เจ้าสัวธนินท์ เสาหลักเศรษฐกิจไทย??

สิบพ่อค้า หรือจะสู้พระยาเลี้ยง …วาทกรรมในอดีตของสังคมไทย

ทุกคนดิ้นรนรับ ราชการ เพราะมีความมั่นคงในชีวิต เนื่องจากรัฐเลี้ยงดู

ต่างจาก พ่อค้า เลือดมังกรโพ้นทะเล ที่หนีความแร้นแค้นแผ่นดินใหญ่ มายึดประเทศไทยเป็นถิ่นดำเนินชีวิต ถูกกดขี่ทางสังคม ถึงขนาดเรียกว่า “เจ๊ก” เป็นต้น คนต่างด้าวที่ไร้สิทธิ์ต่างๆ ต้องมี ความอดทน เป็นเลิศ

ชาวจีนโพ้นทะเลเหล่านี้เข้ามามากขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ส่วนใหญ่ยึดอาชีพค้าขาย บางคนรับจ้าง และบางคนทำเกษตรกรรม มีน้อยที่ได้รับใช้ พระเจ้าแผ่นดิน จนได้สัญชาติไทย มีฐานันดร ตามมาด้วยความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ

พ่อค้าบางคนนำ เมล็ดพันธุ์ผัก จากเมืองจีน มาขายในนาม “ร้านเจียไต๋” ทรงวด สัมพันธวงศ์ กทม.

การผลิตและจำหน่าย พืช ปศุสัตว์ ประมง

กิจการเติบโตขยายอาณาจักรเกษตร ทั้งพืช ปศุสัตว์ และ ประมง เป็นต้น ในนาม บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) จากแซ่มาเป็นสกุล “เจียรวนนท์” สัญชาติไทย ในเวลาไม่กี่ทศวรรษ จนกระทั่งเข้าสู่ศตวรรษเจียรวนนท์รุ่นที่ 3 ขยายธุรกิจทั่วโลก ครอบคลุมเกือบทุกธุรกิจของโลก แต่หลักๆ ยังเป็นธุรกิจเกษตร และโทรคมนาคม เป็นต้น ช่วงหลังธุรกิจค้าปลีกกลายเป็น “ดาวรุ่ง” จะเต็มฟากฟ้าโลกในทศวรรษหน้า

การเติบโตทางธุรกิจเจียรวนนท์ ต้องยกเครดิตให้ ธนินท์ เจียรวนนท์ หรือ “เจ้าสัวธนินท์” ประธานอาวุโส ซีพีกรุ๊ป ทายาทรุ่นที่ 2 ที่มีความอัจฉริยะในสายเลือด เนื่องจากมีเจเนติกด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิต รู้จักการวางตัวตนเพื่อปฏิสัมพันธ์กับคนแต่ละประเภท

ระยะเริ่มต้นและขยายธุรกิจเกษตร ทั้งสายพืช ปศุสัตว์ และ สัตว์น้ำ เจ้าสัวธนินท์จะแสวงหา “คู่ค้า” ด้วยตัวเองเสมอ

โดยเฉพาะ “เกษตรกร” แต่ละคน ที่เจ้าสัวไม่พบ หรือเชิญมาพบ จะถูกสกรีนจากเจ้าสัว ในที่สุดเกษตรกรรายนั้นเป็นทั้งผู้ใช้สินค้า และเป็นทั้งผู้ขาย (เอเยนต์) ยอดขายเดือนละหลายล้านในเวลาไม่นานนัก

การผลักดันการชนไก่

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า สัตว์เลี้ยงที่เจ้าสัวชอบมากๆ คือ “ไก่ชน” เป็นสัตว์นักสู้มากด้วยเสน่ห์ เมื่อเจ้าสัววิเคราะห์แล้วว่าใครเก่งเรื่องไก่ชน ก็จะส่งลูกน้องหาข้อมูล แล้วเชิญมาพบ หรือไปพบด้วยตนเอง ไม่นาน เซียนไก่ชน รายนั้น ก็ซื่อสัตย์ ภักดีต่อซีพี นำไก่ชนสายพันธุ์ซีพี (ไซง่อน) ไปขาย พร้อมทั้ง “อาหารไก่ชน” วันนี้เจ้าสัวธนินท์ภารกิจมากขึ้น จึงไม่เห็นบทบาทด้านไก่ชนหลายปีแล้ว

ต้องยอมรับว่า เจ้าสัวธนินท์ยอมย่อตัวให้ต่ำเพื่อชาวไก่ชน จนสัตว์ปีกนักสู้กลายเป็น “สัตว์เศรษฐกิจอินเตอร์” ตัวตีเก่งๆ แค่ 2-8 กก. ราคาไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท วันนี้ประเทศไทยมี สนามชนไก่ ทุกจังหวัด เพื่อให้ชาวไก่ชนนำไก่มาชนเดิมพันถูกกฎหมาย ตัวที่ชนะราคาพุ่งก่อให้เกิดรายได้แก่เกษตรกรระดับฐานราก ก่อให้เกิดรายได้แก่ชาวนา ปลูกข้าวเปลือกขายให้ชาวไก่ชน และเกิดรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูก สมุนไพรใช้กับไก่ชน เป็นต้น ขณะเดียวกัน นักพนัน ที่เอาเงินไปเล่นในบ่อนเมืองนอก ก็นำเงินมาพนันไก่ชนหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจไทย ไก่ตัวไม่เก่งก็เป็น โปรตีน ของประเทศ เศรษฐกิจฐานรากเรื่องไก่ชนวันนี้ยังไปได้ ก็เพราะ เจ้าสัวธนินท์ มีส่วนผลักดันโดยพฤตินัยนั่นเอง

การปาฐกถาเรื่องเศรษฐกิจไทยหลังเปลี่ยนรัฐบาล

90 ปี หอการค้า และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีการเชิญเจ้าสัวมาปาฐกถาเรื่องเศรษฐกิจไทยหลังเปลี่ยนรัฐบาล

เจ้าสัวฟันธง ยุค พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายก GDP/หนี้ของประเทศ เพียง 61% ซึ่งประเทศอื่นๆ เกิน 100% และวินัยการเงิน การคลัง ของไทย ยังดี ติดระดับท็อปๆ ของโลก แต่วันนี้เศรษฐกิจโลกไม่ปกติ เพราะหลายประเทศวินัยการเงิน การคลัง ดี จนเข้าสู่วิกฤต ยกเว้น อเมริกา พอขึ้นดอกเบี้ยเงินไหลกลับทันที ทั้งๆ หนี้/GDP สูง แต่คนก็ยังเชื่อมั่น

“รัฐบาลชุดใหม่ ผมมีความเชื่อมั่นสูงมากว่าเข้ามาในเวลาที่ถูกต้อง จะเข้ามาแก้เรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะท่านนายกเศรษฐา ผลงานของท่านทำธุรกิจอสังหาฯ ใหญ่มาก เป็นที่ 1 แต่การเงิน การคลัง ท่านบริหารยอดเยี่ยม วันนี้ดอกเบี้ย 4% กว่าๆ แสดงว่าท่านไม่ได้เป็นนักธุรกิจอสังหาฯ อย่างเดียว ท่านเป็นนักบริหารการเงินยอดเยี่ยม” เจ้าสัวธนินท์ ชมนายกเศรษฐา ตรงไปตรงมา

การช่วยเหลือเกษตรกร ระยะสั้น ระยะยาว

เมื่อโควิด 19 เบาบาง โลกเปิดกว้าง รัฐบาลไทยใช้นโยบาย พักหนี้เกษตรกร เจ้าสัวเห็นด้วย เพราะทุกประเทศให้ความสำคัญกับการเกษตร ต้องทำให้เกษตรกรให้อยู่รอด เพื่อจะได้ผลิตน้ำมันบนดิน คือ สินค้าเกษตร แม้ว่าจะไม่ค่อยมีราคา แต่จะถูกนำไปเพิ่มมูลค่า 2-3 เท่า โดยนักลงทุนรายได้เข้าประเทศมากขึ้น “ผมเรียกสินค้าเกษตรว่าเป็นน้ำมันบนดินไม่หมด และสำคัญกว่าน้ำมันใต้ดิน” เจ้าสัวธนินท์ ยืนยัน

ดังนั้นรัฐบาลจะต้องช่วยเกษตรกรทั้งระยะสั้นและระยะยาว ยามที่เกษตรกรเสียหายด้วยสาเหตุต่างๆ จนผลผลิตน้อย ราคาก็ขึ้น ก็ต้องปล่อยให้ขึ้น ไม่ใช่จำกัดราคา “ทุกท่านที่เป็นนักธุรกิจไปศึกษาดูว่าในโลกนี้มีประเทศไหนที่เจริญรุ่งเรืองด้วยการกดราคาสินค้าเกษตร ไปดูตอนญี่ปุ่น ญี่ปุ่นสร้างชาติใหม่ๆ จนมากๆ เป็นหนี้เยอะ แต่ข้าวสารราคาแพงกว่าไทยหลายเท่า แล้วทำไมไม่ซื้อของถูกจากไทย เขาบอกว่าถ้าเกษตรกรญี่ปุ่นไม่มีกำลังซื้อ อุตสาหกรรมจะเกิดได้อย่างไร การพาณิชย์จะเกิดได้อย่างไร เพราะตอนนั้นคนส่วนใหญ่คือเกษตรกร วันนี้คนยากจนของเราส่วนใหญ่มาจากเกษตรกร ถ้าประเทศอยู่ไม่ได้ ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ แล้วจะขายสินค้าให้ใคร” เจ้าสัวธนินท์ ให้ความเห็นถึงความสำคัญของเกษตรกร

การแจก เงินดิจิตอล

การแจก เงินดิจิตอล คนละหมื่นบาท ให้ประชาชน เจ้าสัวธนินท์ต้องการให้เกิดขึ้นจริง เพราะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง อย่ากลัว เงินเฟ้อ ควรกลัว เงินฝืด เหมือนคนความดันต่ำ ตายง่าย แต่ เงินเฟ้อ เหมือนความดันสูง คอนโทรลได้ “ผมห่วงที่สุด คือ เงินฝืด วันนี้วินัยการเงินเราเยี่ยมมาก แม้โลกวิกฤต แต่ 10 ประเทศอาเซียน น่าลงทุนที่สุด”

แต่เมืองไทยเข้าสู่ความแก่เร็วเกินไป สู่สังคมผู้สูงอายุ คนเก่งๆ ของโลกต้องการมาอยู่เมืองไทย แต่กลัวกันว่าจะมาแย่งอาชีพ ถ้าเราเอาคนเก่งในโลก 5 ล้านคน มาไว้เมืองไทย จ้างเลขาฯ 1 คน มาช่วย ก็ 5 ล้านคน ได้ทำงานกับ คนเก่ง โดยเฉพาะจ้างนักศึกษาที่จบมาเป็นผู้ช่วย จะก่อให้เกิดงานต่างๆ ไม่ใช่มาแย่งงานคนไทย

เมื่อมีคนเก่งๆ ก็จะมีบริษัทดังๆ ของโลกเข้ามาลงทุน เหมือน “ดูไบ” อาหรับ เอมิเรท ดึงคนเก่ง และเศรษฐี มาอยู่ “ดึงคนเก่งในโลกมาช่วยพัฒนาไม่ถึง 10% แต่สิงคโปร์ 100% เขาจึงเจริญรุ่งเรือง เมืองไทยเหนือกว่า ถ้าเรามีกฎหมายดีๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ วิกฤตของโลกคือโอกาสของไทย”

ยุคไอทีต้องใช้ให้เกิดประโยชน์

เจ้าสัวธนินท์เป็นคนศึกษาการพลวัตของเทคโนโลยีต่างๆ ของโลกอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นประโยชน์มากมาย ถูกนำมาใช้กับ ซีพีกรุ๊ป จนธุรกิจมีประสิทธิภาพล้ำหน้า “เราต้องเปลี่ยนการผลิตให้มันไฮเทคขึ้น ทันสมัยขึ้น เร็วขึ้น แต่ให้มันถูกลง อย่างราคาขายปลีกเห็นชัดเจน โปร่งใสมาก เปรียบเทียบได้ทั่วโลก เช็คราคาสินค้าได้ทั่วโลกว่าขายเท่าไหร่ ยิ่งตัวเลขโปร่งใส ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้ผู้ผลิตสนใจ” เจ้าสัวธนินท์ เปิดประเด็นนี้ชัดเจน

โดยเฉพาะเครื่องจักรแบบใหม่ตัวเล็กลง ใช้ไฟน้อยลง แต่ความไวในการผลิต 3 เท่าตัว ต้นทุนถูกลงมาก ยิ่งไฮเทคเท่าไหร่คุณภาพยิ่งมากเท่านั้น ส่วน แรงงาน ในการผลิต ไม่ตกงาน โดยการทำงานภาคบริการให้มากขึ้น และด้วยข้อมูลในสื่อออนไลน์ระดับโลกที่ บิ๊กดาต้า มากมาย ทำให้ผู้คนนำข้อมูลมาศึกษาจนเกิดบริษัทสตาร์ทอัพมากขึ้น

เมื่อ 20 ปีก่อน คนไทยคนหนึ่งขายเพชรทางออนไลน์ หลายคนไม่เชื่อว่าจะขายได้ โดยขายให้บริษัทชื่อดังใน มหานคร นิวยอร์ก เป็นผู้ขาย โดยมีใบการันตีเพชร ปรากฏว่าขายดีมาก เป็นการใช้คนและช่องทางการตลาดให้ถูกต้อง ก็ประสบความสำเร็จ ซึ่งเจ้าสัวนำมาเป็นตัวอย่าง และฟันธงว่า อนาคตอันใกล้ หุ่นยนต์ จะเข้ามาทดแทนแรงงานคนเต็มรูปแบบ ส่วนเจ้าของ หรือผู้บริหาร ทำงานสัปดาห์ละ 3 วัน อีก 4 วัน ท่องเที่ยว เพื่อไปสัมผัสให้เห็นของจริงในการปรับใช้กับธุรกิจให้ทันกับความต้องการของตลาด

รัฐบาลไทยก็ต้องเร่งทำในเรื่องทรัพยากรมนุษย์ ได้แก่ นำคนเก่งโดยเฉพาะคนไทย กลับมาช่วยประเทศ โดยตั้ง “กองทุน” ขึ้นมาสนับสนุน โดยนำสิ่งดีๆ จากต่างประเทศมาแนะนำนักธุรกิจไทย มีผู้เชี่ยวชาญมาช่วย “ดึงคนเก่งในโลกมาช่วยนักธุรกิจไทย แล้วก้าวหน้าไปด้วยกัน เพราะเราเป็นธุรกิจหลักของชาติ” เจ้าสัวธนินท์ ปาฐกถาเปิดท้าย โดยมีเสียงปรบมือจากนักธุรกิจหอการค้าไทยกึกก้อง

ถ้าเจ้าสัวไทยเหมือนเจ้าสัวธนินท์ เศรษฐกิจไทยจะแข็งแกร่งกว่านี้ และถ้า ข้าราชการไทย นักการเมืองไทย รู้ คุณค่าทรัพยากรมนุษย์ในภาคเอกชน ตั้งแต่ฐานรากถึงยอดปิรามิด ความเหลื่อมล้ำจะลดลงโดยออโต้ ก็หวังว่าวันนั้นจะมาถึง

อ้างอิง : นิตยสารสัตว์บก ฉบับที่ 368