รู้จัก “สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์” นวัตกรรมผลิตไฟฟ้าใช้ฟรี มีจริงในโลก!

“พลังงาน” เป็นต้นทุนของการผลิตสินค้าทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งการทำเกษตรและปศุสัตว์ ซึ่งพลังงานที่กล่าวในที่นี้ก็คือ ‘น้ำ’ และ ‘ไฟฟ้า’ คือ ปัจจัยที่คอยหล่อเลี้ยงผลผลิตให้เติบโตแข็งแรงสมบูรณ์ และเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดในเรื่อง ‘ต้นทุนที่ต้องจ่ายออกไป’ และ ‘กำไรที่คงเหลือกลับคืนมา’ ส่งผลในด้านการประกอบอาชีพและชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรโดยตรง

โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า ทรัพยากรธรรมชาติมีอยู่อย่างจำกัด พลังงานสิ้นเปลืองต่างๆ ใช้แล้วหมดไป และนับวันต้นทุนการซื้อพลังงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็ยิ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ในหลายๆ ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร/ปศุสัตว์ หรือแม้แต่ครัวเรือน ต่างก็ตระหนักและให้ความสำคัญ โดยหันมาใช้ ‘พลังงานทดแทน’ กันมากขึ้นๆ

แต่จะดีแค่ไหน? และดีกว่าไหม? หากเราทุกคนสามารถใช้พลังงานทดแทนที่ผลิตจากธรรมชาติแบบฟรีๆ ไม่เสียสตางค์สักบาท!?

อันนี้ไม่ได้โม้ เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้ว และเป็นนวัตกรรมของคนไทยเพื่อคนไทย และอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นรายแรกและหนึ่งเดียวในโลกก็ว่าได้ ภายใต้นวัตกรรมชื่อ “สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์”

นวัตกรรมผลิตไฟฟ้าใช้ฟรี 24 ชม. จดสิทธิบัตร รายแรกของโลก!

“สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์” คือ เทคโนโลยีสุดว้าว! หรืออธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ กระบวนการผลิตทำให้ได้ไฟฟ้าฟรีๆ มาใช้ และผลิตได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยปัจจุบันเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมดังกล่าวได้จดสิทธิบัตรแล้วในไทยเป็นที่เรียบร้อย ภายใต้แนวคิด โดย “คุณเกียรติภูมิ สิริพันธุ์” หัวหน้าพรรคไทยสมาร์ท ที่เป็นผู้คิดค้นริเริ่มนวัตกรรมนี้

“สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์” ปัจจุบันนำร่องโครงการตัวอย่างไปแล้วหลายภาคส่วนธุรกิจ โดยพลังงานที่ผลิตได้นำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมโรงงาน สำนักงาน หอพักนักศึกษา ตลอดจนในภาคการเกษตรและปศุสัตว์ ในพื้นที่หลายๆ จังหวัด

“คุณเกียรติภูมิ สิริพันธุ์” วิศวกรคนดัง เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องตื่นตาตื่นใจของคนไทยอย่างมาก เพราะสิ่งประดิษฐ์ “สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์” ระบบผลิตไฟฟ้า อัจฉริยะ สามารถผลิตพลังงานฟรี 24 ชั่วโมง โดยยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย และเกิดขึ้นในโลก ซึ่งได้รับการยอมรับจดสิทธิบัตรแล้วในประเทศไทย

จุดเริ่มต้น สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์

สำหรับประวัติ  “คุณเกียรติภูมิ สิริพันธุ์”  (พอสังเขป) อายุ 56 ปี  ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคไทยสมาร์ท โดยจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และในระดับอุดมศึกษา จบการศึกษาสูงสุดระดับปริญญาโท Master Of Science In Management ที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาซูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) เมื่อปี พ.ศ.2537 โดยสามารถสอบชิงทุนรัฐบาลไทย หรือ ทุน ก.พ.ได้ในปี พ.ศ.2535 และได้กลับมาทำงานใช้ทุนรัฐบาลที่ธนาคารกรุงไทยในโครงการปรับเปลี่ยนระบบงานของธนาคาร (Re Engineering)

ส่วนแนวคิดริเริ่ม “สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์” แน่นอนว่า ต่อยอดมาจากที่คุณเกียรติภูมิ สิริพันธุ์ ได้คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมและธุรกิจด้านพลังงาน โดย คุณเกียรติภูมิ เปิดใจเล่าให้ฟังว่า ตนเองได้ทุนจากรัฐบาลไปเรียน ซึ่งทุนนั้นเป็นภาษีของประชาชน ถือเป็นบุญคุณที่ต้องตอบแทนแผ่นดิน และก็ตั้งใจจะกลับมาช่วยคนไทยให้ได้ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่มีในโลกนี้  และสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ถือว่าเป็นชิ้นแรกในประเทศไทย และชิ้นแรกของโลกเช่นกัน

“แนวคิดในการใช้พลังงานฟรี คือ มันก็มีสืบเนื่องมาจากปัญหา ซึ่งราคาน้ำมัน พอเกิดสงคราม ฝรั่งสู้รบกัน น้ำมันมันแพงขึ้น ถ่านหินเราต้องนำเข้า และก็มีมลพิษด้วย เราก็มาคิดว่า ถ้าเราไม่ต้องพึ่งพาแหล่งพวกนี้ แต่เปลี่ยนมาใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ จากลม จากน้ำ ทดแทน เราสามารถที่จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือสมาร์ทเทคโนโลยี ที่ดีที่สุด มาเก็บเกี่ยวพลังงานนี้ออกมาใช้ประโยชน์ได้

ผมจึงอยากเผยแพร่และส่งต่อแนวคิดนี้ ซึ่งสามารถจะช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อทุกภาค คือ ตั้งแต่ภาคเล็กที่สุด คือ ภาคครัวเรือน ก็ไม่ต้องเสียค่าไฟแพง ภาคอุตสาหกรรม ก็ไม่ต้องจ่ายค่าไฟแพงสำหรับการผลิตสินค้า หรือแม้แต่ภาคการเกษตรและปศุสัตว์ โดยเกษตรกรก็ลดต้นทุนการผลิต สามารถที่จะได้กำไรเข้าตัวเอง และก็สามารถที่จะขายสินค้าได้ในราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งโดยรวมถ้าทุกคนจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ เพราะว่าพลังงานเป็นต้นทุนของสินค้าทุกประเภท ถ้าทุกคนได้ประโยชน์ตรงนี้ เศรษฐกิจก็เติบโต ทุกคนก็ประกอบอาชีพได้กำไรเยอะขึ้น กำลังซื้อของทุกคนก็โตขึ้น เศรษฐกิจก็เจริญขึ้น ประเทศไทยก็จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น”

ลดต้นทุน-เพิ่มกำไรให้เกษตรกร มีพลังงานหมุนเวียนใช้ไม่รู้จบ

ในส่วนหลักการทำงานของ “สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์” ซึ่ง คุณเกียรติภูมิ อธิบายอย่างเข้าใจง่ายๆ ว่า เป็นระบบหรือกลไกผลิตพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ  นำไปใช้ประโยชน์ได้ตลอด 24 ชม. (ได้ทั้งวันทั้งคืน) โดยยกตัวอย่างเช่น ในช่วงกลางวัน เราผลิตไฟฟ้าโดยใช้ระบบโซล่าเซลล์ และในส่วนกลางคืน เราจะใช้แบตเตอรี่  และการสูบน้ำขึ้นไปเก็บไว้บนแท็งก์น้ำ มาสร้างเป็นพลังงานไฟฟ้า

“หลักการทำงานของมัน สมมติเราใช้แผงโซล่าเซลล์จะใช้พลังงานลม ใช้ได้หมดที่เป็นพลังงานฟรี เพราะลมก็ได้ฟรี โซลาฯ ก็ได้ฟรี ก็ผลิตไฟฟ้าออกมา ถ้าเป็นโซล่าฯ เป็นไฟดีซี จะเป็นกระแส ไดเรค เฟอเรนท์ ถ้าเกิดใช้ไฟบ้านมันต้องมีตัวอินเวอเตอร์หรือตัวแปลงไฟ แปลงให้เป็นกระแสสลับ การใช้เปิดแอร์ เปิดพัดลม เปิดทีวี ฯลฯ

แต่ถ้าเป็นไฟดีซีตรง มันอาจจะใช้ในแง่ของปั๊มน้ำก็ได้ หรือไฟที่ใช้กระชากเยอะๆ อย่าง แบตเตอรี่ เป็นไฟตรง และก็ผลิตไฟฟ้าออกมา ส่วนหนึ่งเราก็สูบน้ำเป็นกราววอเตอร์ อีกตัวหนึ่งก็เป็นอันเดอร์ กราววอเตอร์ หรือน้ำบาดาล สูบขึ้นมา และก็อีกส่วนหนึ่งเราก็กักเก็บในแบตเตอรี่ อีกส่วนหนึ่งเราก็มาใช้อย่างที่บอกเอาไว้โหลดทีวี ตู้เย็น แอร์ ฯลฯ

โดยค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียครั้งแรก คือ ค่าติดตั้งอุปกรณ์หรือระบบแค่นั้น โดยต้นทุนในการติดตั้งเราได้ทุกขนาด ตั้งแต่ 1 กิโลวัตต์, 5 กิโลวัตต์, 10 กิโลวัตต์, 100 กิโลวัตต์, 1 เมกะวัตต์, 10 เมกะวัตต์ ฯลฯ หรือยกตัวอย่าง ต้นทุนก็อย่างเช่น โซล่าเซลล์ อยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท/1 เมกะวัตต์ ถ้าย้อนกลับไปสมัยก่อนที่ผมเรียนตอนต้น 100 กว่าล้าน 150 ล้าน 120 ล้าน แต่ตอนนี้ลดลงประมาณ 30, 40 ล้าน/เมกะวัตต์

โดยโซล่าเซลล์  สามารถผลิตไฟฟ้า 4 ชั่วโมง  ลองเทียบบัญญัติไตรยางค์ 30 ล้าน ผลิตได้ 4 ชั่วโมง 180 ล้าน/ 1 เมกะวัตต์ แต่ของผมได้ไม่ถึง 100 ล้าน เพราะฉะนั้นเราคูณจำนวนเข้าไป 24 ชั่วโมง เราได้ต้นทุนที่ลดลงกว่าเดิมประมาณครึ่งหนึ่งเลย” คุณเกียรติภูมิ ให้รายละเอียด

ประโยชน์ของ สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์

หลักการทำงานดังกล่าวนี้ สามารถนำมาใช้ภายในบ้าน  ในสำนักงาน โรงงาน หรือ หอพักก็ได้  โดยได้มีการทดสอบการทำงานในสถาบันการศึกษาต่างๆ มาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งผลลัพธ์ก็ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยมีโครงการนำร่องแห่งแรกที่ติดตั้งใช้งานที่หอพัก  ในพื้นที่ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนอีกแห่งหนึ่งที่ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร

คุณเกียรติภูมิ เผยว่า “สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์” มีประโยชน์ต่อการนำไปใช้งานในส่วนของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก หรือถ้าเป็นของเกษตรกร ฟาร์มกุ้งค่าไฟต่อเดือนหลักแสนกว่าๆ เช่น ถ้าครอปหนึ่งเขาเลี้ยงอยู่ประมาณ 5 เดือน แล้วเราตอบโจทย์ และมันคุ้มกับเกษตรกร ซึ่งถ้าพูดถึงกำลังไฟเป็นแรงม้าก็ได้ เป็นกิโลวัตต์ก็ได้  1 แรงม้า เท่ากับ 0.749 กิโลวัตต์ เราก็ดูปั๊มว่ากี่แรงม้า แปลงเป็นกิโลวัตต์ พอแปลงเป็นกิโลวัตต์ได้ปุ๊บ เราก็รู้ต้นทุนแล้ว อย่างที่ยกตัวอย่างไปเช่น 1 เมกะวัตต์ ไม่เกิน 100 ล้าน เพราะฉะนั้น 1 กิโลวัตต์ ก็ไม่เกินแสนหนึ่ง เป็นต้น

ฝากถึงผู้ที่สนใจ สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์

สุดท้าย คุณเกียรติภูมิ ยังกล่าวฝากถึงเทคโนโลยี “สมาร์ท ไฮบริด พาวเวอร์” ระบบผลิตไฟฟ้า อัจฉริยะ ผลิตพลังงานฟรี 24 ชั่วโมง ถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ไว้อย่างน่าสนใจด้วยว่า“วันนี้ มนุษย์ทั่วโลกพยายามคิดค้น ฟรีเอนเนอร์ยี (Free Energy) หรือพลังงานฟรี พลังงานปกติเราจะต้องเสียเงินซื้อ อย่างเช่น ถ้าเป็นพลังงานที่ใช้เชื้อเพลิง เราก็ต้องเสียค่าน้ำมัน ถ้าใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง เราก็ต้องเสียค่าถ่านหินในการซื้อ หรือแก๊สธรรมชาติต้องซื้อหมด แต่พลังงานฟรี เราสามารถใช้สามาร์ทเทคโนโลยีเรียกว่า เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย และก็เป็นเทคโนโลยีชั้นดี มาเก็บเกี่ยวพลังงานฟรีจากธรรมชาติ อย่างเช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พวกนี้เราได้ฟรีหมดเลย

เราก็ใช้เทคโนโลยีในการออกแบบระบบที่สามารถผลิตพลังงานที่ได้ฟรีจากธรรมชาติออกมาเป็นพลังงานรูปแบบต่างๆ เช่น พลังงานไฟฟ้า พลังงานกล พลังงานไฟฟ้าก็เช่น โซล่าเซลล์ ผลิตไฟฟ้าก็เป็นแบตเตอรี่ ใช้แบตเตอรี่หรือเป็นแสงสว่างเข้าอินเวอเตอร์เป็นแสงสว่างได้ พลังงานกลก็คือ ได้พลังงานแสงอาทิตย์ก็เอามาขับมอเตอร์ก็เป็นปั๊มสูบน้ำขึ้นมาได้ เป็นต้น

เพราะฉะนั้น เราใช้เทคโนโลยีจากเบสิคเอคดูเคชัน ก็คือ วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมเครื่องกล ในการที่จะออกแบบระบบให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานฟรีได้ และเป็นประโยชน์ต่อ ประชาชน เกษตรกร และประเทศชาติ

เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นเรื่องปกติที่จะถูกมองว่าเป็นของใหม่มาก คนยังไม่รู้เยอะว่านี่คืออะไร แต่หลังจากนี้สังคมจะค่อยๆ รู้มากขึ้น มันคืองานปฏิวัติอินโนเวชัน ซึ่งถ้าทุกภาคส่วนหันมาให้ความสำคัญและสนับสนุน ทุกอย่างมันจะเห็นผลชัดเจนและประสบผลสำเร็จรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อตัวผู้ประกอบการ นักธุรกิจ พี่น้องเกษตรกร รวมถึงลงไประดับชุมชน หมู่บ้าน ทุกครัวเรือนนั่นเอง”

สำหรับท่านใด หรือองค์กรใด ที่มีความประสงค์สนใจที่จะเข้ามาลองใช้พลังงานฟรี หรือเข้ามาร่วมโครงการ เข้ามาร่วมทุน หรือเข้ามาพัฒนาโครงการร่วมกัน คุณเกียรติภูมิ สิริพันธุ์ โทรศัพท์ 082-539-6147

อ้างอิง : นิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับที่ 414/นิตยสารสัตว์บก ฉบับที่ 372