ปลูกน้อยหน่า และองุ่น ปากช่อง ยังมีอนาคต ตลาดโต ทั้งในและนอกพร้อมรับซื้อ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

หากมีพร้อมด้วยทุนทรัพย์ และความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นที่ได้แน่ชัดแล้ว เมื่อได้นำไปปฏิบัติใช้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ซึ่งในขณะเดียวกันการปฏิบัติก็จะสามารถนำมาพัฒนาได้อย่างมีระบบแบบแผน หรือในโครงสร้าง ก็ยังทำให้เกิดผลดีได้ ทั้งด้านศักยภาพ ประสิทธิภาพ หรือคุณภาพ ที่จะเกิดขึ้นต่อตนเอง ปลูกน้อยหน่า

อย่างไรก็ตามผู้ที่มีความรู้ซึ่งได้เกิดขึ้นต่อเรื่องการเพาะปลูกในระบบพืชอย่างประเภทไม้ผลก็เช่นกัน จึงถือได้ว่าเป็นอาชีพที่สำคัญของเกษตรกร ในส่วนการบริหารจัดการพื้นที่ การเอาใจใส่ในเรื่องการเพาะปลูก ก็จะสามารถนำมาปรับใช้หรือพัฒนาได้อย่างเป็นระบบ และทันตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเฉพาะในเรื่องของสภาพแวดล้อมที่คอยควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ทั้งนี้ผลผลิตที่ออกมาจะได้ผลดีหรือไม่ดีก็มักจะเกิดขึ้นจากความรู้ ความเข้าใจ ดังกล่าว

1.คุณมิตรชาย เทพบุตร
1.คุณมิตรชาย เทพบุตร

การปลูกน้อยหน่า และองุ่น

คุณมิตรชาย เทพบุตร เกษตรกรผู้มากด้วยประสบการณ์ หรือมีองค์ความรู้เรื่องการปลูกพืชไม้ผลมากพอสมควร เล่าว่า เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมานั้น ได้ปลูกไม้ผลมาก็หลากหลายชนิด หลังจากนั้นก็ได้มาปลูกมะม่วงซึ่งได้มีปลูกอยู่หลายสายพันธุ์ หรือแทบทุกสายพันธุ์เลยก็ว่าได้

แต่ในขณะนั้นก็ได้เน้นปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้เพื่อส่งออกประเทศจีน และฮ่องกง โดยได้รวมสมาชิกกันจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และเขาก็ได้เป็นประธานกลุ่ม แต่พอมาระยะหลังเมื่อ 7-8 ปี นั้น ราคามะม่วงน้ำดอกไม้ทางอำเภอปากช่องเริ่มให้ผลผลิตลดลงไม่ได้ดีเท่าที่ควร ผลเสียมากกว่าได้ ขณะเดียวกันในทางการค้า จึงสู้กับมะม่วงทางจังหวัดนครปฐม และราชบุรี ไม่ได้ ทั้งนี้ยังบวกกับทางด้านราคาเริ่มลดลงมาเรื่อยๆ แม้จะขายได้แต่ก็ไม่คุ้มกับการลงทุน จึงได้เลิกรากันไป

ทั้งนี้ทำให้เขาหันมาปลูกน้อยหน่า และองุ่น แทน ปัจจุบันนี้ที่มี ปลูกน้อยหน่า อยู่ 100 ไร่ และได้ลงปลูก 3 สายพันธุ์

2.องุ่นพันธุ์ไวท์มะละกา
2.องุ่นพันธุ์ไวท์มะละกา
องุ่นพันธุ์แบล็ดโอปอ
องุ่นพันธุ์แบล็ดโอปอ

สายพันธุ์น้อยหน่า และองุ่น

โดยมีทั้งน้อยหน่าสายพันธุ์พื้นเมืองที่มีชื่อเสียง เป็นของดีเมืองปากช่อง ที่มีชื่อเรียกกันว่า น้อยหน่าเนื้อฝ้าย หรือน้อยหน่าหนังเหนียว และน้อยหน่าสายพันธุ์เกษตร ซึ่งเป็นน้อยหน่าที่เกิดจากการผสมพันธุ์ขึ้นมา เช่น น้อยหน่าเพชรปากช่อง และน้อยหน่าแอล 80

โฆษณา
AP Chemical Thailand

สำหรับองุ่นได้ปลูกในพื้นที่ 8 ไร่ ซึ่งมีอยู่ 5 สายพันธุ์ อย่างเช่น องุ่นสายพันธุ์แบล็คโอปอ แบล็คดำ รูบีซีดเลส์ ลูสเฟอร์เลต และองุ่นสายพันธุ์ไวท์มะละกา ทั้งนี้ได้ปลูกแบบผสมผสานกัน การปลูกองุ่นได้แยกปลูกไว้อีกส่วนหนึ่ง และได้จัดการพื้นที่ปลูกโดยได้ยกคันร่องขึ้นทำค้างปลูกเป็นแถวยาวจำนวน 5 แถว ในแต่ละแถวก็จะปลูกองุ่นแถวละ 1 ชนิด หรือแถวละ 1 สายพันธุ์ เป็นต้น

3.คนงานกำลังเก็บผลผลิตองุ่น
3.คนงานกำลังเก็บผลผลิตองุ่น

ด้านตลาดและช่องทางจำหน่าย น้อยหน่า และองุ่น

อย่างไรก็ตามน้อยหน่า และองุ่น เมื่อมาเปรียบเทียบ ทั้งในด้านการลงทุน การตลาด และทางด้านราคา ซึ่งปัจจุบันที่เขาได้นำผลผลิตออกจำหน่าย ส่วนน้อยหน่าทั้ง 3 สายพันธุ์ เช่น น้อยหน่าสายพันธุ์แอล 80 เพชรปากช่อง และน้อยหน่าเนื้อฝ้าย หรือน้อยหน่าหนังเหนียว

การลงทุนในแต่ละปี อย่างเช่น ค่าแรงงาน และค่าปุ๋ย ยา สารบำรุง หรือกำจัดศัตรูพืชต่างๆ ในแต่ละปีจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100,000 กว่าบาท ทั้งนี้ทางด้านการทำตลาด และราคาขายนั้นได้เน้นส่งขายเข้าตลาดภายในท้องถิ่น หรือนำออกขายภายในประเทศ โดยส่งให้พ่อค้าหรือแม่ค้าคนกลางในตลาดกลางดง และตลาดไท เป็นต้น

ส่วนราคาขายอยู่ที่ กก.ละ 30-50-60 บาท ขึ้นไป ทั้งนี้การเก็บเกี่ยวผลผลิตในแต่ละปีซึ่งเป็นผลผลิตที่ได้ออกตามฤดูกาล ทำไห้เขามีรายได้เข้าปีละ 700,000-800,000 กว่าบาท หรือเฉียดหลักล้าน ซึ่งเป็นรายได้ที่มากพอสมควร

ในส่วนองุ่นทั้ง 5 สายพันธุ์นั้น เขาได้ทำตลาดส่งออกทั้งภายในและนอกประเทศ ทั้งนี้การทำตลาดในประเทศโดยจะมุ่งเน้นส่งภายในตลาดท้องถิ่น เช่นเดียวกันกับทำตลาดน้อยหน่า อย่างเช่น ตลาดกลางดง และตลาดไท ทั้งนี้การทำตลาดองุ่นขายส่งออก

โดยเขาได้เก็บผลผลิตส่งให้พ่อค้าหรือแม่ค้าคนกลางที่ตลาดดังกล่าว และการเข้ามาเหมารับซื้อของพ่อค้า แม่ค้า ถึงที่หน้าสวน เป็นต้น ส่วนราคาขายองุ่นทั้ง 5 สายพันธุ์ ซึ่งจะขายในราคาแนวเดียวกัน หรือราคาที่เท่ากัน ใน กก.ละ 100 บาทขึ้นไป

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ส่วนการทำตลาดในต่างประเทศได้มีพ่อค้าคนกลางเดินทางมาจากประเทศมาเลเซียเข้ามารับซื้อถึงที่หน้าสวน และได้คัดเลือกเอาผลผลิตเองเพื่อไปขายต่อที่ประเทศของเขา “ พ่อค้าคนกลางที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซียนั้น ที่จริงเขาเป็นคนไทยแต่ไปอยู่ประเทศมาเลเซีย และได้ทำสวนองุ่นอยู่ที่มาเลเซียเหมือนกับเรา และเขาก็ได้ทำตลาดไว้ที่มาเลเซียด้วย ถ้าองุ่นของเขาไม่พอส่งขาย เขาจึงจะเข้ามาซื้อองุ่นที่สวนของเรา ประชาชนผู้บริโภคเขาก็นิยมรับประทานองุ่น

ทางบ้านเราเขาเดินทางมาแต่ละครั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะมาก อย่าง ค่าเหมารถมาถึงที่นี่ต้องเสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 35,000 บาท ส่วนองุ่นทั้ง 5 สายพันธุ์ เราก็จะขายให้กิโลละ 120 บาท เมื่อเขานำไปขายที่มาเลเซียก็จะขายกิโลละ 400 บาทขึ้นไป จึงจะคุ้มทุนที่เขาได้เดินทางมาไกล” คุณมิตรชายเล่าถึงเหตุผลการขายองุ่นให้พ่อค้าทางประเทศมาเลเซีย

คุณมิตรชายยังเล่าอีกว่าการลงทุนปลูกองุ่นทั้ง 5 สายพันธุ์ การใช้ปุ๋ย ยา บำรุง หรือกำจัดแมลง ก็ได้ใช้ชนิดเดียวกัน ทั้งนี้องุ่นที่ได้ปลูกมา 6-5 ปีนั้น ถ้าหากคิดคำนวณถึงเฉพาะการลงทุนของแต่ละปี โดยไม่ได้คิดคำนวณถึงการลงทุนปลูกตั้งแต่เริ่มแรกในแต่ละปี รวมทั้งค่าแรงงาน และค่าปุ๋ย ยา สารบำรุงรักษา สารการกำจัดแมลงต่างๆ รวมเงินลงทุน ในทุกปีที่ผ่านมาก็จะใช้เงินถึง 4,000,000-5,000,000 บาท

4.น้อยหน่าทั้ง 3 สายพันธุ์ ปลูกแบบผสมผสานกัน
4. ปลูกน้อยหน่า ทั้ง 3 สายพันธุ์ ปลูกแบบผสมผสานกัน

สภาพพื้นที่ ปลูกน้อยหน่า

ทั้งนี้จากการจัดการแปลงปลูกในพื้นที่ปลูก โดยตามสภาพพื้นดินแดงในพื้นที่อำเภอปากช่อง และทำให้มีความเหมาะสมกับการปลูกพืชได้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะกลุ่มประเภทไม้ผล ส่วนการปลูกและการบำรุงดูแลรักษา ทั้งน้อยหน่า และองุ่น ในพืชทั้ง 2 ชนิดนี้ เขายังเล่าว่าน้อยหน่า 3 สายพันธุ์ การปลูกและการดูแลรักษาจะง่ายกว่าการปลูกองุ่นมาก

สำหรับการ ปลูกน้อยหน่า โดยเริ่มปลูกในช่วงฤดูฝนในช่วงเดือนมิถุนายน ตอนแรกได้ไถพรวนดิน หรือไถปรับสภาพหน้าดินให้เสมอกัน เสร็จแล้วได้ตากดินไว้ ใช้ระยะเวลานานถึง 1 เดือน จากนั้นจึงได้ทำแปลงปลูก อย่างไรก็ตามการเตรียมความพร้อมของต้นพันธุ์ก่อนที่จะนำลงปลูกนั้น เช่น น้อยหน่าเนื้อฝ้าย หรือน้อยหน่าหนังเหนียว ซึ่งได้ใช้เมล็ดพันธุ์เพาะกล้า หรือเลี้ยงต้นกล้าไว้ให้ได้ความสูงถึง 40-50 ซม. ก่อนที่จะนำลงปลูก

ส่วนน้อยหน่าสายพันธุ์เพชรปากช่อง และน้อยหน่าแอล 80 ใช้วิธีปลูกด้วยกิ่งทาบ ส่วนการเลือกกิ่งทาบก็จะคัดเลือกเอากิ่งพันธุ์ที่สมบูรณ์ และความสูง 40-50 ซม.ขึ้นไป สำหรับการปลูกได้ขุดหลุมปลูก ความ กว้าง ยาว ลึก 50 ซม. ความห่างของต้น 8×8 เมตร โดยได้จัดการแปลงปลูกเป็นแถวยาว และในแต่ละแถว ส่วนน้อยหน่าทั้ง 3 สายพันธุ์ ก็จะปลูกแบบผสมผสานกันไป

โฆษณา
AP Chemical Thailand
5.ให้ปุ๋ยคอกปีละครั้ง
5.ให้ปุ๋ยคอกปีละครั้ง

การให้น้ำและปุ๋ยต้นน้อยหน่า

อย่างไรก็ตามการ ปลูกน้อยหน่า หลังจากที่ปลูกเสร็จแล้วนั้นในขณะที่ต้นพันธุ์ที่ยังปลูกไม่ติด  การบำรุงให้น้ำซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับพืชที่ปลูกใหม่ การให้น้ำโดยจะให้น้ำวันเว้นวัน เมื่อปลูกติดแล้วก็จะปล่อยไปตามธรรมชาติ หรืออาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติเป็นหลัก

การให้ปุ๋ยในช่วงแรกที่ปลูกก็จะบำรุงด้วยปุ๋ยคอก จากนั้นการให้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 และปุ๋ยคอก โดยจะให้สลับกันไปในปีละ 2 ครั้ง สำหรับอายุต้นของน้อยหน่าที่ให้ผลผลิตพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้นั้น อย่างเช่น น้อยหน่าสายพันธุ์เนื้อฝ้าย หรือน้อยหน่าหนังเหนียว ที่ปลูกด้วยการเพาะเมล็ดกล้า เมื่ออายุต้นได้ถึง 4-5 ปี จึงจะให้ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้

ส่วนน้อยหน่าสายพันธุ์แอล 80 และน้อยหน่าเพชรปากช่อง ที่ด้วยกิ่งพันธุ์ทาบจะให้ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ เมื่ออายุต้น ได้ถึง 3ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตามการบำรุงรักษาน้อยหน่าในช่วงที่เข้าสู่ระยะแตกตาดอก หรือออกติดผล ซึ่งเป็นระยะที่สำคัญมาก ผลผลิตจะเลวหรือดี ก็คือ ช่วงระยะดังกล่าว ก็จะบำรุงด้วยปุ๋ยสูตร 12-52-0 ยูเรีย

6.ปลูกน้อยหน่า ได้ผลน้อยหน่าพร้อมห่อ
6.ปลูกน้อยหน่า ได้ผลน้อยหน่าพร้อมห่อ

การป้องกันและกำจัด แมลง และศัตรูพืช ในต้นน้อยหน่า

ส่วนแมลงศัตรูที่เข้ามาทำลายโดยเฉพาะช่วงที่แตกก้านดอก และกลีบดอก ซึ่งส่วนมากจะเป็นแมลงจำพวกเพลี้ยแป้ง ทั้งนี้การป้องกันนั้นโดยจะใช้ยาหรือสารปราบแมลงที่เป็นตัวยาพื้นๆ หรือจำพวกตัวยาสารเคมีที่หาซื้อได้ตามร้านเคมีภัณฑ์การเกษตรทั่วไป นำมาใช้ฉีดพ่นในเดือนละ 1 ครั้ง หากมีแมลงเข้ามามากๆ ก็จะใช้สารอะบาเม็กติน โดยจะใช้ฉีดพ่นทั่วต้นเดือนละ 2-3 ครั้ง แต่ถ้าหากน้อยหน่าติดผลหรือให้ผลใหญ่เท่าไข่ไก่ก็จะใช้ถุงห่อ

ส่วนประโยชน์หรือข้อดีของการห่อผลนั้นเพื่อช่วยป้องกันแมลงได้หลากหลายชนิดที่จะเข้ามาหรือเจาะกินเนื้อของผล ทั้งนี้ยังช่วยทำให้ป้องกันรอยขูดขีด หรือการเกิดจุดด่างดำ และทำให้สีของผลเรียบเนียนได้ออกมาสวย และขายได้ราคาดีด้วย

7.ปลูกองุ่น 5ไร่ 5 สายพันธุ์
7.ปลูกองุ่น 5ไร่ 5 สายพันธุ์

สภาพพื้นที่ปลูกองุ่น

ในส่วนขององุ่นจากที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นทั้ง 5 สายพันธุ์นั้น ซึ่งเขาได้นำมาปลูกเป็นองุ่นชนิดกิ่งพันธุ์ติดตา โดยได้ซื้อมาจากจังหวัดนครปฐม และราชบุรี สำหรับการปลูกองุ่นในจำนวนพื้นที่ 8 ไร่ อย่างเช่น การปรับหน้าดินหรือยกคันร่องนั้น โดยยกคันร่องขึ้นได้หน้ากว้าง 3 เมตร ความสูง 1.30 เมตร และความยาวประมาณ 70 เมตร ทั้งนี้การปลูกยังได้ขุดหลุมปลูกขนาดให้ความกว้าง ยาว ลึก ของหลุมได้ประมาณ 50 ซม. และระยะความห่างของต้นในแต่ละต้นประมาณ 4 เมตร

โฆษณา
AP Chemical Thailand

อย่างไรก็ตามการนำต้นพันธุ์ลงปลูกขณะที่ต้นเป็นต้นกล้าอยู่นั้น รากหรือส่วนของโคนต้นก็ได้หุ้มด้วยพัสดุเพาะต้นกล้าองุ่นและห่อรอบนอกด้วยถุงพลาสติก ทั้งนี้ได้ใช้มีดกรีดถุงหรือดึงถุงพลาสติกออก จากนั้นก็จะนำต้นพันธุ์ลงปลูกกับหลุม โดยให้ได้ความเหมาะสมระดับดินของปากหลุมกับต้นกล้า พร้อมกับนำดินกลบบริเวณโคนต้นให้แน่น พร้อมกับรดน้ำให้โชก ทั้งนี้หลังจากที่ปลูกเสร็จแล้วได้ปักไม้หลักหรือไม้รวกและผูกเชือกยึดติดไว้เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติ อย่าง แรงลมพัด อาจจะทำให้ต้นโยกเอียงหรือล้มเสียหายได้ง่าย อย่างไรก็ตามการปลูกองุ่นนั้นเมื่ออายุต้นได้ถึง 8 เดือน ก็จะให้ผลผลิตออกมาให้เก็บเกี่ยวได้เต็มที่

8.ทำเป็นโดมคลุมป้องกันอันตรายอาจเกิดจากองุ่น
8.ทำเป็นโดมคลุมป้องกันอันตรายอาจเกิดจากองุ่น

การบริหารจัดการโดมให้องุ่น

คุณมิตรชายยังเล่าต่ออีกว่าหลังจากที่ปลูกเสร็จแล้วยังได้ทำโดมขึ้นและได้มุงหลังคาคลุมด้วยพลาสติกโปร่งแสงเพื่อป้องกันกันฝนและน้ำค้าง เนื่องจากองุ่นหากได้รับฝนและน้ำค้างมากๆ ก็จะทำให้เกิดเป็นโรคใบร่วง รวมทั้งเกิดโรคเชื้อรา โรคโคนเน่า รากเน่า และเมื่อองุ่นให้ผลก็จะทำให้ผลแตกระเบิดและเน่าเสีย

ส่วนความสูงของโดมที่เขาได้ทำขึ้นนั้นสูงประมาณ 5.70 เมตร พร้อมกับได้ทำตาข่ายหรือมุ้งผ้าพลาสติกเพื่อช่วยป้องกันจำพวกแมลงประเภทต่างๆ ที่จะเข้ามาทำลาย หรือเกาะ เจาะ กิน ผล ใบ และยอดอ่อน ขององุ่น ส่วนการลงทุนทั้งโดมและตาข่ายนั้นซึ่งในแต่ละแถวตกอยู่ประมาณแถวละ 70,000 กว่าบาท เมื่อรวมกันทั้ง 5 แถว ได้ใช้เงินลงทุนไปถึง 140,000 กว่าบาท

9.ทำตาข่ายเพื่อป้องกันแมลง และภัยอันเกิดจากธรรมชาติ
9.ทำตาข่ายเพื่อป้องกันแมลง และภัยอันเกิดจากธรรมชาติ

การให้น้ำและปุ๋ยต้นองุ่น

อย่างไรก็ตามการบำรุงดูแลรักษาองุ่นทั้ง 5 สายพันธุ์ อย่างเช่น การบำรุงด้วยการให้น้ำก็จะให้เหมือนกัน โดยจะให้น้ำทุกวันด้วยระบบสปริงเกลอร์ ส่วนการให้ปุ๋ยบำรุงต้น หากแต่ให้ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยหมัก โดยจะให้ทุกปี ปีละ 1-2 ครั้ง

ส่วนการให้ปุ๋ยเคมีบำรุงในช่วงองุ่นกำลังให้การเจริญเติมโตของลำต้น และกิ่งก้าน โดยเฉพาะระยะเลี้ยงเถาก็ให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15, สูตร 16-16-16 เดือนละ 1 ครั้ง ทั้งนี้การให้ฮอร์โมนในช่วงที่เร่งดอก หรือยึดช่อดอก และช่อผล หรือการช่วยทำให้ออกผลดก องุ่นทั้ง 5 สายพันธุ์ ก็จะมีความต้องการสารอาหารเสริม หรือฮอร์โมน ในอัตราที่ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะองุ่นสายพันธุ์แบล็คโอปอจะต้องการมากกว่าองุ่นทุกสายพันธุ์

10.องุ่นไวท์มะละกาคนงานกำลังแต่งลูกเพื่อต้องการเอาลูกที่สมบูรณ์
10.องุ่นไวท์มะละกาคนงานกำลังแต่งลูกเพื่อต้องการเอาลูกที่สมบูรณ์

ฝากถึงเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจ ปลูกองุ่นและ ปลูกน้อยหน่า

หากแต่เกษตรกร หรือผู้สนใจ รายละเอียดทั้งองุ่นและน้อยหน่ามากกว่านี้ สามารถศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะส่วนที่สำคัญ อย่าง วิธีการปลูก การดูแลรักษา รวมทั้งให้ผลผลิตเก็บเกี่ยว ก็สามารถติดต่อสอบถาม คุณมิตรชาย เทพบุตร 406 หมู่ 19 บ้านโนนนารี ต.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 โทร.08-2869-9485

โฆษณา
AP Chemical Thailand

อ้างอิง : นิตยสารเมืองไม้ผล ฉบับที่ 160