การเพาะเลี้ยงกบ
อาชีพ การเพาะเลี้ยงกบ ยังคงเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมจากเกษตรทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ ตั้งแต่ภาคกลาง เหนือ อีสาน หรือแม้แต่ภาคใต้ ก็เช่นกัน ซึ่งในแต่ละภูมิภาคก็จะมีเทคนิคการเลี้ยงและเพาะพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดูกาล
โดยทีมงานนิตยสารสัตว์น้ำจะพาทุกท่านไปยังภาคอีสาน ที่ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เกษตรกรให้ความสนใจประกอบธุรกิจเพาะพันธุ์กบเป็นจำนวนมาก โดยจะพากันไปที่ฟาร์มเพาะพันธุ์กบของ ร.ต.ทรงพล ชมภูนาวัฒน์ หรือจ่าป๊อก เจ้าของกิจการ “ฟาร์มกบจ่าป๊อก” ณ ต.เดิด อ.เมือง จ.ยโสธร ที่ปัจจุบันได้เกษียณตัวเองออกมาประกอบกิจ การเพาะเลี้ยงกบ ขายอย่างจริงจัง จนสามารถเลี้ยงครอบครัว
![1.การเพาะเลี้ยงกบ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/04/1.การเพาะเลี้ยงกบ.jpg)
ฤดูกาลเพาะเลี้ยงกบ
ก้าวเข้าสู่เดือนกรกฎาคม ถึงพฤษภาคม เป็นช่วงที่บรรยากาศของฤดูฝนได้เริ่มเข้ามาให้เกษตรกรหลายๆ พื้นที่ได้ชุ่มช่ำ และเริ่มต้นทำการเกษตร ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมไปถึงเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกบในหลายๆ พื้นที่ ที่จะได้เริ่มเตรียมบ่อสำหรับเพาะพันธุ์ เพราะเป็นช่วงที่อุณหภูมิ และสภาพภูมิอากาศต่างๆ เหมาะสม และจะช่วยให้กบเจริญพันธุ์ได้เป็นอย่างดี
![2.ร.ต.ทรงพล-ชมภูนาวัฒน์-และภรรยา](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/03/2.ร.ต.ทรงพล-ชมภูนาวัฒน์-และภรรยา.jpg)
เทคนิคการเลี้ยงกบ
เทคนิคการเลี้ยงของจ่าป๊อกส่วนใหญ่ได้จากการเสาะหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต หนังสือ รวมถึงการสอบถามจากผู้เพาะเลี้ยงกบเจ้าอื่นๆ ที่มีประสบการณ์ ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ประสบความสำเร็จ โดยฟาร์มของจ่าป๊อกนั้นตอนช่วงเริ่มต้นจะซื้อลูกพันธุ์มาจากทางอีสานตอนใต้ ตัวสีดำ จาก อ.ขุขันธ์ จ.ศรีษะเกษ โดยเป็นพันธุ์กบนา
แต่ต่อมาได้ไปเจอฟาร์มใกล้เคียงใช้พ่อแม่พันธุ์ที่มีตัวสีเหลืองใหญ่ ซึ่งเป็นสายพันธุ์บลูฟร๊อก ทำให้เมื่อนำมาผสมพันธุ์กับกบนาแล้วได้กบที่มีขนาดใหญ่ และสามารถทนโรคได้เป็นอย่างดี
ถ้าเป็นช่วงน้ำแล้ง หรืออากาศค่อนข้างร้อน ทางฟาร์มจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวัน ยกเว้นในช่วงฤดูฝน ที่กบจะมีไข่ค่อนข้างมาก หากเปลี่ยนน้ำบ่อยจะทำให้ไข่กบเกิดการทะลักได้ และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ต้องให้กบมีการพักจำศีล เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อแม่พันธุ์เกิดการตายในช่วงน้ำแล้ง หรือฤดูร้อน
โดยจะเก็บไว้ในบ่อปูนขนาดประมาณ 3×2 เมตร สูง 1 เมตร และอาศัยใช้ร่มเงาจากต้นไม้เพื่อลดแสงที่จะส่องลงไปในบ่อ เพื่อไม่ให้มีแสงเข้ามากเกินไป เพราะอาจทำให้กบอยู่ในสภาวะเครียดได้ อีกทั้งยังช่วยควบคุมอุณหภูมิในบ่อพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์ ให้คงที่
ในส่วนของการให้อาหารจะต้องมีการให้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นฤดูใดๆ โดยจะให้วันละ 2 เวลา เช้าและเย็น และเมื่อช่วงผสมพันธุ์จึงจะมีการเพิ่มฮอร์โมนเข้าไปเพื่อกระตุ้นให้กบมีการเจริญพันธุ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น
![3.บ่อเก็บพ่อแม่พันธุ์กบ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/03/3.บ่อเก็บพ่อแม่พันธุ์กบ.jpg)
![พ่อพันธุ์กบ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/03/พ่อพันธุ์กบ.jpg)
![แม่พันธุ์กบ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/03/แม่พันธุ์กบ.jpg)
![4.บ่อเพาะพันธุ์-และอนุบาลลูกกบ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/03/4.บ่อเพาะพันธุ์-และอนุบาลลูกกบ.jpg)
การเพาะพันธุ์กบ
บ่อสำหรับเพาะพันธุ์นั้นจะมีขนาด 2.5 x5 เมตร ทั้งหมด 4 บ่อ โดยจะใช้ทั้งสำหรับเพาะพันธุ์ รวมถึงอนุบาลลูกกบด้วย การเพาะพันธุ์ของจ่าป๊อกจะเริ่มในช่วงเดือนมีนาคม ทำให้เมื่อถึงช่วงเดือนเมษายน ซึ่งถึงแม้จะเป็นช่วงที่น้ำแล้งแต่ทางฟาร์มก็จะเริ่มมีลูกกบออกจำหน่ายได้
เพราะทางฟาร์มจะใช้เทคนิคการใส่น้ำแข็งเพื่อลดอุณหภูมิในบ่อ เพื่อให้น้ำในบ่อใกล้เคียงกับอุณหภูมิของน้ำฝนที่ตกใหม่ๆ ให้มากที่สุด และการสเปรย์น้ำลงไปเพื่อให้กบพร้อมสำหรับการผสมพันธุ์ ซึ่งเทคนิคนี้จ่าป๊อกกล่าวว่าได้มาจากการสังเกตพฤติกรรมของกบในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิต่ำ ทำให้ทราบว่าหากสามารถลดอุณหภูมิของน้ำลงได้ จะทำให้กบพร้อมสำหรับการผสมพันธุ์นอกฤดูกาล
ส่วนการดูความสมบูรณ์ของพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์ ถ้าเป็นตัวเมียจะต้องมีลักษณะท้องที่ใหญ่ ข้างลำตัวต้องมีลักษณะเป็นผิวสากเหมือนใบข่อย ยิ่งสากมากยิ่งสมบูรณ์มาก ส่วนตัวผู้ถ้าลูบกลางท้องจะต้องตอบสนองด้วยการใช้ขาหลังทั้งสองข้างโอบรัด ซึ่งแสดงว่าพร้อมที่จะผสมพันธุ์แล้ว จากนั้นจึงจะนำพ่อแม่พันธุ์ไปใส่ไว้ในบ่อสำหรับเพาะพันธุ์
โดยจะใช้พ่อพันธุ์ 1 ตัว ต่อแม่พันธุ์ 1 ตัว โดยรอบหนึ่งจะใช้พ่อแม่พันธุ์อยู่ที่ 10-15 คู่ และในบ่อจะต้องมีการเติมอากาศเอาไว้ตลอด 24 ชั่วโมง และทำการสเปรย์น้ำไปด้วยตลอดเวลา โดยภายในบ่อจะใช้การถ่ายน้ำออกด้วยระบบน้ำล้น และรักษาความสูงของระดับเอาไว้ไม่ให้เกินกว่า 7 เซนติเมตร หลังจากทิ้งพ่อแม่พันธุ์เอาไว้แล้ว 1 คืน จึงจะนำพ่อแม่พันธุ์ออก แล้วเพิ่มระดับน้ำขึ้นอีก 4-5 เซนติเมตร เติมอากาศไว้อีก
![5.ลูกพันธุ์กบ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/03/5.ลูกพันธุ์กบ.jpg)
![ลูกกบตัวสมบูรณ์](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/03/ลูกกบตัวสมบูรณ์.jpg)
การให้อาหารกบ
เมื่อตัวอ่อนฟักออกมาเป็นตัวแล้ว จะปล่อยเอาไว้อีก 2-3วัน เพื่อให้ตัวอ่อนกิน Yolk ที่ติดมาจนหมด จากนั้นจึงจะเริ่มย้ายลูกอ๊อดขยายออกไป โดยในการเพาะ 1 รอบ จะสามารถนำลูกอ๊อดไปขยายต่อได้อีกถึง 3 บ่อ จากนั้นจึงจะเริ่มให้อาหาร โดยจะใช้เป็นไข่ไก่ผสมน้ำอุ่น สาดให้รอบบ่อวันละ 2 มื้อ เช้าและเย็น
แต่ระยะหลังมานี้ทางฟาร์มได้เริ่มทดลองเปลี่ยนเป็นอาหารฝุ่นผง ซึ่งให้อัตราการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างดีกว่า เมื่อเลี้ยงผ่านไป 2 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ดไปจนครบ 1 เดือน จึงจะสามารถนำไปแยก อนุบาลอีก 1 สัปดาห์ จึงจะสามารถนำไปขายได้ ซึ่งในระหว่างการเลี้ยง
ทางฟาร์มจะมีการเสริมวิตามินลงในอาหาร แทนการใช้พืชน้ำ รวมถึงเปลี่ยนถ่ายน้ำทุก 1 สัปดาห์ โดยจะใช้เป็นน้ำบาดาลหมุนเวียนน้ำออกไป เพื่อเสริมให้กบมีการเจริญเติบโตดี และแข็งแรง ซึ่งการใช้วิตามินแทนนั้นจะช่วยตัดปัญหาเรื่องการเน่าเสียของน้ำที่จะเกิดขึ้นเสมอ เมื่อใช้พืชน้ำเข้ามาเสริม
![6.คัดไซส์กบ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/03/6.คัดไซส์กบ.jpg)
การจำหน่ายกบ
กบที่ขายในฟาร์มจะเริ่มต้นอยู่ที่ตัวละ 1 บาทโดยเป็นกบระยะสมบูรณ์ อวัยวะครบ แต่ถ้าลูกค้าต้องการไซส์ที่ใหญ่ขึ้นก็จะอยู่ที่ 1.50-2 บาท มีไปจนถึงกิโลกรัมละ 100 บาท โดยปริมาณที่ผลิตในแต่ละเดือนนั้นจะผลิตตามปริมาณออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง
โดยในอนาคตจ่าป๊อกวางแผนไว้ว่าจะขยายฟาร์มออกไป และเพิ่มกำลังการผลิตและขยายตลาดให้มากขึ้น รวมถึงส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ให้มีความรู้ ความสามารถ ในการทำเกษตรแบบพอเพียง
![7.กบที่เลี้ยงในฟาร์ม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/03/7.กบที่เลี้ยงในฟาร์ม.jpg)
![ฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/03/ฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด.jpg)
ฝากถึง…เกษตรกรที่สนใจเลี้ยงกบ การเพาะเลี้ยงกบ
“การเอาจริงเอาจัง คือ สิ่งสำคัญ เวลาจะทำอะไร อย่าไปทำเล่นๆ ลองเบิ่งดู!!!และตั้งใจทำให้ดีที่สุด” จ่าป๊อกกล่าว ซึ่งทุกวันนี้นอกจากการเพาะพันธุ์กบแล้ว จ่าป๊อกยังได้เริ่มธุรกิจใหม่อีกอย่างหนึ่ง คือ การเลี้ยงจิ้งหรีด ซึ่งถือว่าเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง และต้องใช้ความทะนุถนอมยิ่งกว่าการเลี้ยงกบ ทำให้ต้องหาข้อมูล และพยายามศึกษาอย่างจริงจัง และทำรายได้งาม พอๆ กับการเลี้ยงกบเลยทีเดียว ดังนั้น “หากเราไม่ยอมแพ้ ยังไงความสำเร็จก็จะไม่ไปไหนแน่นอน” จ่าป๊อกกล่าวปิดท้าย
หากเกษตรกรท่านใดมีความสนใจต้องการสั่งซื้อลูกพันธุ์กบจาก “ฟาร์มกบบ้านจ่าป๊อก” สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 081-600-7512 หรือ Facebook :พ่อจ่าป๊อก ร.ต.ทรงพล ชมภูนาวัฒน์