ปลูกกล้วยหอมทอง “ท่ายาง” ปลูกง่าย โรคน้อย ตลาดมั่นคงกว่าชนิดอื่น

โฆษณา
AP Chemical Thailand

“หลุมพราง” ที่เกษตรกรหลายรายติดกับดัก หลังจากได้ยิน ได้ฟัง คำโปรยยาหอมเรื่องปลูก “กล้วยหอมคาเวนดิช” จากหน่วยงาน และสื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา ใจความสำคัญระบุข้อความโดยประมาณว่า “รับซื้อไม่อั้น กล้วยหอมคาเวนดิช ส่งออกนอก ขายได้กำไรงาม” ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหลายรายแห่ปลูกกล้วยคาเวนดิชกันอย่างโจ่งครึ่ม ปลูกกล้วยหอมทอง

ทว่าพอเอาเข้าจริงๆ ในทางปฏิบัติ หลังจากเกษตรกรหลายรายปลูกกล้วยคาเวนดิชประสบความสำเร็จพร้อมที่จะส่งขายตลาด กลับไม่มีตลาดรองรับที่ชัดเจน เป็นเพียงการสร้างกระแสเพื่อให้ได้ขายต้นพันธุ์ทำกำไรเท่านั้นเอง อีกทั้งขาดการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เปรียบเสมือนสินค้าใหม่มาแรงตามเทรนด์แฟชั่น ภายใต้ความร้อนแรงจนถึงจุดพีคสุดๆ แต่สถานการณ์ซ้ำรอยก็เกิดขึ้น ท้ายที่สุดก็หวนกลับคืนสู่สามัญ ราคากล้วยร่วงชะลูด แต่ก็จำเป็นต้องขายไปในความจำยอม

1.เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทอง
1.เกษตรกรผู้ ปลูกกล้วยหอมทอง

การ ปลูกกล้วยหอมทอง

อย่างไรก็ตามภาพดังกล่าวก็สะท้อนกลับมาให้เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยได้เรียนรู้ทางด้านการตลาด โดยการจับมือคบค้าสมาคมกับผู้ซื้อที่มีจรรยาบรรณ และมีความยุติธรรม ตรงไปตรงมา แบบไม่พึ่งพาใคร พร้อมกันนั้นหลักการปลูกต้องเรียนรู้ทางด้านการปลูกแบบผสมผสาน เพื่อเปิดโอกาสทางเลือกทางด้านการตลาดให้กว้างมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ เกษตรกรควรปลูกควบคู่กับกล้วยชนิดอื่น เฉกเช่น คุณเอกลักษณ์ เกษตรกรผู้ปลูก “กล้วยหอมทอง” เป็นหลัก ขณะเดียวกันเขาก็ปลูกควบคู่ไปกับการปลูก “กล้วยคาเวนดิช” เสริมอีกด้วย นิตยสาร “เมืองไม้ผล&พืชสุขภาพ” มีโอกาสพบกับเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีใจชื่นชอบอาชีพทางด้านการเกษตรมาตั้งแต่เด็ก เพราะเขารู้ตัวดีว่าทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย การศึกษา คือ วิชาความรู้ที่ทุกคนจะต้องมี แต่เขายอมตัดใจจากการเรียนเพียงแค่มัธยมปีที่ 3 เท่านั้น

คุณเอกลักษณ์ในสมัยนั้นถือว่าเป็นเด็กหนุ่มที่เข้าใจความเป็นอยู่ของตัวเองเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหยุดการเรียนไว้ เพราะเข้าใจค่าใช้จ่ายทางบ้านที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็คือ ภาระของพ่อแม่ หลังจากหยุดการเรียนเขาได้สมัครเข้าทำงานในโรงงานแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากเป็นคนที่มีวุฒิการเรียนไม่สูง ทำให้มีรายได้จากงานประจำไม่มากเท่าที่ควร ขณะเดียวกันเขาได้คิดหาทางออกที่ดีกว่า และเห็นว่าที่บ้านมีพื้นที่ทำกินอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ที่ครอบครัวทำไร่ ทำสวน มาโดยตลอด เขาจึงใช้วิธีการค้นหา ศึกษาเรียนรู้ ว่าจะปลูกพืชชนิดไหนถึงจะให้ผลตอบแทนดีกว่าที่เป็นอยู่ เมื่อคิดได้เขาจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นหนุ่มโรงงาน เก็บข้าวของกลับบ้าน มาทำอาชีพการเกษตรน่าจะเป็นช่องทางที่ดีกว่า และมีรายได้มากกว่าเดิม

2.เด็ดปลีทิ้งเพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้กับผลกล้วยมีมากยิ่งขึ้น
2.เด็ดปลีทิ้งเพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้กับผลกล้วยมีมากยิ่งขึ้น

จุดเริ่มต้นการ ปลูกกล้วยหอมทอง

“ผมเริ่มต้นทำเกษตรจากไม่มีประสบการณ์ เริ่มต้นจากการปลูกข้าวโพดขาย แต่ตอนนั้นประสบปัญหาหลายอย่าง เช่น เกษตรกรในพื้นที่เดียวกันหลายคนปลูกข้าวโพดเหมือนกัน และส่งขายพร้อมกัน ทำให้สินค้าล้นตลาด และราคาผลผลิตตกต่ำ อีกทั้งตัวเองยังขาดองค์ความรู้ทางด้านการปลูกข้าวโพดเป็นอย่างดี ผมจึงเลิกทำ และหันไปขายสินค้าตามงานโอทอปตามสถานที่ต่างๆ แทน จนกระทั่ง ปี พ.ศ.2554 คุณพ่อล้มป่วย ผมจึงตั้งใจจะดูแลพ่อ จึงกลับมาคิดทำการเกษตรอีกครั้ง คราวนี้เริ่มต้นปลูกมะเขือ เนื่องจากในท้องถิ่นปลูกง่าย ขายได้ราคา จึงศึกษาหาความรู้จากผู้มีประสบการณ์และทดลองปลูกด้วยตัวเอง ผลปรากฏว่า ปลูกขายมีรายได้ประมาณ 4,000-5,000 บาท/วัน

แต่เนื่องจากการบำรุงรักษาต้องใช้สารเคมี คือ ยาฉีดพ่นในปริมาณที่มาก รายได้ที่ได้มาจึงหมดไปกับค่ายา และสารเคมี ผมคิดว่ากว่าจะมีฐานะร่ำรวยคงตายก่อนอย่างแน่นอน ต่อมาผมจึงมองหาช่องทางปลูกพืชชนิดอื่น กระทั่งได้เปิดวีดีโอยูทูปนำเสนอเรื่องราวการ ปลูกกล้วยหอมทอง ซึ่งแหล่งเพาะปลูกขึ้นชื่อ คือ อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี จึงเกิดความสนใจ และได้เดินทางไปศึกษาดูงานสถานที่ดังกล่าว พร้อมทั้งได้ซื้อหน่อพันธุ์จำนวน 900 หน่อๆ ละ 13 บาท มาทดลองเพาะปลูกที่บ้านในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา”

โฆษณา
AP Chemical Thailand

คุณเอกลักษณ์กล่าวถึงจุดเริ่มต้นที่ก้าวเข้าสู่อาชีพเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยอย่างเต็มตัว ซึ่งเขาได้ทดลองปลูก “กล้วยหอมทอง” ด้วยตัวเอง โดยการศึกษาหาความรู้จากช่องทางต่างๆ ที่ทำได้ ครั้งแรกที่ปลูกก็ประสบปัญหาพอสมควร เนื่องจากที่ตัวเขาขาดประสบการณ์ และความรู้ ความชำนาญ ตามที่ควรเป็น แต่ปัญหาดังกล่าวก็ไม่ทำให้เขาท้อถอย เขาพยายามศึกษาหาความรู้ ลองผิดลองถูก สร้างฐานความรู้ให้ตนเองให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ

3.แปลงกล้วยหอมทอง
3.แปลงกล้วยหอมทอง

สภาพพื้นที่ปลูกกล้วย

อาชีพการเพาะปลูก สิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ก็คือ สภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม “กล้วย” ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกได้ทั่วประเทศ และต้องยอมรับว่าเป็นพืชที่สามารถตอบโจทย์ให้กับเกษตรกรไทยได้ ผู้ปลูกได้ เป็นอย่างดีทีเดียว จังหวัดสระบุรีลักษณะดินโดยส่วนมากมีความเหมาะสมและเอื้ออำนวยต่อการปลูกกล้วยเป็นอย่างยิ่ง

ในเรื่องนี้คุณเอกลักษณ์ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะดินในพื้นที่สวนของตัวเองว่า ด้วยประสบการณ์เรียนรู้ก็ทำให้ทราบว่าสภาพดินในพื้นที่ปลูกของตนเองมีความเหมาะสมเป็นอย่างมากต่อการเพาะปลูกกล้วย สภาพลักษณะดินเป็นสีดำร่วนซุย มีคุณภาพสูง ที่สำคัญเป็นสวนที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำเพื่อนำมาสร้างความสมบูรณ์ให้กับดินและกล้วยได้อย่างเหมาะสม

สำหรับแปลง ปลูกกล้วยหอมทอง ของคุณเอกลักษณ์จะขุดร่องปลูกในพื้นที่ 3×2 เมตร สามารถปลูกได้จำนวน 900 ต้น (พื้นที่ปลูก 6 ไร่ โดย ปลูกกล้วยหอมทอง 3 ไร่ จำนวน 900 ต้น หรือไร่ละ 300 ต้น) โดยเริ่มปลูกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ในการเริ่มต้นปลูกครั้งแรก พร้อมกันนั้นเขาได้นำความรู้ทางด้านระบบการให้น้ำแบบน้ำหยดมาใช้เพื่อสร้างความเหมาะสมทางด้านการให้น้ำ ต่อข้อถามถึงวิธีสร้างความเหมาะสมเพื่อไม่ให้น้ำขาดทั้งปี

คุณเอกลักษณ์ได้ทำการขุดบ่อกักเก็บน้ำโดยใช้พื้นที่ทั้งหมด 1 งาน ลึกกว่า 12 เมตร จะเห็นได้ว่าเป็นสวนที่มีแหล่งน้ำเพื่อรองรับการให้น้ำกล้วยได้ตลอดทั้งปี จากการจัดการเริ่มแรกที่ดีก็ส่งผลทางด้านดีกลับคืนมาเช่นกัน คือ เขาสามารถทำกำไรจากการปลูกกล้วยในปีแรกกว่าแสนบาทเลยทีเดียว จากผลตอบรับที่ดี คุณเอกลักษณ์เผยว่าน่าจะเกิดมาจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ผลผลิตกล้วยขาดตลาดพอดี ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุทำให้กล้วยราคาแพงขึ้นถึงหวีละ 80-90 บาท เลยทีเดียว

4.การห่อหุ้มกล้วยด้วยถุงกันแสงยูวี
4.การห่อหุ้มกล้วยด้วยถุงกันแสงยูวี

เทคนิคการ ปลูกกล้วยหอมทอง ฉบับของคุณเอกลักษณ์

ปัจจุบันคุณเอกลักษณ์ปลูก “กล้วยหอมทอง” จำนวน 10 ไร่ และแบ่งปลูก “กล้วยคาเวนดิช” อีก 5 ไร่ รวมพื้นที่ปลูกทั้งหมด 15 ไร่ เมื่อถามถึงเหตุผลที่เลือก ปลูกกล้วยหอมทอง มากที่สุด คุณเอกลักษณ์บอกว่ากล้วยหอมทองปลูกง่าย ดูแลรักษาง่าย ขายได้ราคาดี หากเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ “กล้วยน้ำว้า” โรคแมลงจะเกิดชุกชุมมากกว่า เช่น โรคใบเหลือง อีกทั้งยังพบเห็นตัวหนอนและแมลงกัดกินได้ง่ายกว่ากล้วยหอมทองอย่างเห็นได้ชัด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นย่อมขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาที่ดีของแต่ละสวนด้วยเช่นกัน สำหรับกล้วยหอมทอง ในระยะเวลาการปลูกเพียง 9 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ทางด้านการปลูกในแบบฉบับของคุณเอกลักษณ์ก็ไม่ยุ่งยาก เริ่มตั้งแต่การขุดหลุมลงแปลงปลูกในระยะที่ห่าง 3×2 เมตร โดยขุดปากหลุมกว้างประมาณ 20×20 ซม.

โฆษณา
AP Chemical Thailand

“เริ่มแรกการปลูกจะใช้วิธีการขุดหลุม จากนั้นเห็นว่าเป็นวิธีที่สิ้นเปลือง การจ้างคนมาช่วยปลูกมากเกินไป จากนั้นผมก็คิดค้นวิธีการปลูกโดยจ้างรถไถขุดหัวมันมาวิ่งยกร่องให้ โดยใช้ผานไถมาช่วยยกร่องให้พอดีต่อความลึกที่ปลูก วิธีการปลูกแบบนี้จะได้หลุมที่มีขนาดและระยะห่างมาตรฐานเท่ากัน การใช้ผานไถยังช่วยให้ประหยัดเวลาเพียง 20 นาที รถไถก็สามารถทำเสร็จได้ 1 ไร่ จากนั้นใช้ขี้วัวแห้งโรยในร่องแล้วค่อยลงหน่อกล้วยปลูก ส่วนระบบน้ำทำเป็นระบบน้ำหยดวางยาวแต่ละแปลง ส่วนขี้วัวจะเป็นปุ๋ยอย่างดี เมื่อโดนน้ำจากน้ำหยด กล้วยจะดูดซึมนำไปหล่อเลี้ยงได้ดีกว่าระบบสปริงเกลอร์ ซึ่งเป็นระบบที่ให้น้ำมากเกินไป และเป็นการชะล้างปุ๋ยทิ้งไปมากกว่า การใส่ปุ๋ยผมจะให้เดือนละครั้งในปริมาณไม่มากนัก 3 เดือนแรก ใช้ปุ๋ยสูตร 40-0-0 หรือปุ๋ยยูเรีย ที่ใช้ในปริมาณที่น้อย เฉลี่ยปลูก 900 ต้น ใช้ปุ๋ยประมาณ 1 กระสอบ เท่านั้นเอง จนกระทั่งเข้าสู่เดือนที่ 4 ถึงเดือนที่ 7 จึงเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 15-15-15 หลังจากนั้นจะหยุดการใส่ปุ๋ยเคมี เพราะจะทำให้ผลกล้วยแตกได้ แต่ผมจะให้ปุ๋ยคอกเสริมในช่วงเดือนที่ 4-6 จากนั้นเมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนที่ 7 จะใส่แกลบหว่านรอบโคนต้น ซึ่งจะช่วยทำให้ดินร่วนซุยดีขึ้น จนกระทั่งในเดือนที่ 6 ต้นกล้วยจะเริ่มตกปลี ในช่วงนี้ผมจะทำการเด็ดปลีทิ้งเพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้กับผลกล้วยมีมากยิ่งขึ้น” คุณเอกลักษณ์กล่าวถึงเคล็ดลับที่ตัวเองได้เรียนรู้และลงมือทำจนสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองจนมาถึงปัจจุบัน

หากจะพูดถึงลักษณะประเภทกล้วยที่คุณเอกลักษณ์นำมาปลูก จะปลูกควบคู่กัน คือ กล้วยหอม และกล้วยคาเวนดิช โดยมีเทคนิคที่มีลักษณะที่แตกต่างจากคนอื่น คือ ให้เหลือหวีปลายสุดท้าย (หวีล่างสุดที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ที่มีลูกแค่ 1-3 ลูก) เหลือค้างปลีเอาไว้ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นตัวช่วยล่อเชื้อราเข้ามากัดกินแทน ก่อนที่เชื้อราจะเข้าลุกลามทำลายต้นกล้วยและหวีอื่นๆ ที่อยู่ข้างบนได้อีกด้วย วิธีการดังกล่าวคุณเอกลักษณ์ได้ทดลองทำ และถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ หลังจากที่คุณเอกลักษณ์ทำการเด็ดปลีออกก็จะห่อหุ้มด้วยถุงกันแสงยูวี จากนั้นให้นับไปอีกประมาณ 65 วัน ก็สามารถทำการเก็บผลผลิตได้ตามกำหนดสายพันธุ์ของกล้วยหอมทองนั่นเอง

5.กล้วยหอมทองที่พร้อมเก็บได้
5.กล้วยหอมทองที่พร้อมเก็บได้

การเก็บเกี่ยวผลผลิตกล้วยหอมทอง

เมื่อถามถึงการเก็บผลผลิตเพื่อทำการจัดจำหน่าย คุณเอกลักษณ์กล่าวว่า น้ำหนักกล้วยหอมทองเก็บเกี่ยวผลผลิตอยู่ที่ 1.9 กิโลกรัม/หวี ซึ่งเป็นน้ำหนักที่ตลาดมีความต้องการซื้อในปริมาณมาก ราคาซื้อ-ขายสามารถจำแนกออกเป็น 3 เกรดหลักๆ คือ เกรด A, เกรด B และกล้วยตกเกรด ราคาซื้อขายหน้าสวนอยู่ที่ 20-30 บาท จนถึงราคาต่ำสุด คือ 5 บาท/กก. ตามลำดับ ทั้งนี้ราคาซื้อขายในตลาดจะซื้อ-ขายเป็นกิโลกรัม

ยกตัวอย่างเช่น ราคาขายกล้วยน้ำหนักที่ 1.9 กก.ขึ้นไป ราคา 30 บาท ถือว่าเป็นราคาส่งขายหน้าสวนให้กับ Sub-Contact ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่ส่งขายให้กับ “บริษัท ซีพี” อีกทอดหนึ่ง เมื่อถามถึงราคาซื้อ-ขายที่ตกลงกันไว้ในช่วงที่ผ่านมา คุณเอกลักษณ์เผยว่าเป็นราคาที่น่าพอใจ และถือว่าเป็นการช่วยลดความเสี่ยงให้กับตนได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งหาตลาด หรือส่งผลผลิตให้กับลูกค้าด้วยตัวเอง ในบางครั้งเชื่อว่าอาจจะเก็บเงินกับลูกค้าไม่ได้เลยก็เป็นได้

6.ปลูกกล้วยหอมทอง รอจำหน่ายผลผลิต
6.ปลูกกล้วยหอมทอง รอจำหน่ายผลผลิต

การจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกล้วยอำเภอพุแค จังหวัดสระบุรี

นั่นก็คือภาพรวมทั้งหมดทางด้านการปลูกกล้วยของชายหนุ่มที่ชื่อ เอกลักษณ์ ด้วยบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบไปทางด้านการเสาะแสวงหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อนำมาทดลองใช้ภายในสวนของตัวเองจนเกิดผล หากจะฉายภาพทางด้านบทบาทการรวมตัวทำเป็น “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกล้วยอำเภอพุแค จังหวัดสระบุรี” ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานอยู่ในขณะนี้ และมีส่วนร่วมอย่างโดดเด่นทางด้านหาทางช่วยเหลือแบ่งเบาภาระทางด้านการตลาดให้กับตัวเองและกลุ่มฯ ด้วยเช่นกัน

บทสรุปที่เห็นพ้องต้องกันก็คือ การส่งตัวแทนเข้าไปศึกษาเรียนรู้การทำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยเพื่อส่งขายในนามกลุ่ม วัตถุประสงค์ก็คือ การนำผลผลิตกล้วยของสมาชิกภายในกลุ่มมาแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์จัดจำหน่าย ถือว่าเป็นการสร้างรายได้ที่ดีอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน แต่ละคนในภายในกลุ่มก็เห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งทางด้านการระบายผลผลิตกล้วยออกสู่ตลาดจนเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะทำเป็นผลิตภัณฑ์ขนมแปรรูปที่แตกต่างตามค่านิยมผู้บริโภควัยรุ่นที่คลั่งไคล้ในไอดอลเกาหลีอยู่ในขณะนี้

โฆษณา
AP Chemical Thailand

นอกจากนี้ด้วยความชัดเจนในบทบาทหน้าที่และความตั้งใจจริงในการทำสวนของคุณเอกลักษณ์ เขาได้รับโอกาสการคัดเลือกตัวจาก “สำนักงานเกษตรจังหวัดสระบุรี” ให้เป็นตัวแทนของเกษตรกรทางด้านการทำสวนดีเด่นของจังหวัดไปแข่งขันกับเกษตรกรทำสวนที่โดดเด่นจากจังหวัดอื่นๆ ที่ส่งตัวแทนมาช่วงชิงเช่นกัน

เมื่อผลการคัดเลือกออกมาได้อันดับหนึ่ง เป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ พร้อมได้รับพระราชทานประกาศนียบัตรจาก “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ซึ่ง “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ได้จัดขึ้นใน “วันพืชมงคล” ปีหน้าที่จะถึงนี้ นั่นก็คือ รูปธรรมที่มีให้เห็นจากการปฏิบัติและลงมือทำอย่างตั้งใจของเกษตรกรรุ่นใหม่คนนี้  ผลจากการพิจารณาการคัดเลือกจะออกมาอย่างไร  ตัวเขาเองไม่ได้ให้ความสำคัญมากมายนัก เพราะคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กรุ่นใหม่ มีประสบการณ์ทางด้านการทำสวนน้อยกว่าอีกหลายๆ คน ที่โดนคัดเลือกมาจากจังหวัดอื่นนั่นเอง

7.ผลผลิตกล้วยหอมทองพร้อมส่งลูกค้า
7.ผลผลิตกล้วยหอมทองพร้อมส่งลูกค้า

ฝากแง่คิดให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกล้วย

ท้ายที่สุด…คุณเอกลักษณ์ได้ฝากแง่คิดให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยว่า ปัจจุบันการ ปลูกกล้วยหอมทอง ยังไปได้ดีและสม่ำเสมอ ทั้งในเรื่องของการดูแล และช่องทางทางด้านการตลาด ปัญหาที่เกิดขึ้นตนพยายามหาทางแก้ไขให้ได้อย่างถูกต้องและลุล่วงไปด้วยดี สำหรับท่านเกษตรกรที่คิดจะปลูก “กล้วยคาเวนดิช” ควรศึกษาหาความรู้อย่างรอบด้านของสายพันธุ์ ศึกษาวิธีการปลูกให้มีความรู้ ความเข้าใจ อย่างถูกต้อง ขณะเดียวกันทางด้านการตลาดต้องเรียนรู้ว่าตลาดในประเทศและต่างประเทศต้องการขนาดผลผลิตเป็นอย่างไร

ที่สำคัญควรหาตลาดรองรับที่มีความแน่นอน เพราะกล้วยชนิดนี้มีความเสี่ยงมากกว่า “กล้วยหอมทอง” พอสมควร สิ่งสำคัญที่สุดเกษตรกรผู้ปลูกควรยึดหลักความซื่อสัตย์ มีความจริงใจให้กับลูกค้าอย่างถูกต้อง และตรงไปตรงมา สิ่งนี้คือตัวชี้วัดให้กับลูกค้า สร้างจิตสำนึกทางด้านการซื้อ-ขายกันอย่างยั่งยืนและมั่นคงต่อไปในอนาคตได้อย่างแน่นอน…

อ้างอิง : นิตยสารเมืองไม้ผล ฉบับที่ 211