หลายทศวรรษที่ “คุณไก่” อดีตคนเมืองยอดแหลม แต่ไปขุดทองด้วยการเกษตร และสัตว์น้ำ ดินแดนลุ่มน้ำตาปี
วันนี้ ยุทธนา (ไก่) รัตโน กลายเป็น “เจ้าสัวน้อย” ด้านการเลี้ยงกุ้งขาวแบบหนาแน่น และความเค็มสูง โดยเน้นระบบไบโอซีเคียวที่อิงธรรมชาติมากที่สุด
การเลี้ยงกุ้งขาว
“วันนี้ต้องใช้คำว่าเราห่างไกลตัวแดงดวงขาว เลี้ยงทดลองฝ่าฝนก่อนพฤศจิกายน ไม่หยุดพัก ปรากฎว่าได้ตอบโจทย์เรื่องรีไซเคิลน้ำ มีความปลอดภัยในเรื่องของเชื้อมาก เป็นจุดแข็ง ตัวแดงฯ เจาะเราไม่ได้ เราใช้น้ำของเราหมุนเวียนตลอด ไม่ว่าน้ำของใครในคลองจะขึ้นมายังไง ก็ไม่เกี่ยวกับน้ำในฟาร์มของเราๆ เก็บน้ำไว้เมื่อเต็มระบบ
เราใช้ยาฆ่าพาหะ 2 ลิตร/ไร่ โดยสาดบนผิวน้ำตอนเย็นฆ่า เฉพาะกุ้ง เคย หอย ปลา ยังอยู่ เราใช้ธรรมชาติเกื้อกูล ได้ปลา 2 น้ำ ออกลูกเอง หอยนางรมเอามาแขวนลอยให้เก็บกินแพลงก์ตอน และหอยต่างๆ มีประโยชน์ด้านธรรมชาติบำบัด สุดท้ายเติมจุลินทรีย์ธรรมชาติลงไป” เซียนไก่ เปิดใจถึงเคล็ดไม่ลับของการมี บ่อบำบัด โดยอาศัย หอย ปลา จุลินทรีย์ เป็นเครื่องมือ นี่คือระบบไบโอซีเคียวที่ใช้เงินลงทุนน้อยมาก
การบริหารจัดการบ่อกุ้ง
การทรีตน้ำในบ่อพักด้วย ปลา หอย และ จุลินทรีย์ เพื่อจะนำน้ำที่บำบัดแล้วไปเลี้ยงกุ้งแบบหนาแน่นในเวลา 150 วัน เป็นงานที่คุณไก่มั่นใจว่า “น้ำเลี้ยง” คือ บ้านของกุ้ง ต้องมุ่งให้สะอาด ตลอดการเลี้ยง เมื่อน้ำเลี้ยงสะอาด ตัดโอกาสการเกิดและเติบโตของ “เชื้อโรค” ด้วย และต้นทุนการเลี้ยงจะต่ำกว่าการใช้เคมีบำบัด
นอกจากนี้น้ำที่บำบัดด้วย หอย ปลา และ จุลินทรีย์ คือ “น้ำต้นทุน” ที่ไม่ต้องสูบมาเลี้ยงทุกรอบ สูบครั้งเดียวมาใช้ได้ตลอด ปลากินพืชในบ่อพักได้ “ขี้กุ้ง” เป็นอาหาร ปรากฏว่าอ้วนมากๆ ขายได้ราคา เป็นอาหารของคนงาน หอยนางรม ซื้อตัวหอยมาเลี้ยงแบบแขวนลอย พอโตขายได้ราคา หอยแครง ที่หว่านให้อยู่พื้นบ่อ คือ ตัวบำบัดตะกอน หรือเลน เพราะมันกินเป็นอาหาร มันคือนักกวาดพื้นบ่อให้สะอาด พอโตก็ขายได้ราคา และ หอยพัง หอยที่ขยันกินอาหาร จนน้ำในบ่อใส สะอาด โดยไม่ต้องเอา ด่างทับทิม หรือ คลอรีน มาใช้
ในส่วนของ บ่อเลี้ยง ไม่สมควรเลี้ยงหอย เช่น หอยพัง เพราะจะเกิดตะกรันดำๆ ไปเกาะตัวและเข้าเหงือก ทำให้ราคากุ้งเสีย แต่ต้องใช้ คอปเปอร์ 4 ไร่/กระสอบ (25 กก.) ป้องกันหอยเกิดในบ่อเลี้ยง ต้องใช้ ไอโอดีน หรือ จุลินทรีย์ ฆ่าเชื้อในน้ำ
การบำรุงดูแลลูกกุ้ง
ในเรื่องการลงลูกกุ้ง P12 บ่อ 4 ไร่ 2 ล้านตัว พอโตขึ้นก็ย้ายลูกกุ้ง เป็นการอนุบาลเบื้องต้นนั่นเอง แม้หนาแน่นไร่ละ 5 แสนตัว แต่ไม่เป็นโรคตัวแดงฯ ทั้งๆ ที่บางฟาร์มไร่ละ 8 หมื่น ก็เจอตัวแดงฯ แล้ว คุณไก่ยืนยันว่ามันขึ้นอยู่กับการจัดการ
เมื่อนำกุ้งที่อนุบาลบ่อเดียวมาแยกเลี้ยง 2 ชุด เกิด “คราบกุ้ง” บ่งบอกถึงการให้อาหารมากเกินไปจึงลอกคราบพร้อมกัน กุ้งไม่ได้กินคราบของกันและกัน เกิดการตาย แสดงให้เห็นว่าคุณภาพน้ำไม่ดี ต้องดูด ขี้กุ้ง ช่วง 8.30 น. ออกจากบ่อ ตอนแสงแดดออก
พอครบ 120 วัน ก็สุ่มตรวจ ไซซ์กุ้ง พบว่า ขนาด 30 ตัว/กก. ก็พาเชียล จากนั้นก็จับที่ 20 ตัว/กก. 120 วัน กำไรล้านกว่าบาท แต่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเลี้ยง คุณไก่ตัดสินใจเลี้ยงกุ้ง 150 วัน เฉลี่ยได้กำไรมากกว่า 120 วัน “งานของผมต้องทดลองก่อน แล้วทำตามหลัง เราไม่ทดลองในฟาร์มที่เดียว เพราะถ้ามีปัญหาแก้ไม่ได้ แต่ถ้าทดลองก่อนจะรู้ปัญหามันเกิดจากอะไร” คุณไก่ ยืนยัน
และได้เปิดเผยเรื่องความขุ่นใสของน้ำว่า ถ้าค่าออกมา 40 ถือว่ายังดี แต่ถ้าขึ้น 30 กว่า ต้องจัดการ “เลี้ยงกุ้งง่ายครับ อะไรทำให้น้ำทึบ 1.แพลงก์ตอน 2.ตะกอน อะไรทำให้เกิดเชื้อ อาหาร กับคน ไม่ว่าตะกอน หรือแพลงก์ตอน หรือเชื้อต่างๆ ที่บวมขึ้นมา ล้วนมาจากอาหารเกินกับน้ำที่รองรับ แก้โดยไม่เสียเงิน คือ ลดอาหาร”
ดังนั้นการเลี้ยงให้โตภายใน 90 วัน โดยการให้อาหารมากๆ แต่นำมาซึ่งปัญหาให้แก้ “การโตไม่จำเป็นว่าคุณภาพน้ำดี สุขภาพกุ้งดี บ้านของกุ้ง คือ น้ำ ถ้ามีบ่อทดลองต้องปรับทำ เมื่อน้ำเข้มลดอาหารให้เหลือ 60%” คุณไก่ แนะนำ
เมื่อการดึงเวลาเลี้ยงให้ยาวถึง 150 วัน และกุ้งโตตามที่ต้องการ ปรากฏว่าได้ผลผลิต ได้กำไรมาก และไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรค โดยเฉพาะ โรคขี้ขาว แม่พันธุ์จะดียังไง พอเป็นโรคก็ไปไม่รอดทั้งนั้น
อ้างอิง : นิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับที่ 405
