MS FARM ผลิต ลูกกุ้ง เกรดA 2น้ำ ด้วยระบบปิด เร่งผลิต 40 ล้านตัว/เดือน

โฆษณา
AP Chemical Thailand

MS FARM ผลิต ลูกกุ้ง เกรดA 2 น้ำ ด้วยระบบปิด เร่งผลิต 40 ล้านตัว/เดือน

อุปสรรคใหญ่ของการเพาะและอนุบาลลูกกุ้ง คงหนีไม่พ้นเรื่อง “สภาพอากาศ” เป็นที่ทราบกันดีว่า การเพาะลูกกุ้งนั้น นอกจากฝีมือแล้ว ปัจจัยสภาพแวดล้อมรอบๆ ฟาร์ม มีส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของลูกกุ้งเป็นอย่างมาก อย่างเช่น ในหน้าหนาว ลูกกุ้งจะเพาะติดยาก และมีอัตราการรอดต่ำ รวมถึงลูกกุ้งไม่สมบูรณ์

แต่ในปัจจุบันโรงเพาะฟักและโรงอนุบาลหลายๆ ที่ เริ่มปรับรูปแบบโรงเรือนฟาร์มให้เป็นระบบปิดมากขึ้น เพื่อช่วยในการควบคุมสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเพาะและอนุบาลกุ้งนั่นเอง

1.ลูกกุ้งขาวคุณภาพ ตัวสวย แข็งแรง ไซซ์เสมอ
1.ลูกกุ้งขาวคุณภาพ ตัวสวย แข็งแรง ไซซ์เสมอ

การผลิตลูกกุ้งขาว กุ้งก้ามกราม ระบบปิด

นิตยสารสัตว์น้ำเดินทางมายังจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตและอนุบาลลูกกุ้งขาวและกุ้งก้ามกรามแห่งใหญ่ของประเทศ เพื่อมาพบกับ คุณสุรพงษ์ คงแป้น เจ้าของกิจการโรงอนุบาลลูกกุ้งขาว ภายใต้แบรนด์ MS FARM” ที่มีระบบการจัดการโรงเรือนอนุบาลแบบระบบปิด เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุบาลลูกกุ้งให้แข็งแรง และมีอัตราการรอดสูง

คุณสุรพงษ์ได้เล่าถึงที่มาของการปรับปรุงระบบฟาร์มใหม่ทั้งหมดว่า เดิมทีที่ฟาร์มจะมีรูปแบบเป็นโรงเรือนระบบเปิดทั้งหมด เหมือนฟาร์มเพาะลูกกุ้งทั่วไป แต่ที่ผ่านมามักเจอปัญหาเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน ทำให้ลูกกุ้งที่อนุบาลมีอัตราการรอดต่ำ ไม่แข็งแรง และเข้าระยะช้า ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก

จนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีฟาร์มอนุบาลลูกกุ้งบางแห่งเริ่มทำระบบโรงเรือนปิดขึ้นมาในการอนุบาลลูกกุ้ง ซึ่งผลที่ได้รับ คือ ลูกกุ้งที่อนุบาลมีอัตราการรอดสูงขึ้น กุ้งติดมากขึ้น และเมื่อนำผลลัพธ์มาเปรียบเทียบกับบ่อธรรมดา สิ่งที่เห็นชัด คือ ปริมาณกุ้งในโรงเรือนปิดมีเปอร์เซ็นต์รอด 50%ขึ้นไป แต่ในโรงเรือนเปิดกลับมีกุ้งรอดเพียง 30% เท่านั้น สาเหตุนี้จึงเป็นแรงผลักดันทำให้คุณสุรพงษ์หวนกลับมาแก้ไขปรับปรุงโรงเรือนของตนใหม่อีกครั้ง

โฆษณา
AP Chemical Thailand
2.โรงเรือนอนุบาลลูกกุ้งระบบปิด
2.โรงเรือนอนุบาลลูกกุ้งระบบปิด

ข้อดีของการเลี้ยงกุ้งระบบปิด

“ปกติที่ฟาร์มเราจะทำโรงเรือนเปิดทั้งหมด แต่ก็จะเจอปัญหาเดิมๆ คือ อัตราการรอด เราก็มองดูโรงเรือนปิดแบบคนอื่น พอช่วงอากาศสวิง อัตราการรอดจะสูงกว่าโรงเรือนเปิด เราเลยกลับมาสร้างโรงเรือนใหม่อีกโรงทำเป็นระบบปิด 90% เหลือพื้นที่ไว้ให้ลมพัดเข้า-ออกได้ และก็กางแสลนด้านในเอาไว้ซับอุณหภูมิในช่วงอากาศร้อนจัด ก็ทำให้อากาศด้านนอกกับด้านในต่างกัน

ซึ่งหลังจากลงกุ้งไป เมื่อเอาผลผลิตมาเปรียบเทียบกับโรงเดิม อัตราการรอดต่างกันเยอะมาก โรงใหม่มีอัตราการรอดสูงถึง 90% เลยทีเดียว ผมลงนอร์กุ้งไป 8 ล้านตัว โรงเก่าติด 4.7 ล้าน โรงใหม่ลงกุ้ง 8.2 ล้าน แต่กุ้งติด 8 ล้านตัว ตัวเลขมันต่างกันเยอะมาก แล้วกุ้งที่ติดก็เป็นกุ้งที่แข็งแรงอีกด้วย” คุณสุรพงษ์ยืนยัน

นอกจากเรื่องอัตราการรอดแล้ว ลักษณะตัวกุ้งที่อนุบาลในโรงเรือนปิดก็ยังมีความแข็งแรง สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ การเข้าระยะของกุ้ง จะเข้าเร็วกว่าปกติ นั่นหมายความว่า กุ้งโตเร็ว อีกทั้งลักษณะตัวกุ้งจะมีความเพียว และตัวเสมอกัน ซึ่งข้อนี้จะเป็นการดีในการทำกุ้งระบบของ 2 น้ำ ของ MS.FARM ด้วย เพราะจะช่วยย่นระยะเวลาในการคัดกุ้งก่อนย้ายฟาร์ม และที่สำคัญที่สุด คือ ไม่มีกุ้งเกรด C และตัวฝอย ซึ่งนอกจากจะได้กุ้งที่มีคุณภาพแล้ว ยังทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลงอีกด้วย

3.ลูกกุ้งขาวไซซ์เสมอ แข็งแรง สมบูรณ์
3.ลูกกุ้งขาวไซซ์เสมอ แข็งแรง สมบูรณ์

การบริหารจัดการบ่อกุ้ง

คุณสุรพงษ์ยอมรับว่า โรงเรือนอนุบาล 1 โรง ในการทำระบบปิด จะต้องลงทุนประมาณ 250,00 บาท/โรงเรือน (ค่าแรง พลาสติก เหล็ก และไม้) และมีอายุการใช้งานเพียง 2 ปี เท่านั้น แต่เมื่อถามถึงความคุ้มค่า เขารีบตอบกลับทันทีว่าคุ้มมาก เพราะได้ลูกกุ้งที่แข็งแรง อัตราการรอดสูง

“การทำระบบลูกกุ้ง 2 น้ำ เรื่องอัตราการรอด และความแข็งแรงของลูกกุ้ง ตรงนี้สำคัญมาก ตั้งแต่สายพันธุ์ เราคัดเลือกสายพันธุ์แม่นอกแท้ 100% และระบบจัดการฟาร์มเราก็ไม่เหมือนที่อื่น ซึ่งถ้าหากเราอนุบาลลูกกุ้งแล้วอัตราการรอดต่ำ เกษตรกรก็จะซื้อลูกกุ้งที่มีราคาสูง แต่พออัตราการรอดเราสูง กุ้งออกมาแข็งแรง เจริญเติบโตดีขึ้น เกษตรกรนอกจากได้ลูกค้าราคาสมน้ำสมเนื้อแล้ว ผลผลิตปลายทางก็ยังดีอีกด้วย”

กระบวนการผลิตลูกกุ้ง 2 น้ำ ของ “MS FARM” เริ่มต้นจากการคัดเลือก “นอเพลียส” ที่มีคุณภาพ จากฟาร์มที่น่าเชื่อถือ ก่อนนำนอเพลียสมาปล่อยในอ่างอนุบาล ทางฟาร์มจะมีกระบวนการทำน้ำนาน 8-10 วัน โดยใช้น้ำเค็มจากนาเกลือเป็นหลัก เพราะจะมีธาตุอาหารที่ดี

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เมื่อลงน้ำในบ่อพักแล้ว ทำการทรีตน้ำกับคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค รวมถึงการตรวจเชื้อโรคในน้ำก่อนการใช้ จากนั้นจะเริ่มลงนอเพลียสในอ่างอนุบาล โดยจะเน้นให้ลูกกุ้งกินอาร์ทีเมียเป็นหลัก วันละ  4 มื้อ รวมถึงอาหารเสริมต่างๆ ที่จะช่วยให้กุ้งแข็งแรง หลังจากลงนอเพลียสไปแล้ว

4.ลูกกุ้งที่ผ่านการอนุบาลในโรงเรือนระบบปิด
4.ลูกกุ้งที่ผ่านการอนุบาลในโรงเรือนระบบปิด

ด้านตลาดและช่องทางจำหน่าย ลูกกุ้ง

เมื่อลูกกุ้งเข้าระยะ P5 ทางฟาร์มจะเริ่มทำการย้ายลูกกุ้งไปอีกฟาร์ม เพื่อให้ไปเจอน้ำใหม่ สถานที่ใหม่ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้กุ้งปลอดเชื้อ เกษตรกรสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้ลูกกุ้งที่แข็งแรงไปเลี้ยงแน่นอน เมื่อลูกกุ้งย้ายไปฟาร์มใหม่แล้ว จะเลี้ยงต่อไปจนเข้า P13 จึงจะเริ่มนำลูกกุ้งออกขาย

นอกจากนี้ก่อนที่จะออกลูกกุ้งในขนาด P13 ทางฟาร์มจะมีการคัดขนาดลูกกุ้งก่อน แบ่งออกเป็นเกรด A คือ ลูกกุ้งที่มีการเข้าระยะก่อน โตก่อน และออกขายได้ก่อน ส่วนเกรด B คือ ลูกกุ้งไซซ์รอง ที่ต้องเลี้ยงต่อเพื่อขุนให้ขึ้นเกรด A และจึงจะจำหน่ายออกไปได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกค้าได้ไซซ์ลูกกุ้งที่เสมอกัน โดยทางฟาร์มจะออกลูกกุ้งเกรด A เท่านั้น

สำหรับปี 2564 นี้ ทีมงาน MS FARM นำทีมโดยคุณสุรพงษ์ ตั้งใจจะเพิ่มกำลังการผลิตกุ้งมากถึง 40 ล้านตัว/เดือน “ปีนี้เราจะทำกุ้งให้นิ่ง และมีคุณภาพ ด้วยระบบ 2 น้ำ เหมือนเดิม เพราะผมมองว่าการที่กุ้งอยู่ในบ่ออนุบาลแค่ครึ่งทาง แล้วย้ายไปเปลี่ยนน้ำใหม่ จะทำให้กุ้งแข็งแรงขึ้น และหลังจากที่กุ้งเข้าระยะ P7 เราจะส่งตรวจโรคที่กรมประมง และส่งอีกครั้งเมื่อกุ้งเข้า P12 เท่ากับว่าส่งกุ้งตรวจโรค 2 รอบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรที่ซื้อลูกกุ้งของเราไปเลี้ยง ว่าท่านจะได้ลูกกุ้งที่แข็งแรง ปลอดโรค แน่นอน” คุณสุรพงษ์ กล่าวด้วยความมั่นใจ

5.การขนส่งลูกกุ้งผ่านแบบล้งที่กำลังนิยมในปัจจุบัน
5.การขนส่งลูกกุ้งผ่านแบบล้งที่กำลังนิยมในปัจจุบัน

หลักการบริหารงานของ MS FARM

สิ่งที่ MS FARM ให้ความสำคัญมากที่สุด คือ

-กุ้งที่เข้าระยะไม่ดี เราจะไม่ส่งให้ลูกค้า

โฆษณา
AP Chemical Thailand

-สายพันธุ์กุ้งที่ไม่ชัดเจน ตรวจสอบไม่ได้ จะไม่นำมาใช้ในระบบเด็ดขาด

-หากลูกค้าไม่มั่นใจว่าลูกกุ้งที่ส่งนั้นไม่ใช้ของ MS FARM ให้ตีกลับได้ทันที เพราะลูกกุ้งจาก MS FARM จะต้องบรรจุในถังสีชมพูบานเย็น หรืออยู่ในกุ้งที่มีโลโก้ MS FARM เท่านั้น และสิ่งสุดท้าย คือ คุณภาพต้องมาก่อนเสมอ

สนใจสอบถามข้อมูลเรื่องลูกกุ้ง หรือสั่งซื้อลูกกุ้ง ได้ที่ MS FARM คุณสุรพงษ์ คงแป้น โทร : 089-746-1771 82/1 หมู่ 2 ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา 24140

อ้างอิง : นิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับที่ 377