การ ปลูกต้นโกโก้
หากจะย้อนไปค้นหาที่มาของพืชเศรษฐกิจ “โกโก้” (Cocoa) ณ วันนี้เชื่อว่าเกษตรกรหลายๆ คนคงไม่ค่อยคุ้นและรู้จักกันมากมายนัก โกโก้เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดกลาง เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่เขตร้อน และมีร่มเงาบดบัง ในอดีตคนได้พบเจอในป่าลุ่มแม่น้ำอเมซอนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จนนำมาคิดค้นประกอบทำเป็นช็อกโกแลต
ลักษณะลำต้นมีความสูงไม่เกิน 30 ฟุต เจริญเติบโตได้ดีในลักษณะภูมิอากาศของประเทศเขตร้อนชื้น ตั้งแต่ประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตศูนย์สูตรจนถึงประเทศที่มีอุณหภูมิระหว่าง 15-30 องศาเซลเซียส เช่น ประเทศในแถบเส้นรุ้งที่ 20 องศา เหนือบริเวณตอนใต้ของประเทศจีน หรือสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,000 เมตร ในโคลัมเบีย และประเทศก็จัดอยู่ในเขตเส้นรุ้งที่ 20 องศา ใต้ซึ่งเหมาะสมต่อการปลูกโกโก้ด้วยเช่นกัน
โดยลักษณะของโกโก้มีความต้องการปริมาณน้ำฝนที่สม่ำเสมอตลอดปี ในอัตราระหว่าง 1,000-3,000 มิลลิเมตรต่อปี แต่อัตราที่เหมาะสมควรอยู่ในช่วง 1,500-2,000 มิลลิเมตรต่อปี สำหรับฤดูแล้งเขาสามารถทนได้ติดต่อกันนานเกิน 3 เดือน หรือสามารถอยู่ได้ถึง 3-5 เดือน ในกรณีที่ควรมีการให้น้ำช่วยบ้าง
สภาพพื้นที่ปลูกต้นโกโก้
ทางด้านผลกระทบทางด้านแสงแดดโดยธรรมชาติของโกโก้จะไม่ต้องการแสงแดดมากนัก จากการสังเกตลักษณะพฤติกรรมทางด้านการเจริญเติบโต เขามักอาศัยร่มเงาจากร่มไม้อื่นก่อนในช่วงขนาดต้นยังเล็ก ซึ่งต้องการแสงประมาณ 30% หากเมื่ออายุการเจริญเติบโตต้นมากขึ้นก็ต้องการแสงมากขึ้นที่ประมาณ 70% และเมื่อต้นโกโก้เจริญเติบโตเต็มที่ มีใบปกคลุม ต้นหนา เขาสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแสงแดดที่จัดได้
โดยรวมความต้องการแสงของโกโก้ต้องการปริมาณของแสงแดดในการเจริญเติบโตทั้งปี ในอัตรา 1,110-2,700 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นดินปลูกจะต้องมีความอุดมสมบูรณ์ หรือมีการให้ปุ๋ยอย่างพอเพียงด้วยเช่นกัน และมีค่า pH ก่อนการ ปลูกต้นโกโก้ เกษตรกรต้องทราบและเข้าใจว่าโกโก้จะเจริญได้ดีที่ค่า pH 6.5 อีกทั้งยังเข้าใจว่าโกโก้สามารถทนได้ดีในชั้นดินที่เป็นกรดมากๆ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้โกโก้ยังเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีหน้าดินลึกไม่เกิน 1 เมตร ระดับน้ำใต้ดินไม่ควรต่ำกว่า 90 ซม. สำหรับเกษตรกรที่ต้องการทราบว่าพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังสามารถปลูกได้หรือไม่ จากงานวิจัยก็ทำให้ทราบว่าเขาสามารถทนต่อสภาพน้ำท่วมได้นานถึง 5 เดือน เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำว่าสำหรับเกษตรกรที่จะปลูกในพื้นที่ปลูกใหม่ควรคำนึงถึงจุลินทรีย์ในดินมีหรือไม่ หรือท่านอาจจะปล่อยเชื้อจุลินทรีย์ “ไมโครริชซ่า” (Mycorrhiza) ลงในดิน เพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์ของดินให้มีมากขึ้น
สำหรับเกษตรกรที่เก็บผลผลิตแล้ว เปลือกที่แกะเอาเม็ดออกแล้วท่านสามารถนำไปทำเป็นวัสดุคลุมหน้าดินที่โคนต้นได้เลย ซึ่งถือว่าเป็นการคืนธาตุอาหารให้แก่ดินได้เป็นอย่างดี เพราะเปลือกโกโก้หนัก 1 ตัน มีธาตุไนโตรเจนอยู่ประมาณ 20 กิโลกรัม มีธาตุฟอสฟอรัสประมาณ 4 กิโลกรัม และธาตุโปรแตสเซียม 10 กิโลกรัม
สรรพคุณและประโยชน์ของโกโก้
หากจะถามถึงคุณประโยชน์ของโกโก้ต้องยอมรับว่าเป็นไม้ผลที่ต้องนำเอาเม็ดไปใช้ประโยชน์ทางด้านเครื่องดื่มที่คนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาค้นพบ และนิยมทำดื่มกันตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงทวีปอเมริกาใต้ ต่อมาเริ่มแพร่หลายกระจายไปทางทวีปยุโรป หลังจากนั้นโกโก้ก็ได้รับการพัฒนาทำเป็นเครื่องดื่ม“ช็อกโกแลต”เกิดขึ้นทางทวีปฝั่งตะวันตก
ในขณะที่น้ำโกโก้ยังคงได้รับความนิยมอยู่แต่ไม่มากเท่าไหร่นัก จากงานวิจัยศึกษาและค้นคว้าก็ทำให้ทราบว่าโกโก้เป็นพืชที่จัดอยู่ในหมวดของพืชตระกูลถั่ว มีสรรพคุณทางด้านยา และคุณประโยชน์ทางด้านสารอาหารที่สำคัญยิ่งต่อร่างกาย
และสิ่งที่น่าสนใจอย่างน่าทึ่งของโกโก้ก็ คือ มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเรียกว่าสาร “โพลีฟีนอลล์” สารตัวนี้พืชผลิตขึ้นมาเพื่อป้องกันเชลล์ตัวเองตายก่อนในสิ่งที่ควรจะเป็น ในร่างกายของมนุษย์จะมีปฏิกิริยาทำลายเซลล์ของตัวเองโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายแสดงออกทางด้านความแก่นั่นเอง สำหรับโกโก้จะมีสารที่สามารถยับยั้งการทำปฏิกิริยาดังกล่าวหรือสารชะลอการตายของเซลล์ หรือสารชะลอความแก่ได้ดี
นอกจากนี้โกโก้ยังมีสารต้านการอักเสบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อระบบไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังป้องกันการเกิดภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือดแดงทั่วทั้งร่างกาย ส่งผลดีต่อระบบการไหลเวียนโลหิตที่สะดวกมากยิ่งขึ้น ลดการเกิดโรคหัวใจ และโรคอัมพฤษ์ อัมพาต ลดการไอ หืด หอบ และป้องกันการทำให้เกิดโรคมะเร็ง
อีกทั้งยังทำให้สมองหลั่งสารเคมี “โดปามีน” และ “เซโรโทนิน” ซึ่งเป็นสารที่หลั่งออกมาแล้วส่งผลทำให้คนที่ดื่มมีความสุข และลดอาการซึมเศร้าของคนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้โกโก้ยังส่งผลดีทางด้านความทรงจำที่ดีขึ้น อีกทั้งสารคาเฟอีนและธีโอโบรมีนในโกโก้ยังช่วยกระตุ้นสมองส่วนกลาง และป้องกันการตายของเซลล์สมองได้อีกด้วย
การจัดทำโครงการปลูกโกโก้
บริษัท พีซีเอฟ เทค ฟาร์ม จำกัด เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ดำเนินกิจการทางด้านการเกษตรมา 2 ปี กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดแรกที่ทำการส่งออก หากจะถามถึงวงการโกโก้ในประเทศไทยถือว่าเป็นพืชที่ทำกันมานานถึง 40 ปี แต่ก็ยังไม่หวือหวาทางด้านการซื้อ-ขายเท่าใดนัก ปัจจุบันบทบาททางด้านการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกของบริษัทนี้ถือว่ามาถูกทาง และเริ่มต้นทำสัญญารับประกันการรับซื้อผลผลิตโกโก้ให้กับเกษตรกรมาแล้ว 2 ปี ในโครงการ “ ปลูกต้นโกโก้ พืชเศรษฐกิจเพื่อการส่งออก”
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน และส่งเสริมให้เกษตรกรลดสารเคมีในการเพาะปลูกอย่างแท้จริง การสนับสนุนสิ่งที่จะได้รับของเกษตรกรก็คือ ต้นพันธุ์โกโก้ 177 ต้น/ไร่ นวัตกรรมสารอุ้มน้ำที่นำเข้ามาจากประเทศเม็กซิโก 1 ชุด สารรองพื้น 1 ชุด และฮอร์โมน 4 สูตร 1 ชุด
ปัจจุบันการให้บริการแก่สมาชิกของโครงการที่กระจายอยู่ตามสาขาทางภาคกลางที่มีเกษตรกรชาวจังหวัดสระบุรีได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกตั้งแต่เริ่มแรกซึ่งต้นโกโก้กำลังให้ผลผลิตอยู่ในขณะนี้ ส่วนภาคเหนือสาขาตั้งอยู่ 2 จังหวัด คือ ที่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ ภาคกลางที่จังหวัดพิจิตร ที่กำลังตระเตรียมโรงเก็บผลผลิต และตาชั่ง ไว้รองรับให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเพื่อไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
ส่วนทางภาคอีสานเจ้าหน้าที่ของบริษัท หรือที่เรียกว่า “เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ” มีหน้าที่ตรวจแปลงและเก็บข้อมูลให้คำแนะนำทุก 4 เดือน จนครบ 1 ปี “ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยฮอทไลน์” คือ หน่วยช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นสมาชิกที่จะเดินทางไปถึงไร่ของสมาชิกภายใน 48 ชั่วโมง อันเนื่องมาจากเกิดเหตุ เช่น แมลงลง หรือต้นตาย โดยไม่ทราบสาเหตุในจำนวนมาก หน่วยฮอทไลน์จะลงพื้นที่ตรวจสอบและแก้ไข ช่วยเหลือเกษตรกร ได้ส่งเสริมและสนับสนุนอยู่ทั่วทุกพื้นที่ที่เข้าไปให้คำแนะนำซึ่งมีทั้งหมด 20 คน ปัจจุบันในโครงการมีสมาชิกเข้าร่วมทั้งหมดทั่วประเทศ 2,800 คน และมีพื้นที่คงเหลือไว้รองรับให้กับเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการอยู่ในขณะนี้ทั้งหมด 115 ไร่ ด้วยกัน
อีกเงื่อนไขและข้อเสนอหนึ่งที่เอื้ออำนวยให้กับเกษตรกรทางด้านการลงทุนก็คือ การชำระเงินลงทุนที่โครงการได้กำหนดไว้ทั้งหมด 24,000 บาท/ไร่ ทั้งนี้บริษัทเล็งเห็นว่าเป็นวงเงินที่มากสำหรับเกษตรกรที่มีเงินน้อย บริษัทจึงเปิดโอกาสให้เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการได้รับสิทธิพิเศษในระบบกู้ร่วม 40% จากยอดทั้งหมดก็คือ 9,600 บาท/ไร่ โดยการหักออกจากยอด 24,000 บาท/ไร่ นั่นก็แสดงว่าเกษตรกรผู้เข้าโครงการจะต้องจ่ายค่าเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 14,400 บาท/ไร่ พร้อมกับทำบัตรสมาชิกที่ระบุหมายเลขแปลงเข้าไปด้วยเพื่อการรีเช็คกับผลผลิตของสมาชิก ซึ่งมีความสำคัญทางด้านการตรวจสอบว่าแปลงนั้นได้ทำการปลูกแบบปลอดสารจริงหรือไม่นั่นเอง
ส่วนระยะเวลาในสัญญารับซื้อได้กำหนดไว้ที่ 5 ปี ในแต่ละครั้งของปีที่ขายผลผลิต บริษัทที่ดูแลโครงการจะหักเงินจนครบวงเงินที่เข้าระบบกู้ร่วมไป หลังจากครบสัญญาซื้อขายสมาชิกจะขายผลผลิตให้กับบริษัทต่อไปหรือไม่ก็ได้ สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ บริษัทได้กำหนดพื้นที่ปลูกไว้ตั้งแต่ 3ไร่ ถึงจะเข้าเกณฑ์ในระบบกู้ร่วม หากเกษตรกรท่านใดมีความประสงค์ทำในพื้นที่มากกว่านั้น ทางบริษัทก็กำหนดให้ทำไม่เกิน 5 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่กำลังพอดีทางด้านการดูแลของเจ้าของสวนนั่นเอง
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายผลผลิตโกโก้
“ธุรกิจของบริษัทดำเนินการส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจตามโครงการที่ได้กำหนดไว้ โดยการจัดการขั้นเริ่มต้น บริษัทเราได้รับโควตารับซื้อผลผลิตโกโก้มาจากประเทศอินโดนีเซียที่รับช่วงมาจากประเทศตุรกีทั้งหมด 1,800 ไร่ หรือกำหนดวัตถุดิบที่รับซื้อทั้งหมดประมาณ 3,000 ตัน/ปี ลักษณะการดำเนินงานของบริษัทจะทำตามโควตา
หากไม่ทำตามเกรงว่าผลผลิตออกมามากจะทำให้ราคาผันผวน และทำให้เกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งก็ไม่ต่างจากยางพาราที่ปลูกแบบไม่มีขอบเขต ท้ายที่สุดผลผลิตออกมามาก ราคาก็ตกต่ำ สิ่งที่บริษัทเราเน้นและส่งเสริมให้กับเกษตรกรก็คือ ลดต้นทุน สร้างรายได้เกิดขึ้นให้สมาชิกเป็นประจำ ที่เริ่มตั้งแต่สร้างรายได้รายวัน รายอาทิตย์ และรายปี ซึ่งเป็นนโยบายของบริษัทที่จะให้เกษตรกรมีรายได้ไม่ขาด ปลูกพืชเสริมระยะสั้นอะไรก็ได้ และบริษัทต้องการหาตลาดให้สมาชิก ปลูกถั่ว ดาวเรือง มันเทศ เป็นรายได้ของสมาชิก เพื่อรอผลผลิตของโกโก้ บริษัทพร้อมหาตลาดให้โดยไม่ผ่านบริษัท ให้ซื้อขายกันโดยตรงกับผู้ซื้อ”
คุณวัชนันภัทร์ ยุวพลพันธ์ ประธานบริษัท พีซีเอฟ เทค ฟาร์ม จำกัด
เป็นคำกล่าวของ “คุณวัชนันภัทร์ ยุวพลพันธ์” หรือที่คนรู้จักในชื่อ คุณพี นักธุรกิจสายเลือดอีสานที่เติบใหญ่มาทางแถบชายฝั่งแม่น้ำโขง จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นจังหวัดใหม่ล่าสุดของประเทศไทยที่โด่งดังทางด้านประเพณีดูบั้งไฟพญานาคในช่วงวันออกพรรษาที่จะถึงนี้ คุณพีเรียนจบมาทางด้านช่างที่จังหวัดอุดรธานี หลังจากนั้นได้ผันตัวเองไปเรียนที่มหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลพระจอมเกล้าลาดกระบัง ทางด้านเครื่องจักรกล หลังจากเรียนจบเขามีโอกาสได้เข้าไปทำงานที่รัฐโคโดราโด้ ประเทศสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งเกิดการอิ่มตัวเลยลาออกมาทำโรงงานผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรเป็นของตัวเอง
และเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา คุณพีได้มีโอกาสรู้จักกับท่านนายกสมาคมผู้ปลูกกาแฟที่จังหวัดชุมพร ซึ่งท่านได้แนะนำให้เขานำกาแฟไปปลูกที่ภาคอีสานลองดู และเขาก็ได้ลงมือทำตามคำแนะนำ ผลปรากฏว่าขณะนี้กาแฟภาคอีสานสามารถปลูกได้ดี และเจริญงอกงามอย่างไม่อายจังหวัดทางภาคเหนือและภาคใต้ก็ว่าได้ หลังจากนั้นคุณพีได้ทำการค้ากาแฟกับประเทศสิงคโปร์โดยการแนะนำตลาดจากนายกสมาคมกาแฟที่ชุมพร และได้ทำการค้าขายกับต่างประเทศ จนสามารถสร้างไมตรีที่ดีต่อกัน
จนเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าต่างประเทศที่เคยค้าขายได้เสนอและสอบถามมาว่าสามารถผลิตและส่งโกโก้ไปให้บริษัทแม่ (ตุรกี) ได้หรือไม่ ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของจุดเริ่มต้นการทำโครงการ ปลูกต้นโกโก้ เพื่อการส่งออก ก่อนหน้านั้นเขาเองนำโกโก้มาทดลองปลูกเก็บข้อมูลความเป็นไปได้ทั่วทุกภาคอยู่ 2 ปี จนมั่นใจและเริ่มส่งเสริมทำโครงการ ปลูกต้นโกโก้ เพื่อการส่งออกอย่างจริงเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
พร้อมกับทำควบคู่พืชเศรษฐกิจสองชนิด คือ ดีปลี และพริกไทย ซึ่งหน่วยงานราชการก็ให้การรับรองในด้านจดทะเบียนเกษตรพันธะสัญญาอย่างถูกต้องตามกฎหมายของกระทรวงเกษตร และกระทรวงพาณิชย์
สายพันธุ์โกโก้
นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้โครงการส่งออกโกโก้ครั้งแรก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากทางด้านการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเขาก็ได้ทำธุรกิจที่ดีต่อกันเรื่อยมา จนกระทั่งได้รับโอกาสให้รับออเดอร์นำเมล็ดโกโก้สายพันธุ์ PA7 และ NA 32 ที่เพาะเมล็ดโกโก้ที่กำลังงอกส่งมาให้เดือนละ 10,000 ต้น
หลังจากนั้นบริษัทได้ทำการย้ายเมล็ดโกโก้ที่กำลังงอกมาลงถุง และทำการดูแลต่อไปอีก 6-8 เดือนโดยการให้ความสำคัญทางด้านการดูแลเป็นอย่างดีของนักวิชาการของบริษัทที่เข้ามาจัดการในเรื่องนี้โดยเฉพาะ จากนั้นจะนำไปให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกปลูกลงดินเชิงซ้อน และเชิงเดี่ยว ขึ้นอยู่กับสถานที่ของสมาชิก ซึ่งเป็นลักษณะการปลูกที่สร้างรายได้ ขณะที่รอผลผลิตโกโก้ออกช่วงที่เขาอายุได้ 1 ปี กับอีก 6 เดือน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้เป็นรุ่นแรกแต่ไม่มากมายนัก
การเก็บเกี่ยวผลผลิตโกโก้
จนกระทั่งอายุลำต้นครบ 2 ปี หรือเข้าปีที่ 3 ต้นโกโก้จึงจะให้ผลผลิตออกมามากตามมาตรฐานสายพันธุ์ อีกทั้งยังให้ผลผลิตนานถึง 30 ปีทีเดียว กับความกระจ่างที่ว่าทำไมบริษัทถึงได้กำหนดระยะเวลาในการใช้ต้นพันธุ์ที่มีอายุ 6-8 เดือน ก็ได้รับคำตอบจากคุณพีว่าหากทำการปลูกก่อนอายุ 6 เดือน ทางด้านพฤกษศาสตร์ของสายพันธุ์ถือว่าระบบรากยังอ่อนแอ ทำให้ประสิทธิภาพการหาอาหารเลี้ยงลำต้นไม่เต็มที่
หรือถ้านำต้นพันธุ์ที่มีอายุมากกว่า 8 เดือน ระบบรากแก่เกินไปจะทำให้ติดยากยิ่งขึ้น หากเกษตรกรทำตามคำแนะนำก็จะได้รับผลตอบแทนตรงตามคุณสมบัติของสายพันธุ์ก็คือ เมล็ดโต มีกลิ่นหอมแรง ผลผลิตออกดกทั้งปี ทนทานต่อโรค และความแห้งแล้ง เป็นพิเศษ
คุณลุงบัว สักบุตร ปลูกต้นโกโก้ จ.นครราชสีมา
ขณะเดียวกัน “เมืองไม้ผล&พืชสุขภาพ” ได้สอบถาม “ลุงบัว สักบุตร” อยู่ที่บ้านสระว่านพญา อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา โทร.087-964-1220 ซึ่งลุงได้ตอบด้วยความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการ ปลูกต้นโกโก้ เพื่อการส่งออกในครั้งนี้ ด้วยความรู้สึกส่วนลึกลุงได้ถ่ายทอดออกมาทางบุคลิกลักษณะที่ไร้ข้อกังวล และมั่นใจกับการเข้าร่วมในโครงการของบริษัทครั้งนี้เป็นครั้งแรก
ก็เริ่มจากการปลูกกาแฟมาก่อน ถึงแม้ผลผลิตจะยังไม่เห็นผล แต่ลุงก็มั่นใจทางด้านการตลาดที่มีผู้มารับซื้ออย่างแน่นอน เพราะบริษัทส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการเข้ามาดูแลตลอดตามกำหนดระยะเวลา สำหรับโกโก้ลุงได้เข้าร่วมในโครงการปลูกทั้งหมด 4 ไร่ โดยทำการปลูกต้นดอกดาวเรือง ต้นมะลิ และต้นทุเรียน แซม เพื่อให้ได้ผลผลิตนำไปขายในระยะเวลาที่สั้นและยาว พร้อมทำเงินได้เร็วกว่า สำหรับโกโก้ที่สวนของคุณลุงตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงปัจจุบันอายุได้ 10 เดือน เหลือเวลาให้ลูกเพียง 8 เดือน เท่านั้น อย่างไรก็ดีระยะเวลาการให้ผล บางต้นอาจจะให้ลูกก่อน 1 ปี 6 เดือน แต่ลุงบัวจะทำการตัดลูกทิ้ง เพราะจะส่งผลถึงสภาพความสมบูรณ์ของลำต้นยังไม่ดีพอนั่นเอง
จากการฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งเสริม ลุงบัวบอกว่าก็ได้แต่รอลุ้นผลผลิตที่จะออกมาว่าจะเป็นดั่งคำกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่หรือไม่ โดยเฉพาะทางด้านราคาซื้อขายในปัจจุบันอยู่ที่ 9.10 บาท แต่ราคาประกันโครงการจะกำหนดไว้ที่ 3 บาท/กิโลกรัม แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นราคาขึ้น-ลงก็ขึ้นอยู่กับเพดานราคาตลาดโลกที่สามารถผันแปรได้ในแต่ละวัน
วิธีการปลูก
สำหรับวิธีการปลูกลุงจะทำการเตรียมดินตากแดดไว้ก่อน หลังจากนั้นก็จะทำการขุดหลุมปลูกที่ความกว้างxยาว 30×30 ซม. กำหนดระยะห่างของลำต้น 3×3 เมตร ก่อนทำการปลูกจะใช้ปุ๋ยคอกรองก้นหลุมตามด้วยสารรองพื้นและสารอุ้มน้ำที่โครงการนำมาให้ใช้ ซึ่งก่อนปลูกจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการของบริษัทมาสาธิตวิธีการปลูกให้ทุกขั้นตอน วิธีการ ปลูกต้นโกโก้ ลุงบอกว่าทำได้ง่าย และไม่ยุ่งยาก ถ้าเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น
สำหรับการดูแลรักษาจะขจัดเศษพืชจำพวกหญ้าที่โคนต้นออกให้หมด เพราะหญ้าเป็นตัวการสำคัญที่จะเข้าไปแย่งอาหาร หลังจากนั้นเมื่ออายุโกโก้ได้ 1 เดือน หลังจากปลูก จะให้ฮอร์โมนสูตร 1, 2, 3, 4 จนครบ 1 ปี ซึ่งบริษัทจะจัดมาให้ใส่บำรุงต้นตามโปรแกรม และเอกสารคู่มือที่จัดไว้ให้ ใส่ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี สูตร 1 จะใช้เพื่อการบำรุงต้น สูตร 2 จะใช้สำหรับการบำรุงใบ เร่งการแตกยอด สูตร 3 จะช่วยในการเร่งให้ลำต้นแตกตาดอก และสูตร 4 บำรุงดอกให้มีความสมบูรณ์และแข็งแรง
คุณอำพร สมบูรณ์ ปลูกปาล์มน้ำมัน เงาะ และโกโก้ จ.จันทบุรี
หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา “เมืองไม้ผล&พืชสุขภาพ” ได้ตอบรับการนัดหมายจาก คุณวัชนันภัทร์ หรือคุณพี ประธานบริษัท พีซีเอฟ เทค ฟาร์ม จำกัด เพื่อเข้าไปชมสวนโกโก้ที่ปลูกมาตั้งแต่ปี 2553 ถึงผลตอบแทนที่ได้รับหลังจากเก็บผลผลิตในแต่ละปีเป็นอย่างไรบ้าง คุณอำพร สมบูรณ์ ที่อยู่ 39/6 หมู่ 1 ตำบลวังใหม่ อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี เจ้าของสวนที่มีพื้นที่ 20 กว่าไร่ ที่ปลูกปาล์มน้ำมันเป็นส่วนมาก ตามด้วยเงาะโรงเรียน เงาะสีทอง และโกโก้ ซึ่งเป็นไม้ผลแกะเมล็ดตัวใหม่ที่ปลูกไว้ในสวน 200 กว่าต้น ถือเป็นพืชที่ทำรายได้ให้กับคุณอำพรได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญเป็นพืชที่ทำการดูแลน้อย สามารถหวังผลจนสร้างความประทับใจในผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อการลงทุน
“โกโก้ในปีนี้ให้ผลผลิตมากกว่าปีที่แล้ว ประกอบกับราคาที่บริษัท พีซีเอฟฯ ที่เข้ามารับซื้อจะให้ราคาดีกว่าหลายๆ บริษัท โกโก้เป็นไม้ผลเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมากทีเดียว โดยเฉพาะเป็นพืชที่ไม่สนใจต่อสภาพดินฟ้าอากาศว่าจะแปรปรวนอย่างไร เขาก็ให้ผลผลิตดี ซึ่งแตกต่างกับเงาะและทุเรียนที่ดูแลยากกว่า
เกษตรกรที่ปลูกโกโก้ถ้าให้ความสนใจเป็นอย่างดีเขาจะให้ลูกที่โต มีน้ำหนักดี เริ่มตั้งแต่น้ำหนักลูกละ 8 ขีด ถึง 1 กิโลกรัม ใน 200 ต้น ที่สวนเก็บแต่ละครั้งจะได้เงิน 3,500-4,000 บาท ต่ออาทิตย์ เดือนหนึ่งโกโก้ทำรายได้ให้ตั้งแต่ 10,000-16,000 บาท จุดประสงค์ในการปลูกโกโก้ก็เพื่อให้เป็นรายได้เสริมจากการขายผลผลิต
แต่พออายุเริ่มพอเหมาะต่อการให้ผลผลิตโกโก้กลับเป็นตัวหลักที่ทำรายได้ดีเกินความคาดหมาย เพราะเขาสามารถออกดอก และให้ผลผลิตตลอดทั้งปี ทางด้านปุ๋ยและยาที่จะนำมาให้ต้นโกโก้ก็เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญมากนัก ดังนั้นถ้ามีแหล่งรับซื้อทั้งปีเหมือนบริษัทคุณพี เชื่อว่าน่าจะเป็นรายได้ที่ดีให้กับชาวสวนได้เลย” คุณอำพรได้กล่าวฝากส่งท้ายทางด้านดีของโกโก้ที่สามารถสร้างเม็ดเงินให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ถ้ามีตลาดรับซื้อได้ตลอดปี คุณพีในนามประธานบริษัทได้การันตีทางด้านการรับซื้อว่า “เรารับซื้อไม่อั้นตลอดปีอย่างแน่นอนสำหรับคนที่เป็นสมาชิก เพราะจะควบคุมเรื่องสารเคมีได้ง่ายกว่าคนที่ไม่เป็นสมาชิก”
คุณหมอมณี และคุณวิเชียร ปลูกโกโก้ จ.นครราชสีมา
จากนั้นกลุ่มผู้ปลูกโกโก้อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ที่มีสมาชิกภายในกลุ่ม 7 คน รวมพื้นที่ปลูกทั้งหมดภายในกลุ่ม 10 ไร่ “คุณหมอมณี และคุณวิเชียร” อดีตนายช่างโยธาของกรมทางหลวง สองสามี-ภรรยาซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มได้เข้ามาชมสวน และกล่าวถึงความต้องการที่จะ ปลูกต้นโกโก้ ให้ฟังว่า ก่อนอื่นทางกลุ่มเราต้องยอมรับทางด้านตลาดรับซื้อที่ชัดเจน บริษัท พีซีเอฟ เทค ฟาร์ม จำกัด ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรพันธะสัญญาและเอกสารการส่งออก ซึ่งก็เป็นตัวชี้วัดให้กับเราว่ามั่นใจกับบริษัทที่จะเข้ามารองรับผลผลิตที่ปลูกได้
นอกจากนี้ยังมั่นใจในเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา ปัจจุบันได้เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับปลูกโกโก้ 3 ไร่ ทางด้านต้นพันธุ์และวัสดุอุปกรณ์การปลูกทางบริษัทได้จัดเตรียมไว้ให้ครบสมบูรณ์ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการพร้อมดูแลและให้คำแนะนำตลอดเวลา
คุณอิทธิพล แสนแก้ว ปลูกโกโก้ จ.มหาสารคาม และคุณชัยวัฒน์ ชินหา
สำหรับเกษตรกรจากตำบลนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ที่เข้ามาดูงานในสวน 2 ท่าน โดยท่านแรกก็คือ “คุณอิทธิพล แสนแก้ว” ได้กล่าวถึงโครงการปลูกโกโก้เพื่อการส่งออกว่า ตนเป็นข้าราชการครูปลดเกษียณ ซึ่งมีอาชีพทำนาและทำสวนมะม่วงอยู่ก่อนแล้ว เมื่อถึงฤดูกาลเก็บผลผลิตมะม่วงจะออกสู่ตลาดมากเกินไป ทำให้ขายไม่ได้ราคา เมื่อไม่นานมานี้กลุ่มเกษตรกรอำเภอห้วยแถลงได้เข้ามาแนะนำให้ ปลูกต้นโกโก้ หลังจากรับฟังรายละเอียดก็ทำให้สนใจ โดยเฉพาะมีตลาดรับซื้อที่แน่นอน ต้นทุนการปลูกก็ไม่ยุ่งยาก และสามารถขายผลผลิตออกได้ตลอดทั้งปี
ที่ว่าได้ตั้งเป้าหมายการปลูกไว้ทั้งหมดกี่ไร่ ได้ให้ความชัดเจนว่าต้องการปลูกในพื้นที่ทั้งหมด 15 ไร่ ขณะนี้ได้ทำการปลูกไปแล้ว 1 เดือน ในพื้นที่ 1 ไร่ อีกท่านหนึ่งที่เป็นสมาชิกสภาเทศบาลคือ “คุณชัยวัฒน์ ชินหา” ได้กล่าวว่า ในส่วนของตนได้วางแผนไว้ว่าจะทำการปลูกในพื้นที่ 4 ไร่ ทั้งนี้ต้องรอผลผลิตข้าวแก่ได้อายุเกี่ยวออกให้หมดเสียก่อน หลังจากที่ได้เข้าชมสวนก็ทำให้สนใจการปลูกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทางด้านตลาดรับซื้อที่บริษัทรับประกันไว้เพื่อให้เกษตรกรมั่นใจมากยิ่งขึ้น
คุณพิษณุ วงศ์ษา และคุณสายฝน บุญทา ปลูกโกโก้ จ.ขอนแก่น
เกษตรกรอีกกลุ่มหนึ่งที่สนใจ ปลูกต้นโกโก้ ด้วยเช่นกันก็คือ เกษตรกรที่เดินทางมาจากบ้านห้วยซัน ตำบลแคนเหนือ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น โดย “คุณพิษณุ วงศ์ษา” และ “คุณสายฝน บุญทา” ได้กล่าวถึงการได้เข้ามาชมสวนว่า อาชีพเดิมของตนทำอาชีพค้าขาย แต่ก็เจออุปสรรคทางด้านรายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย
ต่อมาได้ทราบข่าวจากท่านประธาน บริษัท พีซีเอฟ เทค ฟาร์ม จำกัด ได้อธิบายให้ฟังถึงข้อดีของการ ปลูกต้นโกโก้ เพื่อการส่งออก ภายในกลุ่มเราได้รวมตัวกัน 15 คน และได้ลงมือทำการปลูกไปแล้ว 6 คน ในพื้นที่ทั้งหมด 7 ไร่
และนั่นก็คือภาพรวมทั้งหมดที่ “เมืองไม้ผล&พืชเศรษฐกิจ” ได้นำมาเสนอให้กับเกษตรกรทั่วประเทศที่สนใจ “โครงการปลูกโกโก้พืชเศรษฐกิจเพื่อการส่งออก”ได้ติดตามกันอย่างละเอียด ซึ่งเริ่มตั้งแต่การติดตามหน่วยฮอทไลน์ของบริษัทเพื่อเข้าไปชมและสัมภาษณ์เกษตรกรที่อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา และข้ามภาคไปที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อนำขบวนผู้สนใจ ปลูกต้นโกโก้ ที่นัดหมายเดินทางไปพร้อมกันเพื่อชมสวนโกโก้ที่ปลูกไว้กว่า 200 ต้น
รายรับที่เจ้าของสวนถือว่าเป็นรายได้เสริมในการเก็บแต่ละเดือนสูงถึง 16,000 บาท เลยทีเดียว อีกทั้งการดูแลรักษาก็ไม่ได้ยุ่งยากมากมายนัก
ฝากถึงเกษตรกรและผู้ที่สนใจโครงการ ปลูกต้นโกโก้
ท้ายที่สุด “คุณวัชนันภัทร์ ยุวพลพันธ์” ได้กล่าวส่งท้ายให้กับเกษตรกรที่สนใจโครงการ ปลูกต้นโกโก้ พืชเศรษฐกิจเพื่อการส่งออกไว้ว่า สำหรับเกษตรกรที่มีความสนใจ ปลูกต้นโกโก้ ก็ขอแนะนำเข้าไปศึกษาเรียนรู้ลักษณะการทำกิจการของบริษัทนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง
สำหรับบริษัท พีซีเอฟ เทค ฟาร์ม จำกัด ได้ดำเนินกิจการทางด้านการส่งออกอย่างเชื่อถือได้ ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงพาณิชย์ทางด้านการรับซื้อและจัดจำหน่ายไปยังต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตรทางด้านการส่งเสริมเกษตรกรอย่างถูกต้อง และตัดปัญหาทางด้านการหลอกลวงและหลบหนีอย่างแน่นอน
สำหรับเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อโดยตรงที่ บริษัท พีซีเอฟ เทค ฟาร์ม จำกัด 5/20 เปี่ยมสุขพลาซ่ามอลล์ ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา 30150 เบอร์โทรสำนักงาน 044-071126, 044-014334 หรือสอบถามรายละเอียดโดยตรงจาก คุณวัชนันภัทร์ ยุวพลพันธ์ โทร.093-456-6992
