ประเทศไทยเรามีการส่งออกผลไม้มากมายหลายชนิดไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งทำรายได้เข้าประเทศมากเป็นลำดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ แต่ในทางกลับกันประเทศไทยก็มีการนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศค่อนข้างมาก เช่น สถิติข้อมูลการนำเข้าของทับทิมผลสด จากกรมกรมศุลกากร ในปี 2562 ที่ผ่านมา ไทยนำเข้าทับทิมผลสด 23,632 ตัน มูลค่า 495 ล้านบาท จากประเทศจีน อินเดีย อิสราเอล และลาว (จากจีนเข้าไทยทางลาว) ถือว่าเป็นผลไม้ที่คนไทยค่อนข้างนิยมมากพอสมควร เพราะเป็นผลไม้สุขภาพ และเป็นผลไม้มงคล แต่ที่แปลกและน่าตกใจ คือ ประเทศไทยเรานำเข้าทับทิมจากต่างประเทศ 100%
![1.ปลูกทับทิม พันธุ์บังวา ดีที่สุดในอินเดีย พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ มาแรง อนาคตไกล](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/05/1.ปลูกทับทิม-พันธุ์บังวา-ดีที่สุดในอินเดีย-พืชเศรษฐกิจตัวใหม่-มาแรง-อนาคตไกล.jpg)
ปลูกทับทิม
ประโยชน์และสรรพคุณของทับทิม
ทับทิมเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิหร่านทางตอนใต้ของอัฟกานิสถาน ผลไม้ชนิดนี้จะชอบอากาศหนาวเป็นพิเศษ ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ เนื้อทับทิมจะมีสีแดงเข้มมากขึ้นเท่านั้น และยังเป็นผลไม้มงคลของคนจีน ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมาก จึงสื่อความหมายถึงการมีลูกชายมากๆ นั่นเอง โดยกิ่งใบของทับทิมก็นำมาใช้ในพิธีการต่างๆ ที่มีน้ำมนต์ในการประกอบพิธี หรือนำมาใช้พรมน้ำมนต์ เพราะเชื่อว่ามีไว้ติดตัวจะช่วยในเรื่องการคุ้มครองจากภัยอันตรายต่างๆ
ทับทิมถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์และสรรพคุณของทับทิมนั้นมีมากมาย เพราะเป็นผลไม้ที่มีรสหวานออกเปรี้ยว น้ำทับทิมจึงมีวิตามินซีสูง และยังประกอบด้วยเกลือแร่ต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย อย่างเช่น บรรเทาอาการของโรคหัวใจ รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของเลือด รักษาโรคท้องเดิน โรคบิด เป็นต้น
![2.คุณอนุรักษ์ บุญลือ เจ้าของ ๑๐๐๐ พฤกษา ฟาร์ม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/05/2.คุณอนุรักษ์-บุญลือ-เจ้าของ-๑๐๐๐-พฤกษา-ฟาร์ม.jpg)
ปลูกทับทิม พันธุ์บังวา
คุณอนุรักษ์ บุญลือ (คุณนุ) ได้มองเห็นถึงจุดนี้ และศึกษาทับทิมมาเรื่อยๆ จนตัดสินใจนำเข้าทับทิมหลายสายพันธุ์จากประเทศต่างๆ มาทดลองปลูก ที่สามารถเข้ากับสภาพอากาศในประเทศไทยได้ดี และได้ผลผลิตที่เป็นน่าพอใจ นั่นคือ “พันธุ์บังวา” จากประเทศอินเดีย เป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในอินเดีย ทดสอบแล้วว่าเป็นสายพันธุ์ที่ทนแล้ง ซึ่งเข้ากับสภาพอากาศประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
![3.เม็ดด้านในผลทับทิม ให้เนื้อสีแดดสด เม็ดนิ่ม น้ำเยอะ รสชาติหวานละมุนลิ้น](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/05/3.เม็ดด้านในผลทับทิม-ให้เนื้อสีแดดสด-เม็ดนิ่ม-น้ำเยอะ-รสชาติหวานละมุนลิ้น.jpg)
ลักษณะทั่วไปของทับทิมพันธุ์บังวา
โดยลักษณะทับทิมพันธุ์บังวาทั่วๆ ไป มีเปลือกบาง เมล็ดนิ่ม เนื้อแดง หวาน น้ำเยอะ “ผมมองถึงปัจจัยในการนำเข้าของทับทิมซึ่งมีมาก เมื่อย้อนดูสถิตินำเข้าจากกรมศุลกากรพบการนำเข้าเป็นหลายร้อยล้านบาทต่อปี แสดงให้เห็นถึงว่าคนไทยนิยมรับประทานทับทิมผลสดกันค่อนข้างมาก เพราะเป็นผลไม้สุขภาพ
ผมเลยมองว่าเราควรจะปลูกสิ่งที่คนไทยเรานิยมรับประทาน และทำให้เงินประเทศเราไม่รั่วไหลออกจากประเทศ ผมเลยตั้งใจจะทำทับทิมให้เป็นเชิงพาณิชย์ เพราะในไทยของเรายังไม่มีทับทิมที่ทำเชิงพาณิชย์เลย เรานำเข้า 100% โดยทับทิมพันธุ์บังวา หรือผมตั้งชื่อใหม่ว่า มณีกาญจน์ เป็นสายพันธุ์ที่ผมทดสอบแล้วว่าดีที่สุด เหมาะสมที่จะปลูกในเมืองไทยของเรา ผมนำเข้าโดยเนื้อเยื่อโดยตรงจากประเทศอินเดียมาเพาะพันธุ์ และขายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง” คุณอนุรักษ์ได้พูดถึงแนวคิดในการ ปลูกทับทิม พันธุ์บังวา
![4.แปลงปลูกทับทิมสายพันธุ์บังวา](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/05/4.แปลงปลูกทับทิมสายพันธุ์บังวา.jpg)
การให้ปุ๋ยและน้ำต้นทับทิม
การดูแลทับทิมพันธุ์บังวานั้นก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ทนแล้ง ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทยของเราเป็นอย่างมาก
ในเรื่องการให้ปุ๋ย คุณนุจะให้ปุ๋ยสูตรเสมอ15-15-15 หรือ 16-16-16 ทุกๆ 15 วัน ในช่วงแรก ส่วนช่วงออกดอกจะบำรุงด้วยปุ๋ยสูตร 15-10-21 เป็นสูตรขยายลูก
ส่วนเรื่องน้ำเป็นเรื่องสำคัญ คุณนุได้ให้น้ำทุกๆ 3 วัน โดยให้แบบน้ำหยด ทับทิมถือว่าเป็นพืชชอบน้ำ ยิ่งที่ไหนมีน้ำมากผลผลิตก็จะโตเร็วสมบูรณ์
![5.ทับทิมสายพันธุ์บังวา เม็ดแดง ผิวด้านนอกออกสีแดงเป็นพิเศษ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/05/5.ทับทิมสายพันธุ์บังวา-เม็ดแดง-ผิวด้านนอกออกสีแดงเป็นพิเศษ.jpg)
การบำรุงดูแลทับทิม
การ ปลูกทับทิม ก็เหมือนพืชอื่นๆ จะต้องตัดแต่งกิ่ง โดยตัดแต่งกิ่งเล็กออก ให้ดอกเกิดในกิ่งที่ใหญ่เพื่อที่จะได้รับสารอาหารได้เต็มที่ และผลโต เมื่อให้ทับทิมติดผลเต็มที่แล้วเราจะเก็บดอกที่เหลือบนต้นทิ้งให้หมด เพื่อที่ผลทับทิมได้รับสารอาหารที่สมบูรณ์ หลังจากออกดอกประมาณ 130-150 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว ดอกของต้นทับทิมยังสามารถนำไปทำชาดอกทับทิม ที่มีรสชาติหอม หวาน ได้อีกด้วย
ระยะของการ ปลูกทับทิม คือ 3×4 เมตร 1 ไร่ จะปลูกได้ทับทิมที่ 130 ต้น 1 ต้น จะได้ผลผลิตประมาณ 30 กิโลกรัมต่อต้น ผลผลิตโดยปกติจะอยู่ที่ 3-4 ลูกต่อกิโลกรัม แต่ถ้าลูกไหนที่สมบูรณ์มากๆ ได้อาหารและน้ำมาก จะอยู่ที่ 2 ลูกต่อกิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 150 บาท ทับทิมพันธุ์บังวาอายุได้ 1 ปี ก็สามารถออกดอกให้ผลผลิตได้แล้ว แต่ละปีจะให้ผลผลิตได้ปีละ 2 ครั้ง
![6.กิ่งชำต้นทับทิมสายพันธุ์บังวาก่อนนำไปอนุบาล](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/05/6.กิ่งชำต้นทับทิมสายพันธุ์บังวาก่อนนำไปอนุบาล.jpg)
สายพันธุ์ทับทิม
ในเรื่องการขยายพันธุ์ คุณอนุรักษ์ใช้วิธีตอนกิ่งจากต้นที่นำเข้า โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อโดยตรงจากประเทศอินเดีย จะเลือกกิ่งและต้นที่สมบูรณ์ จึงตั้งราคาขายกิ่งพันธุ์ละ 200 บาท
“สายพันธุ์ที่เราเลือก คือ สายพันธุ์ที่ดีที่สุด และเหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทย ผมทดลองปลูก 4-5 ปี จากหลายๆ สายพันธุ์ หลายๆ ประเทศ จนได้พันธุ์นี้มา คือ พันธุ์บังวา หรือมณีกาญจน์ ผมอยากจะฝากถึงท่านที่สนใจจะ ปลูกทับทิม ช่วงชั่วโมงนี้ต้องบอกว่าน่าสนใจมากๆ ครับ พืชตัวนี้เป็นพืชที่อยู่ในเทรนสุขภาพ และมีการนำเข้าที่มูลค่าการนำเข้าเยอะมาก ตอนนี้ในบ้านเราเยอะมาก นำเข้า 100% ไม่มีผลผลิตในประเทศไทยเลยในเชิงพาณิชย์ เป็นไม้มงคลตัวหนึ่ง
ฝากถึงท่านที่อยากจะปลูกพืช ที่สำคัญ คือ เรื่องสายพันธุ์ต้องดี อย่าเพาะเมล็ดกินแล้วเอาเมล็ด เพราะสุดท้ายท่านจะได้ต้นพันธุ์ที่เรียกว่ากลายพันธุ์ ปลูก 100 ต้น ก็ได้ 100 แบบ 100 ชนิด ก็ควบคุมคุณภาพได้ยาก แนะนำให้หาสายพันธุ์ดี แล้วก็ตอนกิ่งขยายไปเรื่อยๆ ส่วนสายพันธุ์ของเรา เราได้คัดเลือกมาดีแล้วจากหลายๆ พันธุ์ คือ สายพันธุ์บังวา เรานำเข้าเนื้อเยื่อมาโดยตรงแล้วก็มาตอนกิ่ง” คุณอนุรักษ์เปิดเผยถึงจุดเด่นของทับทิมพันธุ์บังวา
![7.ต้นอินทผลัม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/05/7.ต้นอินทผลัม.jpg)
การบริหารจัดการต้นอินทผลัม
แน่นอนว่าบุกมาสวนคุณนุทั้งทีจะไม่พูดถึงเรื่อง “อินทผลัม” เลยก็คงไม่ได้ ท่ามกลางแสงแดด หน้าร้อนของเมืองไทย ยากที่จะพบการเจริญเติบโตของต้นพืช เพราะสภาพอากาศและความแห้งแล้งของน้ำ แต่เมื่อตัดภาพมาที่ “๑๐๐๐ พฤกษา ฟาร์ม” สวนอินทผลัม “เนื้อเยื่อบาฮี” ของคุณนุแล้ว
ต้องยอมรับว่าที่นี่มีการบริหารจัดการน้ำเป็นอย่างดี มีบ่อน้ำเตรียมพร้อมในหน้าร้อน ทำให้เหล่าต้นอินทผลัมที่ขณะนี้กำลังอุ้มลูกต่างสดชื่น บวกกับการดูแลของผู้จัดการสวน ที่ดูแลอินทผลัมเสมือนลูกของตัวเองก็ไม่ปาน ยิ่งทำให้ผลสมบูรณ์มากขึ้น
คุณนุย้ำว่าช่วงนี้อินทผลัมกำลังให้ผลผลิตอายุประมาณ 2 เดือน และอยู่ในช่วงการแต่งลูก แต่งช่อ เกษตรกรควรดูแลเรื่องการให้ปุ๋ยธาตุหลัก สูตรขยายลูก 15-10-21 ใส่ทุกๆ 15 วัน และเน้นการให้ปุ๋ยทางใบ เสริมแมกนีเซียม แคลเซียม และโบรอน ธาตุอาหารรอง ทุกๆ 15 วัน เช่นกัน และที่ขาดไม่ได้ คือ การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 3 วัน “การที่เราเน้นเรื่องปุ๋ย เรื่องแร่ธาตุหลัก-รอง เพราะหลังจากพ้นหน้าร้อนเข้าสู่ฤดูฝน ถ้าฝนตกเยอะ ต้นดูดน้ำเพื่อเลี้ยงลูกเยอะ แต่ต้นไม่สมบูรณ์ ธาตุอาหารไม่ถึง จะทำให้มีปัญหาเรื่องลูกแตกได้ และที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ คือ “เพลี้ยแป้ง” ให้หาวิธีดูแล และป้องกันให้ดีที่สุด”
หลังจากที่แต่งช่อเสร็จแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงการโน้มกิ่งเพื่อง่ายต่อการจัดการ ตามมาด้วยการคลุมช่อด้วยตาข่าย หรือผ้าสปันปอนด์ จะห่อด้วยถุงอีกทีเพื่อช่วยป้องกันแมลงเข้าไปทำลายลูก นับจากวันที่ห่อช่อไปอีก 3 เดือน ผลผลิตก็จะสุกเหลืองสามารถเก็บเกี่ยวได้
ในปี 2563 นี้ คุณนุคาดการณ์ว่า ผลผลิตอินทผลัมในปีนี้จะเยอะกว่าทุกปี เพราะอาการดีมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ต้นอินทผลัมสร้างตาดอกได้ดี จะเห็นว่าปีนี้ออกจั่นเร็ว ยิ่งต้นที่สมบูรณ์มากๆ จะให้จั่นหลาย 10 จั่น ในต้นเดียว ฉะนั้นเจ้าของสวนต้องหมั่นเอาใจใส่ดูแลผลผลิตดีๆ อย่ามาตกม้าตายตอนท้าย
![8.ลูกอินทผลัมสุกพร้อมเก็บผลผลิต](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/05/8.ลูกอินทผลัมสุกพร้อมเก็บผลผลิต.jpg)
![ผลิตภัณฑ์น้ำทับทิม น้ำอินทผลัม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/05/ผลิตภัณฑ์น้ำทับทิม-น้ำอินทผลัม.jpg)
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายผลผลิตอินทผลัม
ในส่วนของราคา ต้องยอมรับว่าเมื่อผลผลิตมาก แน่นอนว่าราคาอาจจะต่ำลงมาจากปีที่แล้ว คาดการณ์ว่าหน้าสวนจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 400-450 บาท ซึ่งราคานี้เกษตรกรรับได้สบายๆ อยู่แล้ว เพราะอินทผลัม 1 ต้น ที่สมบูรณ์ สามารถให้ผลผลิตหลาย 10 กิโลกรัม เลยทีเดียว
สำหรับอินทผลัมแปรรูป แบรนด์ IN ONE ของบริษัท อินทผลัมตะวันตก จำกัด คุณนุได้เล่าว่าปีนี้ผลผลิตของสมาชิกจะรับเข้าบริษัทประมาณ 200 ตัน ส่วนหนึ่งจำหน่ายเป็นผลสด ตามห้างโมเดิร์นเทรดทั่วไป และผลิตภัณฑ์แปรรูปน้ำอินทผลัมทั้ง 2 สูตร ตอนนี้ก็บุกตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างหนัก เพื่อให้คนรู้จักผลิตภัณฑ์มากขึ้น
ซึ่งดำเนินงานมาตอนนี้ถือว่าอยู่ตัวแล้ว สินค้าเริ่มเดินด้วยตัวเองแล้ว และปีนี้มีแผนจะขยาย SHOP IN ONE ให้กระจายไปทั่วประเทศให้เร็วที่สุด ซึ่งตอนนี้กระจายไปหลายสาขาแล้ว ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี คนต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ง่ายขึ้น
![9.คุณนุและแปลงปลูกขนุน พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่น่าสนใจ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/05/9.คุณนุและแปลงปลูกขนุน-พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่น่าสนใจ.jpg)
สภาพพื้นที่ปลูกขนุน
นอกจาก สวนทับทิม และสวนอินทผลัม แล้ว คุณนุยังแบ่งเวลาที่มีค่อนข้างน้อย มาศึกษาเรื่องขนุน ไม้ผลเศรษฐกิจอีกตัว ที่กำลังมาแรง ซึ่งคุณนุได้ลงแปลงปลูกไป 2 สายพันธุ์หลัก คือ “ทองประเสริฐ” และ “ทวายปีเดียว” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ขนุนที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะทองประเสริฐที่ปัจจุบันมีมูลค่าการส่งออกไม่น้อยไปกว่าทุเรียนเลย ซึ่งคุณนุมองว่าอย่างไรขนุนก็เป็นพืชที่มีอนาคตแน่นอน เพาะขนุนบ้านเรามีรสชาติอร่อย หวาน กรอบ และเนื้อล่อน
แต่สำหรับขนุนสายพันธุ์ “ทวายปีเดียว” นั้น ต้องบอกว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ ณ ขณะนี้ เพราะเด่นเรื่องรสชาติที่ไม่เป็นสองรองใคร แถมเนื้อยังมีสีชมพูสวย เนื้อกรอบ เนื้อล่อน และจุดเด่น คือ ยางน้อย ไม่เลอะมือ เหมาะสำหรับพ่อค้าแม่ขายมากๆ แต่ทั้งนี้เรื่องขั้นตอนการดูแลขนุนแปลงนี้ คุณนุขออุบไว้ก่อน รอให้ผ่านการทดสอบต่างๆ เมื่อสำเร็จดีแล้วจะอธิบายแบบละเอียดยิบอีกครั้ง แต่ขอการันตีว่าขนุนทั้งสองสายพันธุ์นี้อนาคตไกลแน่นอน
สนใจเยี่ยมชมสวนติดต่อ ร้าน ๑๐๐๐ พฤกษาฟาร์ม 197/26 ม.1 ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี 71110 โทร.09-2681-1919, 09-2481-7711 Line id : @1000 pruksasa