สายพันธุ์อินทผลัม ที่เหมาะสมกับการปลูกเชิงการค้า ในประเทศไทย

โฆษณา
AP Chemical Thailand

สายพันธุ์อินทผลัม ที่เหมาะสมกับการปลูกในประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ในเชิงการค้า

จะเห็นว่าเมืองไทยวันนี้เริ่มมีกระแสการ “ ปลูกอินทผลัม ” ในเชิงการค้ากันมากขึ้นทั้งการปลูกอินทผลัมด้วย “ เมล็ด ” ที่มีราคาย่อมเยาลงมา แต่ยังต้องสุ่มเสี่ยง ในการที่จะได้ต้นตัวเมียเพียง 50 % ซึ่งแต่ละต้น จะให้ผลผลิตไม่สม่ำเสมอ และมีรสชาติที่ แตกต่างกันด้วย ซึ่ง การปลูกอินทผลัมด้วยเมล็ด จะเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรที่ต้องการลงทุนสร้างสวนอินทผลัมได้ในราคาที่ไม่สูงมากจนเกินไป

แตกต่างกับการปลูกอินทผลัมที่ต่างประเทศที่นิยมปลูก “ อินทผลัมเพาะเนื้อเยื่อ ” มานานกว่า 30 ปี เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่เน้นการปลูกอินทผลัมเป็นพืชเศรษฐกิจหลักเพื่อการบริโภคและการส่งออกที่ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพผลผลิตที่ดี ตรงกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค  ดังนั้น “ อินทผลัมเพาะเนื้อเยื่อ 

จึงตอบโจทย์ได้ในทุกด้าน แต่ยังมีจุดอ่อนที่ราคาต้นกล้าค่อนข้างสูง  แต่เกษตรกรมั่นใจได้ว่าเป็นต้นกล้าอินทผลัมตัวเมีย 100%  ต้นกล้ามีความแข็งแรง สมบูรณ์ โตเร็ว ออกผลผลิต 100%

ผลผลิตมีรสชาติเหมือนกันทุกต้น  ไม่กลายพันธุ์  ผลผลิตขายได้ราคาสูง ตลาดมีความต้องการสูง  ที่สำคัญไม่เสี่ยง ไม่เสียเวลา ไม่เสียโอกาส สามารถปลูกได้ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยที่ จะสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกร

ต้นอินทผาลัม
ต้นอินทผาลัม

สายพันธุ์อินทผลัม

ดังนั้น สายพันธุ์อินทผลัม ที่เหมาะสมกับการปลูกในประเทศไทยจึงเป็นสิ่งที่เกษตรกรต้องคำนึงถึงให้มากที่สุด เนื่องจากอินทผลัมแต่ละ สายพันธุ์อินทผลัม คุณสมบัติและลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไป ดังนี้

โฆษณา
AP Chemical Thailand

สายพันธุ์บาฮี ( BARHEE / BARHI )

เป็นพันธุ์ทานสดโดยเฉพาะ มีแหล่งกำเนิดในประเทศอีรัก ปัจจุบันมีการปลูกกันแพร่หลายในหลายประเทศ กล่าวกันว่า พันธุ์ Barhi เป็น “ แอปเปิ้ลแห่งตะวันออกกลาง ” ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำนำผลผลิตพันธุ์บาฮีมาจัดจำหน่ายในช่วงพิธีถือศีลอดของชาวมุสลิมในเขตตะวันออกกลางรวมทั้งในประเทศไทย

ลักษณะเด่น สายพันธุ์อินทผลัม นี้ จะมีผลทรงไข่อ้วนกลมกว่าสายพันธุ์อื่น ผลอ่อนมีสีเขียวเข้ม ก่อน จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนและกลายเป็นสีเหลืองทองจนกระทั่งเป็นผลแก่จัด จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลปนเหลืองและเนื้อนิ่ม เมื่อผลสุกงอมเนื้อ จะนิ่มคล้ายลูกพลับ รสชาติหวานอร่อย

ปลูกอินทผาลัม ขายกัน! ต้นกิโลล่ะ 500 บาท ปรีกษาฟรี!

ซึ่งนิยมเก็บเกี่ยวและจำหน่ายกันแบบทะลายเพื่อให้ขายได้ราคาดี ส่วนผลที่ร่วงจากทะลายนั้น จะได้ราคาถูกกว่า   แต่ผู้บริโภคนิยมทานผลสดมากกว่าเพราะเนื้อ จะกรุบกรอบ  หวาน แต่ จะมีรสฝาดเพียงเล็กน้อยในคำแรกเท่านั้น ในขณะที่ประเทศไทยโดยห้างสรรพสินค้าชั้นนำได้มีการนำเข้าผลสดของพันธุ์บาฮีมาจำหน่ายในราคา 500 – 600 บาท / กก.

ระกอบกับผลผลิตสายพันธุ์บาฮีมีน้ำหนัก 15 – 20 กรัม / ผล  น้ำหนักเฉลี่ย 50 – 60 ผล / กก. ให้ผลผลิตมากถึง 200 – 400 กก. / ต้น เพราะมีลำต้นที่หนา  แข็งแรง สมบูรณ์ตามธรรมชาติ  แต่มีการแทงหน่อจากต้นพ่อต้นแม่เพียง 6 – 8 หน่อเท่านั้น

อินทผลัม
อินทผลัม

สายพันธุ์คาลาส ( KHALAS )

มีถิ่นกำเนิด ในประเทศ ซาอุดิอาระเบีย และมีชื่อเสียง มา ใน แถบ เมือง AlQaseem และ AlKharj ซึ่ง คำ ว่า  Khalas มี ความหมาย ว่า “ แก่นแท้หรือต้นแบบที่สมบูรณ์ ”  ผลผลิต สายพันธุ์คาลาส มี รูปทรง เป็น สี่เหลี่ยม ผืนผ้า รสชาติอร่อย  มีความ เหนียวหนึบ เป็น คาราเมล เมื่อทาน ในระยะสุกงอม ( สุกครึ่งลูก ) แต่ ในแถบอาหรับ มัก จะขาย ผลผลิต สายพันธุ์ นี้ ในรูปแบบ ผลแห้ง เป็นหลัก  อีกทั้ง สายพันธุ์คาลาส เมื่อโตเต็ม จะให้ผลผลิตซึ่งเป็นผลสดที่ 150-200 กก. / ต้น / ปี

สายพันธุ์เมดจูน ( MEDJOOL )

มีแหล่งกำเนิดที่ประเทศโมร็อคโค ซึ่งปัจจุบันมีการปลูกกระจายไปทั่วโลกที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ ราชาแห่งอินทผลัม ”  ผลผลิตเมดจูนเป็นที่นิยมมากกว่าสายพันธุ์อื่นเหมาะสำหรับการซื้อเป็นของฝากมากที่สุด

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ด้วย ผลที่โดดเด่น ผล มีขนาดใหญ่ แต่เมื่อ ผลอ่อน มีสีเขียว เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อสุก และ กลายเป็นสีแดง เมื่อผลแก่จัด และ ผลแห้งจะมีสีน้ำตาลเข้ม คล้าย สีมะฮอกานี เนื้อกึ่งแห้ง เป็นทรายเล็กน้อย รสชาติหวานจัด เนื้อนุ่ม นิยมทานเป็นผลแห้ง เมดจูน ถือว่าเป็น อินทผลัม ที่มีมูลค่า การค้า สูงมาก ถือว่าเป็นอันดับ 1 ในตลาดส่งออก ซึ่งในประเทศไทยมีการจัดจำหน่ายที่  950 บาท / กก.

ซึ่งจุดเด่น อินทผลัมสายพันธุ์ นี้ เป็นสายพันธุ์ ที่มีคุณภาพสูง  มีลำต้นที่แข็งแรง ปรับตัวได้ดี ในพื้นที่ฝนชุก แต่จะอ่อนไหว ด้านสภาพอากาศ และ ความชื้นที่สูงหรือต่ำมากเกินไป ที่อาจ ส่งผล ต่อคุณภาพ ของ ผลผลิต เป็น สายพันธุ์ ที่ให้หน่อ ได้ค่อนข้างมาก 20 – 25 หน่อ / ต้น

ต้น-สายพันธุ์อินทผลัม
ต้น-สายพันธุ์อินทผลัม

สายพันธุ์ชิชิ ( SHISHI )

เป็นสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงของประเทศซาอุดิอาระเบีย  แต่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียและอิหร่าน  ผลผลิต จะสุกในช่วงกลางฤดู ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีเมื่อผลสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลในระยะที่ จะสุก จะเห็นได้ชัดเจนขึ้นแม้ในขั้นตอนของการทำแห้ง

สายพันธุ์ชิชิ มีผลผลิตเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่  ให้ผลผลิตสูง เนื้อในนุ่ม สามารถบริโภคได้ทั้งในช่วงกึ่งสุก สุกงอมและทำแห้ง ผลผลิตมีราคาสูง  อีกทั้งยังเป็นสายพันธุ์ที่ปรับตัวได้ดีแม้สภาพอากาศที่เลวร้ายและในภูมิประเทศที่แตกต่างกัน จึงเป็นสายพันธุ์ที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์อีกสายพันธุ์หนึ่ง

สายพันธุ์อินทผลัม-2
สายพันธุ์อินทผลัม-2

สายพันธุ์โคนีซี่

หรือที่รู้จักกัน “ Date Crown ” ที่มีจุดเด่นคือ ผลสีแดงเข้มและสีดำอันโดดเด่น รสชาติหวานละมุนกลมกล่อม ไม่มีเสี้ยน มีแหล่งกำเนิดในประเทศโอมานและนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( UAE ) ให้ผลผลิตเฉลี่ย 60 – 80 กก. / ต้น / ปี

ลดภาระในการฆ่าเชื้อโรคและการขนส่งได้ดีเพราะทนต่อความชื้นได้ดีเยี่ยม เนื่องจากความชื้นสูงคือปัญหาหลักของการปลูกอินทผลัมในประเทศไทย แต่ผลผลิตสามารถเก็บเกี่ยวได้ในหน้าแล้ง เป็นผลผลิตนอกฤดู ผลมีสีแดงสดทั้งผลสดและผลแห้ง รสชาติหวาน ทานได้ทั้งผลสดและแห้ง

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ลักษณะต้นสวนผลโดดเด่น ปลูกเชิงเศรษฐกิจได้ ปลูกประดับบารมีได้เพราะยังมีผู้ปลูกน้อยในประเทศไทย แต่สายพันธุ์ที่แนะนำให้ปลูกในประเทศไทยก็คือสายพันธุ์บาฮี คาลาส แฮร์รี่ และโคนีซี่ เพราะ “ คาลาส ” กับ “ บาฮี ” จะได้ความอร่อย รสชาติดีกว่าและกินได้ทั้ง 2 ระยะคือทั้งผลสดและผลแห้ง ( ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในฉบับหน้า )

ขอขอบคุณข้อมูล

คุณวิทยา ช่ำชอง ( หมอวิทย์ ), คุณศศิธร สายคำติ่ง ( คุณตุ๊ดตู่ )

ปรึกษาฟรี โทรศัพท์ @

086-563-3630

090-631-6380

โฆษณา
AP Chemical Thailand

084-653-0343

083-053-9666