊อฟต้องลงทุนเปิดฟาร์มเพาะพันธุ์ขึ้นมา เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการลงลูกกุ้ง และการตลาดในปริมาณที่เพียงพอตลอดฤดูกาล

ขนาดแม่พันธุ์ ที่ใช้เพื่อสัดไข่
ขนาดแม่พันธุ์ ที่ใช้เพื่อสัดไข่

การเพาะพันธุ์กุ้งก้ามกราม

ตอนนี้เราใช้พ่อแม่พันธุ์ที่เก็บตามบ่อ เหมือนว่าลูกกุ้งจุดไหนที่ดี เราให้ใครไปเลี้ยง เราก็จะตามเก็บกลับมา ซึ่งลูกกุ้งชุดดีๆ ส่วนมากจะติดไม่เยอะอยู่ประมาณ 5-6 ล้านตัวต่อรอบ ซึ่งจะเลี้ยงไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์ และให้ลูกค้าไปเลี้ยงด้วยส่วนหนึ่ง

โดยเฉพาะแม่พันธุ์จะต้องเป็น ตัวที่สมบูรณ์โดยดูไข่ อันดับแรก คือ ไข่ต้องเต็มท้อง ไม่สลัดไข่ทิ้งมากเกินไป ไข่สีน้ำตาล ขาว่ายน้ำไม่ให้ซูเกาะติดเยอะเกินไป (ซูคล้ายๆ ตะไคร่น้ำ) กรีจะสั้นและก้ามข้อกลางสีไม่เข้มหรืออ่อนจนเกินไป

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เพาะพันธุ์ในบ่อปูน

เมื่อคัดเลือกแม่พันธุ์ได้แล้วจะนำมาปล่อยในบ่อขนาด 1.5×4 เมตร ในน้ำความเค็ม 15 ppm. วันแรกจะยังเก็บไข่ไม่ได้ เพราะยังเป็นช่วงที่แม่พันธุ์ปรับเปลี่ยนตัวเอง พอเข้าวันที่ 2 จะทยอยเก็บไข่ได้ ซึ่งกุ้งก้ามกรามจะสลัดไข่ในช่วงกลางคืนและเช้ามืด โดยการปิดเครื่องให้อากาศแล้วใช้สวิงตักขึ้นมา จากนั้นนำไข่ที่ได้ตวงลงบ่อประมาณบ่อละ 8-9 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 7 แสนตัว/บ่อ

เน้นเรื่องอากาศ

สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ในรอบวัน จำเป็นต้องมีการควบคุมอุณหภูมิในบ่อให้เหมาะสมที่ 30OC-32OC ความต่อเนื่องในการให้อาหารต้องตรงเวลา เพราะถ้าขาดช่วงหรือไม่ต่อเนื่องจะ ส่งผลต่ออัตรารอด

ไข่ไก่อาร์ทีเมียไรน้ำจืดอาหารหลัก

อาหารลูกกุ้งวัยอ่อนทั่วไปจะใช้การเพาะอาร์ทีเมียให้กินในอัตรา 1 กระป๋อง/บ่อ และให้กินไรน้ำจืดที่ได้จากบ่อเลี้ยงปลากะพง แต่ก่อนที่จะนำไรน้ำจืดมาใช้เลี้ยงกุ้งต้องล้างทำความสะอาด และผสมวิตามิน เลี้ยงสลับกันวันละ 4 มื้อ สูตรนี้จะให้กิน 5 วัน จากนั้นไปจะลดปริมาณอาร์ทีเมียเหลือวันละ 1 มื้อ ไรน้ำจืดเพิ่มเป็น 3 มื้อ/วัน เมื่อเข้าวันที่ 11 จะให้กินไข่ไก่บดละเอียด ร่วมกับไรน้ำจืด ซึ่งการที่ลูกกุ้งกินไข่จะทำให้ลูกกุ้งคว่ำเร็วกว่าการไม่ให้กินไข่ ลูกกุ้ง 5-6 แสนตัว เฉลี่ยแล้วจะกินไข่ 1 แผง ถ้าวันที่ 11-15 กุ้งไม่กินไข่แสดงว่ากุ้งไม่ดี กุ้งไม่คว่ำ ต้องทิ้งลูกกุ้งชุดนั้นทั้งหมด ลูกกุ้ง 1 ชุด จะใช้เวลาในการเพาะประมาณ 15-20 วัน แล้วจึงทยอยขึ้นจำหน่ายให้กับเกษตรในเครือข่าย ที่มีอยู่ 10 ราย จนวนกว่า 50 บ่อ ไปอนุบาลต่อในบ่อดิน และอีกส่วนหนึ่งอนุบาลเองในฟาร์ม

โฆษณา
AP Chemical Thailand
คุณอ๊อฟ เช็คอาหาร คุณภาพลูกกุ้ง
คุณอ๊อฟ เช็คอาหาร คุณภาพลูกกุ้งคุณอ๊อฟ

อนุบาลลูกกุ้งในบ่อดิน 2 แสนตัว/ไร่

การเปิดฟาร์มเพาะพันธุ์ลูกกุ้งขึ้นมาเพื่อต้องการลูกกุ้งที่มีคุณภาพและมีความเพียงพออย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนของบ่อดิน จากแต่ก่อนรับลูกกุ้งจากฟาร์มเพาะอื่นๆ มาอนุบาล จะไม่รู้ว่าคุณภาพลูกกุ้งเป็นอย่างไร แต่เมื่อลงมือทำเองสามารถกล่าวได้ว่าลูกกุ้งอ๊อฟฟาร์มมีคุณภาพ เพราะหากลูกกุ้งออกไปถึงมือเกษตรกรไม่มีคุณภาพ ก็คงซื้อ-ขายกันเพียงครั้งเดียว

บ่อดินขนาด 2-3 ไร่ ในพื้นที่กว่า 70 ไร่ จะให้ความสำคัญตั้งแต่การเตรียมบ่อ โดยจะต้องลอกเลน กำจัดของเสียออกก่อน จากนั้นจะใช้ปูนขาว 10 ลูก/บ่อ และแร่ธาตุรวม 1 ลูก/บ่อ หว่านให้ทั่วบ่อ ใช้ซีโอไลต์ตามอัตราส่วน เติมน้ำจืดเข้าไป 1.20 เมตร ปล่อยลูกกุ้งลงชำในอัตรา 2 แสนตัว/ไร่ การชำในอัตราที่หนาแน่น จำเป็นต้องมีเครื่องตีน้ำ เพิ่มออกซิเจน เพื่อให้กุ้งในบ่อได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ

          ให้อาหารสมทบ

อาหารกุ้งที่คุณอ๊อฟเลือกใช้และมั่นใจในคุณภาพ คือ อาหารสมทบ (สูตรกุ้งรวม) ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) อาหารกุ้งเบอร์ 1 จะให้วันละ 5-10 กิโลกรัม อยู่ประมาณ 5 วัน หลังจากนั้นจะเพิ่มเป็นวันละ 2 มื้อ ลูกกุ้งได้ 15 วัน ไปแล้ว จะเพิ่มเป็น 3 มื้อ ใช้ระยะเวลาการเลี้ยง 65-70 วัน

การเช็คยอ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ส่วนใหญ่จะเช็คโดยการใช้ช้อนตวงที่มากับถุงบรรจุผงซักฟอก ตวงอาหาร 1 ช้อนเท่ากับปริมาณอาหาร 1 กิโลกรัม ปรับ-ลดตามปริมาณการกินอาหาร การเช็คยอจะให้เวลาการกินอาหารแต่ละมื้อภายใน 3 ชั่วโมง ถ้าอาหารในยอไม่หมดต้องปรับอาหารลดลง อาหารจะให้เบอร์ 1 กิน 5 วัน เบอร์ 2 ให้กิน 10 วัน และเบอร์ 3 กินยาวจนจับผลผลิต

ลากอวน คัดไซส์

เมื่อครบกำหนดการอนุบาล 70 วัน แล้ว จะใช้การลากอวนเพื่อรวบรวมกุ้งก้ามกรามในบ่อขึ้นมาจำหน่าย การอนุบาลลูกกุ้งก้ามกรามการแตกไซส์เกิดขึ้นแน่นอน แต่เมื่อใช้อวนจะเป็นการคัดไซส์ให้เสมอกัน ไซส์ที่ออกจำหน่ายจะอยู่ประมาณ 350-400 ตัว/กิโลกรัม อัตรารอดประมาณ 80% และมีต้นทุน/บ่อ ประมาณไม่เกิน 2 แสนบาท

ใช้พันธุ์จากกรมประมงพัฒนาต่อยอด

การพัฒนาสายพันธุ์ในรุ่นต่อๆ ไป คือ ความตั้งใจที่ลูกกุ้งอ๊อฟฟาร์มต้องการพัฒนา จากข้อมูลจะมีโครงการนำลูกกุ้งจากกรมประมง โดดเด่นในเรื่องความใหญ่ ตัวสวย กุ้งตัวเหลืองเหมือนกุ้งทองคำ ซึ่งคุณอ๊อฟมองว่าถ้าได้สายพันธุ์จากกรมประมงมาพัฒนาไขว้สายพันธุ์อาจจะได้ลูกกุ้งที่ดี ตอบโจทย์เกษตรกรได้มากขึ้น

การันตีได้ในเรื่องของสายพันธุ์ที่ทางฟาร์มเก็บแม่กุ้งเองจากบ่อซึ่งแตกต่างจากฟาร์มอื่นๆ การเก็บแม่กุ้งเองจะดีที่สุด เมื่อเรานำมาเพาะเอง ดูแลจัดการเอง ลูกกุ้งจะออกมาดี มีคุณภาพ เกษตรกรที่ใช้มั่นใจได้เลยว่าอัตราแลกเนื้อดี การเจริญเติบโตเร็ว กุ้งออกมาสวย ใช้เวลาชำ 70 วัน เมื่อนำไปเลี้ยงต่อประมาณ 90-100 วัน ตัวผู้จะอยู่ที่ 10-15 ตัว/กิโลกรัม ส่วนตัวเมียจะอยู่ประมาณ 20-25 ตัว/กิโลกรัม โดยรวมแล้วกุ้งก้ามกรามออกมาสวย เลี้ยงง่าย ต้องลอง เพื่อเป็นการเปิดตัวลูกกุ้งอ๊อฟฟาร์ม โปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้าที่สนใจ และเพื่อขยายการตลาด เราบริการจัดส่งฟรีในพื้นที่ภาคกลางและในพื้นที่อื่นๆ ในราคาพิเศษ คุณอ๊อฟ กล่าวทิ้งท้าย

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ลูกกุ้งอ๊อฟฟาร์ม อัตรารอด 80 %

ลูกกุ้งพี พร้อมจำหน่าย
ลูกกุ้งพี พร้อมจำหน่าย

          การเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามถือว่ายังได้เปรียบกุ้งขาวแวนาไมในเรื่องความต้านทานต่อโรค แต่เสียเปรียบในเรื่องอายุการเลี้ยงที่ใช้ระยะเวลานานกว่า การชำในบ่อดิน 60-70 วัน ให้ได้ไซส์ 300-400 ตัว/กิโลกรัม แล้วย้ายไปเลี้ยงร่วมกันกับกุ้งขาว ถือเป็นทางเลือกที่คนเลี้ยงกุ้งขาวร่วมกับกุ้งก้ามกรามนิยมกันมากในขณะนี้

เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา คุณผกาทิพย์ สุขสุเมธ เป็นอีกคนที่ยึดอาชีพการชำลูกกุ้งก้ามกรามในบ่อดินจำหน่าย ในพื้นที่ 5 ไร่ จัดสรรบ่อเลี้ยง ขนาด 2 ไร่ 2 บ่อ และขนาด 1 ไร่ อีก 1 บ่อ ความได้เปรียบในเรื่องของแหล่งน้ำกร่อย เหมาะสมอย่างยิ่งในการชำลูกกุ้ง โดยไม่จำเป็นต้องสรรหาน้ำเค็มมาเติม ขั้นตอนการเตรียมบ่อที่ไม่ต้องจัดการอะไรมาก คุณผกาทิพย์ กล่าวว่า เริ่มแรกเลย จะใช้ “ปูนแคลเซียมหรือปูนโดโลไมล์ ในอัตราส่วน 4-5 ลูก/บ่อ ปรับสภาพดิน หลังการใช้งาน จากนั้นก็เติมน้ำเข้าบ่อในอัตราส่วน 1.20-1.50 เมตร เปิดเครื่องตีน้ำ 2 วัน ระหว่างนั้นจะนำลูกกุ้งมาลองน้ำ ถ้าไม่มีปัญหา สามารถปล่อยลูกกุ้งลงเลี้ยงได้เลย ในอัตรา 2 แสนตัว/ไร่ ตามเทคนิคของคุณผกาทิพย์ วันที่นำลูกกุ้งมาปล่อยวันแรกจะไม่มีการให้อาหารและจะเริ่มให้อาหาร มื้อเช้าในวันถัดไป เริ่มต้นที่อาหารกุ้งเบอร์1อัตราส่วน 2 กิโลกรัม/ลูกกุ้ง 1 แสนตัว และไล่ขนาดไปเรื่อยๆใช้ระยะการเลี้ยง 60-70 วันจะได้ลูกกุ้งขนาด 300-400 ตัว/กิโลกรัม

ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาคุณผกาทิพย์ กล่าวว่า ตนเองและคนเลี้ยงกุ้งในพื้นที่ใกล้เคียง เลือกใช้ลูกกุ้งอ๊อฟฟาร์มกันมาตลอด เพราะเชื่อมั่นในฝีมือ การคัดเลือกแม่กุ้งเองจากบ่อ ขั้นตอนการเพาะที่ได้มาตรฐาน และการบริการที่เป็นกันเอง ในเรื่องคุณภาพลูกกุ้ง ถ้าจัดการบ่อได้ดี โตดี กินอาหารเก่ง อัตรารอดจะอยู่ที่ 70-80 % ถือว่าตนพอใจ ได้ผลตอแทนกลับมาคุ้มค่ากับการลงทุน

สำหรับเกษตรกรที่กำลังมองหาลูกกุ้งคุณภาพ ฝีมือเด็กรุ่นใหม่ ไฟแรง งานนี้ต้องบอกว่า…ต้องลอง ถึงจะรู้ !!! นอกจากนี้ยังมีบริการ ขนส่งฟรีในพื้นที่ภาคกลาง ราคาตกลงกันครั้งเดียวจบ กุ้งก้ามกรามรุ่น สายพันธุ์ดี พร้อมลงบ่อ กุ้งก้ามกรามเนื้อแน่น ตัวสวย สำหรับร้านอาหาร พ่อค้าแม่ค้า ที่ต้องการรายวัน คุณอ๊อฟมีบริการจัดส่ง ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย เดือนละไม่ต่ำ กว่า 2 ตัน สนใจติดต่อคุณอ๊อฟได้ที่ 5 หมู่ 1 ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา 24140 โทร.08-1762-6984 ลูกกุ้งอ๊อฟฟาร์ม พร้อมให้บริการทั้งในพื้นที่ใกล้และไกล ด้วยคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน

คุณภาพลูกกุ้งก้ามกราม ชำในบ่อดิน ไซส์ 350-400 ตัวก.ก
คุณภาพลูกกุ้งก้ามกราม ชำในบ่อดิน ไซส์ 350-400 ตัวก.ก

 

tags: ลูกกุ้งก้ามกราม ขายลูกกุ้งก้ามกราม การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม การ เลี้ยง กุ้ง ก้ามกราม ใน บ่อ ซีเมนต์ เลี้ยงกุ้งก้ามกราม ลูกกุ้งก้ามกราม ขายลูกกุ้งก้ามกราม

โฆษณา
AP Chemical Thailand

[wpdevart_like_box profile_id=”377357182296025″ connections=”show” width=”300″ height=”220″ header=”big” cover_photo=”show” locale=”th_TH”]