เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม รวมกับกุ้งก้ามกราม รายได้มั่นคง ลดความเสี่ยง

คุณลุงจำเนียร และคุณป้าสไบพร ทองดอนเหมือน เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งมาแล้วมากกว่า 20 ปี ผ่านมาแล้วทุกความยากลำบาก ทั้งสองเป็นคนพื้นที่อำเภอบางเลนมาตั้งแต่กำเนิด เริ่มเลี้ยงกุ้งมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2537 จนถึงปัจจุบันก็ยังคงเลี้ยงอยู่ แม้อุปสรรคเข้ามาขวางกั้นก็ตาม แรกเริ่มเลี้ยงกุ้งกุลาดำกันมาก่อนเพราะเลี้ยงง่าย ต่อมามีกฎหมายมาตรา 9 สั่งห้ามเลี้ยงกุ้งกุลาดำในน้ำที่มีความเค็มต่ำในพื้นที่ภาคกลาง เลยเลิกเลี้ยงกุ้งกุลาดำ หันมาศึกษาและ เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม

โดยทั้งสองได้เริ่มเลี้ยงจากบ่อเดียวในพื้นที่บริเวณบ้านขนาด 6 ไร่ สมัยนั้นเลี้ยงกุ้งแค่ 100 กว่าวัน ก็จับขายได้ 6-7 ตัน เนื่องจากมีเพียงบ่อเดียวเลยไม่ได้จ้างแรงงานอะไร  หลังจากนั้นเริ่มขยับขยายบ่อจากหนึ่งบ่อ จนทุกวันนี้มีบ่อที่ใช้เลี้ยงกุ้งทั้งหมด 7 บ่อ ขนาด 4 ไร่ จำนวน 2 บ่อ ขนาด 5 ไร่ จำนวน 1 บ่อ และขนาด 3 ไร่ จำนวน 3 บ่อ แต่พอเริ่มเลี้ยงเยอะก็มักมีปัญหา เกิดโรคในกุ้งขึ้นมาตายกันยกบ่อ ใจยังคงสู้ต่อไม่ยอมถอย รอบใหม่เริ่มเลี้ยงก็เริ่มดูแลให้ดีขึ้น ป้องกันมากขึ้น

1.คุณจำเนียร-ทองดอนเหมือน-เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งมากกว่า-20-ปี

1.คุณจำเนียร-ทองดอนเหมือน-เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งมากกว่า-20-ปี

2.บ่อกุ้งที่ใช้เลี้ยงกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม

2.บ่อกุ้งที่ใช้เลี้ยงกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม

การ เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม รวมกับกุ้งก้ามกราม

ต่อมามีเกษตรกรมาแนะนำให้ลอง เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม รวมกับกุ้งก้ามกราม เป็นการเลี้ยงแบบผสมผสานภายในบ่อเดียวกัน โดยใช้น้ำความเค็มที่ต่ำ 2-5 ppt. (part per thousand) เมื่อทดลองเลี้ยงแล้วเกิดผลดีมาก ผลตอบแทนที่ได้คุ้มกับการลงทุน ในการเลี้ยงก็ไม่ยุ่งยาก อาหารก็กินเหมือนกัน

ช่วงไหนที่กุ้งขาวเกิดโรคระบาดก็ได้รับผลกระทบบ้าง แต่ไม่มาก ตายบ้างแค่วันละไม่กี่ตัว กุ้งก้ามกรามหากินตามพื้นบ่อ ก็กินกุ้งขาวที่ตายแล้วตกลงพื้นบ่อ เป็นอาหารให้กุ้งก้ามกรามต่อไปอีก เรื่องโรคไม่ต้องห่วง เพราะโรคที่เป็นคนละตัว ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลมากมาย และไม่ต้องรีบจับขาย ทำให้ราคาตกไปด้วย

ทั้งสองคนเลี้ยงกุ้งด้วยกันมา มีเทคนิคในการเลี้ยงหลายอย่าง แต่ที่เป็นเทคนิคหลักๆ คือ ไม่เลี้ยงกุ้งให้หนาแน่นจนเกินไป เพราะเลี้ยงกุ้ง 2 สายพันธุ์ ต้องคำนึงถึงการดำรงชีวิตของกุ้งด้วย อย่างกุ้งขาวชอบอยู่ขอบบ่อ ผิวน้ำ กลางน้ำ และลงไปกินอาหารพื้นบ่อ ก็จะปล่อยอัตราที่ไม่หนาแน่นจนเกินไป ง่ายต่อการดูแล การจัดการ ด้วย

ส่วนกุ้งก้ามกรามชอบอยู่พื้นบ่อ หากินโดยการเดินไปรอบๆ บ่อ ใช้พื้นที่การดำรงชีวิตเยอะ เคยปล่อยหนาแน่นกุ้งก้ามกรามโตไม่ดี กินอาหารไม่เต็มที่ ทำให้ได้ขนาดตัวที่เล็ก ขายไม่ได้ราคา ถูกกดราคา เลยต้องกลับมาเลี้ยงแบบปริมาณที่น้อย การจัดการฟาร์มก็ดูแลง่าย ดูแลได้ทั่วถึง ใช้คนงานแค่ 2 คน ก็ดูแลได้ครบทั้งฟาร์ม ทั้งคู่จ้างแรงงานพม่าถูกกฎหมายมา 1 ครอบครัว สอนงานให้ทุกอย่างด้วยตัวเอง เพื่อให้คนงานได้แบ่งเบาภาระ

3.อาหารที่ใช้ในการเลี้ยงกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม

3.อาหารที่ใช้ในการเลี้ยงกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม

การให้อาหารกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม จากบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด

กุ้งขาวและกุ้งก้ามกรามเลี้ยงรวมกันได้โดยไม่เกิดปัญหา อาหารก็กินอย่างเดียวกันได้ ที่ฟาร์มใช้อาหารของบริษัท ไทยยูเนี่ยนฯ มาตลอด เพราะทำให้กุ้งกินดี โตไว ไม่ส่งผลกระทบอะไรให้กับกุ้ง เคยลองไปใช้ของที่อื่นดูแล้วแต่ไม่ถูกใจ ต้องกลับมาใช้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยนฯ เหมือนเดิม เรื่องราคาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่เราเน้นคุณภาพมากกว่า เพื่อลูกกุ้งจะได้โตเร็ว แข็งแรง จับขายได้ตรงตามวันที่วางแผนไว้ ในแต่ละครั้งที่จับกุ้งก็ได้น้ำหนักเยอะ ทำเงินให้มากทีเดียว

4.ทางเดินน้ำที่ใช้สูบน้ำเข้าบ่อเลี้ยง

4.ทางเดินน้ำที่ใช้สูบน้ำเข้าบ่อเลี้ยง

การควบคุมคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงกุ้ง

ระบบการเลี้ยงของทางฟาร์ม อะไรที่ตัดออกได้ก็จะตัดเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ยังคงประสิทธิภาพในการเลี้ยงอยู่ ในฟาร์มใช้เครื่องดีน้ำ 2 แขน หนึ่งเครื่องใช้สำหรับ 2 บ่อ เนื่องจากที่ฟาร์มเลี้ยงกุ้งแบบไม่หนาแน่น ไม่ต้องใช้เครื่องตีน้ำเยอะ และไม่ต้องใช้ตลอดทั้งวัน ที่ฟาร์มเปิดให้เฉพาะตอนหัวค่ำแล้วปิดในตอนมืด ฝึกการเลี้ยงแบบนี้ตั้งแต่ลูกกุ้งยังเล็ก ลูกกุ้งจะได้ชิน

ถ้าใช้เครื่องตีน้ำตลอดตั้งแต่เริ่มเลี้ยง กุ้งก็จะชิน หากเกิดวันไหนไฟดับขึ้นมากุ้งจะอยู่ลำบาก เพราะเมื่อไฟดับอากาศในน้ำไม่พอ กุ้งลอย แก้ไขไม่ทันกุ้งตายยกบ่อ เสียหายอีกเยอะ เลี้ยงแบบนี้เป็นการป้องกันได้หลายอย่าง และประหยัดเงินได้เยอะ ในเมื่อลงทุนจ้างคนงานให้คอยเฝ้าดูแลแล้ว จึงตั้งเวลาไว้เลยว่าตี 1-2 ต้องมาเดินดูรอบๆ บ่อทุกบ่อ ถ้าเห็นว่ากุ้งลอยถึงจะเปิดเครื่องตีน้ำ แต่ปกติไม่ค่อยเกิดปัญหานี้

ในส่วนของคุณภาพน้ำ ทางฟาร์มเลี้ยงแบบชาวบ้าน วัดแค่พีเอชให้อยู่ในเกณฑ์ 7-8 ก็พอ อย่างอื่นไม่ได้มีการวัด ใช้วิธีการสังเกตเวลาให้อาหาร เพราะใช้คนหว่านอาหาร คอยดูความผิดปกติตลอด เลี้ยงแบบชาวบ้านไม่ต้องยุ่งยาก แค่ใส่ใจดูแลก็พอแล้ว เลี้ยงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดี

เมื่อถามถึงขั้นตอนการเลี้ยง การเตรียมบ่อ ได้รับคำตอบว่าไม่ยุ่งยากอะไร ปล่อยน้ำออกจากบ่อให้แห้ง ตากบ่อจนแห้งแล้วโรยด้วยปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อและกำจัดศัตรูที่จะมาทำร้ายลูกกุ้งแล้วก็พาเชื้อมาติดกุ้งในบ่อได้ ก่อนจะนำน้ำเข้าบ่อก็ต้องใช้ถุงกรองไม่ให้สัตว์อื่นได้เข้ามาปะปนกับน้ำที่จะเอามาใช้เลี้ยง

เพราะสัตว์ที่เข้ามากับน้ำมักเป็นพวกลูกปลา ลูกหอย สัตว์พวกนี้จะมาเข้ามากินลูกกุ้ง ทำให้เกิดความเสียหายได้ เลยต้องกรองน้ำทุกครั้งก่อนปล่อยลงบ่อ อุปกรณ์ทุกอย่างที่ใช้ภายในฟาร์มก็ใช้ยาฆ่าเชื้อล้างก่อนใช้ทุกครั้ง สิ่งไหนที่ทำแล้วป้องกันความเสียหายที่ตามมาก็ต้องเลือกทำเพื่อไม่ให้ขาดทุน

5.กระชังใช้ในการเพาะชำลูกกุ้ง

5.กระชังใช้ในการเพาะชำลูกกุ้ง

การใช้ลูกพันธุ์กุ้ง   

สำหรับพันธุ์ลูกกุ้งที่เอามาเลี้ยงปกติรับมาจากบริษัท กุ้งสยาม (2008) จำกัด ลูกกุ้งแข็งแรงดี ไม่ค่อยเจอปัญหาอะไร แต่รอบหลังมานี้กุ้งตายเพราะติดโรค เลยขอหยุดรับลูกกุ้งจากทางบริษัทก่อน เมื่อดีแล้วค่อยรับมาใหม่ ตอนนี้รับลูกกุ้งของ ดร.พยุง ภัทรกุลชัย มาชำ รอดูผลลัพธ์เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง เพิ่งเอามาลงได้ยังไม่ถึงเดือน

แต่โดยรวมแล้วถือว่าดี ยังไม่เจอกุ้งตาย เคยรับลูกกุ้งมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่มาแล้วผิดหวังมาก ส่งลูกกุ้งให้ไม่ตรงตามที่ต้องการ ได้แบบผสมมา โดยเฉพาะกุ้งก้ามกราม พอช่วงจับขายเอาไปส่งแพก็ต้องหักก้ามทิ้ง ตีราคาเป็นกุ้งตัวเมียหมด ทำให้ราคาต่ำ ตัวเล็กไม่โต ขนาดไม่ตรงตามที่ตลาดต้องการ เลยต้องหยุดการสั่งซื้อมา แล้วกลับมารับของบริษัท กุ้งสยามฯ เหมือนเดิม ถ้าไม่รับของบริษัท กุ้งสยามฯ ก็จะมีตัวแทนการขายลูกกุ้งมาตามบ้าน

ถ้าราคาไม่สูงจนเกินไปก็จะสั่งเพื่อเอามาเลี้ยงก่อน ไม่อยากให้บ่อว่างและขาดตอนในการเลี้ยง แต่ก็ยังชอบลูกกุ้งของบริษัท กุ้งสยามฯ เพราะลูกกุ้งเขาแข็งแรงดี กินอาหารเก่ง ถ้าไม่มีเรื่องโรคเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างอื่นดีมาก บางครั้งก็นำลูกกุ้งที่สั่งมาชำเลี้ยงไว้ในกระชังเล็กๆ เผื่อไว้เลี้ยงในรอบถัดไปด้วย

ในส่วนของการปล่อยลูกกุ้ง ทางฟาร์มจะปล่อยที่อัตราความหนาแน่นน้อย เพราะเลี้ยงแบบรวมกัน ต้องเอื้อต่อทั้งสองกุ้ง กุ้งก้ามกรามหากินและชอบเดินตามพื้นบ่อ หากินบริเวณพื้นบ่อ ทำให้ปล่อยหนาแน่นมากไม่ได้ ไม่อย่างนั้นกุ้งไม่โต กินอาหารไม่เต็มที่ กินได้น้อย ส่วนกุ้งขาวก็ชอบอยู่ริมบ่อ กินอาหารกลางน้ำ

ส่วนใหญ่เริ่มจากลงกุ้งขาวก่อน เลี้ยงจนกระทั่งกุ้งได้อายุ 45 วัน แล้วจึงปล่อยกุ้งก้ามกรามลงไปภายหลัง กุ้งทั้ง 2 ชนิด ที่ฟาร์มปล่อยไม่หนาแน่น ลดการใช้เครื่องตีน้ำ ประหยัดต้นทุนเรื่องค่าไฟลงได้ ช่วงไหนที่กุ้งขาวเจอโรคก็มีการตายบ้าง แต่จำนวนน้อย วันหนึ่งไม่กี่ตัว พอตกลงพื้นบ่อกุ้งก้ามกรามก็จะกิน เรื่องโรคไม่ต้องห่วงไม่ติดต่อกัน เพราะโรคในกุ้งขาวไม่ติดในกุ้งก้ามกราม ช่วงไหนที่โรคลงกุ้งขาว ทางฟาร์มก็ยังได้รายได้มาจากกุ้งก้ามกรามเสริมขึ้นมาช่วยดันกัน

6.เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม รวมกับ กุ้งก้ามกราม รายได้มั่นคง ลดความเสี่ยง

6.เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม รวมกับ กุ้งก้ามกราม รายได้มั่นคง ลดความเสี่ยง

การป้องกันกำจัดโรคระบาด

โรคที่พบในฟาร์มก็จะเป็นโรคขี้ขาว หัวเหลือง โรคตายด่วน (EMS) บ้าง แต่ไม่บ่อยนัก สังเกตเห็นกุ้งเริ่มตายเยอะ ก็พอรู้ได้เลยว่ากุ้งป่วยแน่นอน ต้องรีบวางแผนในการจับขายทันที จับทั้งกุ้งขาวและกุ้งก้ามกรามส่งแพ ให้แพตีราคาการซื้อขาย ไม่รีบจับเดี๋ยวจะส่งผลไปยังบ่ออื่น ยิ่งโรคตายด่วน (EMS) ต้องรีบจับ ไม่อย่างนั้นลามไปบ่ออื่นๆ จะยิ่งเสียหายกันไปใหญ่ อีกปัญหาที่เจอ คือ เรื่องนกลงมากินลูกกุ้ง ป้องกันด้วยการใช้ตาข่ายกางคลุมบ่อเพื่อไม่ให้นกบินลงมาจับลูกกุ้งไปกิน ทำให้ลูกกุ้งเสียหาย แล้วอาจนำพาโรคมาติดกุ้งในบ่อทั้งหมดได้ด้วย

เมื่อเลี้ยงกุ้งไปได้ 100 วัน ถึงจะจับขาย ทางฟาร์มก็จะจับทั้งหมด ทั้งกุ้งขาวและกุ้งก้ามกรามพร้อมกัน ส่งแพให้ตีราคากุ้งทั้งหมด ในแต่ละรอบที่จับมักได้ไม่เท่ากัน ช่วงไหนโรคลงกุ้งขาวก็จะขายกุ้งก้ามกรามได้เยอะ กุ้งขาวก็ได้น้อย เงินส่วนนั้นมานำมาใช้ซื้อลูกพันธุ์กุ้งในการเลี้ยงรอบต่อไป

7.กุ้งก้ามกรามขนาดที่จับขาย

7.กุ้งก้ามกรามขนาดที่จับขาย เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม 

การจับกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม

“การเลี้ยงกุ้งไม่ใช่จะประสบความสำเร็จได้กันทุกคน อยู่ที่ความพยายาม ความตั้งใจ และความอดทน ต่อให้จะล้มกี่ครั้ง ถ้าใจเราสู้ยังไงเราก็ยืนขึ้นได้เสมอ ในการ เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม รวมกับกุ้งก้ามกรามเป็นแนวทางช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น หากช่วงไหนกุ้งขาวโรคลง หรือราคาแย่ ก็ยังมีกุ้งก้ามกรามยังคงที่เรื่องราคาอยู่ ทำให้เกษตรกรยังมีรายได้ เกษตรกรไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่เริ่มต้น ทุกคนต้องพยายามก้าวผ่านความยากลำบากไปให้ได้

เดิมทีที่เลี้ยงกุ้งก็เลี้ยงแค่กุ้งขาวอย่างเดียว แต่เคยเจอวิกฤตโรคลงในกุ้ง ตอนนั้นทำให้กุ้งตายยกบ่อ แต่ก็ยังไม่ท้อที่จะเลี้ยงกุ้ง ยังคงรักที่จะเลี้ยงกุ้งมาตลอด พอมีแนวทางการเลี้ยงมาใหม่ก็พร้อมที่รับความรู้เพื่อเอามาพัฒนาการเลี้ยง การที่เราลุกขึ้นสู้และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค จะทำให้เราแข็งแกร่ง และเข้มแข็ง จนมีวันที่เราสุขสบายได้ในวันนี้” คุณจำเนียร และคุณสไบพร ทองดอนเหมือน เปิดใจทิ้งท้ายเพื่อให้กำลังใจแก่คนในวงการกุ้ง

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ คุณจำเนียร ทองดอนเหมือน เบอร์โทรศัพท์ 086-802-6050 96 หมู่ 3 ต.สามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม 73150 เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม

เลี้ยงกุ้งผสมปลา 3 ชนิด เน้นลดต้นทุนอาหารได้เกินครึ่ง กำไรเพิ่ม50%

ในปัจจุบันการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หรือปลา จะพบว่ากิจการในด้านนี้ประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น โรคอีเอ็มเอส โรคขี้ขาว หรือปัญหาการกีดกันนำเข้าสัตว์น้ำจากประเทศไทย หรือการที่มีจำนวนเกษตรกรหันมาเลี้ยงกุ้งมากขึ้น ทำให้ผลผลิตมีการแข่งขันในทางการตลาดสูง ส่งผลต่อราคาทำให้ลดลงได้

ทีมงาน นิตยสารสัตว์น้ำ ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ จึงมองหาทางออก และจะขอนำเสนอแนวคิดใหม่ในยุค 4.0 ที่เกษตรกรไทยมีความคิดที่ก้าวหน้า เพื่อให้พี่น้องชาวนากุ้งทั้งหลายได้มีรายได้มั่นคง และหวังว่าเรื่องราวที่จะนำเสนออาจจะมีส่วนในการปฏิวัติให้วงการกุ้งไทยกลับมาดีกว่าเดิม

วันนี้ กำนันมณูญ สุทธิจินดา นักต่อสู้ด้านการเลี้ยงกุ้งภาคกลาง จะมาแบ่งปันความรู้เรื่องวิธีการเลี้ยงกุ้งขาวแบบผสมผสานร่วมกับปลา 3 ชนิด ได้แก่ ปลายี่สก ปลานวลจันทร์ และปลาจีน มีแนวคิดแบบใหม่เพื่อได้ผลผลิตคุ้มค่าแก่การลงทุน

กำนันมนูญแรกเริ่มเปิดร้านเพาะพันธุ์ปลาขาย ชื่อ ร้านแสงอรุณพันธุ์ปลา เขามีความเพียรและความมุ่งมั่น เริ่มขยายพันธุ์ปลาได้จากการเรียนรู้ภาคทฤษฎีจาก ดร.เพียว วาริชนันท์ เจ้าของแสงสว่างพันธุ์ปลา หลังจากนั้นได้หันมาเลี้ยงกุ้งกุลาดำ แต่ประสบกับปัญหาเรื่องมาตรา 9 ที่ห้ามเลี้ยงในพื้นที่ความเค็มต่ำ จึงหันมาเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมผสมปลา 3 ชนิด และในปัจจุบันได้ขยายพื้นที่ออกเป็น 3 ฟาร์ม 2 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 315 ไร่

1.กำนันมณูญ-สุทธิจินดา-กับบ่อเลี้ยงกุ้งขาวร่วมกับปลา-3-ชนิด

1.กำนันมณูญ-สุทธิจินดา-กับบ่อเลี้ยงกุ้งขาวร่วมกับปลา-3-ชนิด

2.ผลผลิตมะนาวน้ำหอมพันธุ์ทูลเกล้าฯ

2.ผลผลิตมะนาวน้ำหอมพันธุ์ทูลเกล้าฯ

จุดเริ่มต้นการเลี้ยงกุ้งขาวแบบผสมผสานปลา ปลูกมะนาว และผลไม้อีกหลากหลายชนิด

กำนันเปิดเผยว่า เมื่อก่อนตนเลี้ยงปลารวมทุกอย่าง เช่น ปลาจีน ปลานิล ปลายี่สก ปลานวลจันทร์น้ำจืด และกุ้งขาว แต่พบว่าเศรษฐกิจเป็นพิษ เลี้ยงแล้วขายไม่ได้ ก็เลยเลิกเลี้ยงปลานิล เพราะโดยธรรมชาติปลานิล ถ้าไม่ได้รับอาหารอย่างเต็มที่ หรือเลี้ยงแบบอดๆ จะทำให้ปลานิลไข่ และออกลูกมาแย่งอาหารกุ้งกิน ทำให้กุ้งไม่เจริญเติบโต จึงเลี้ยงกุ้งและปลา 3 ชนิด ได้แก่ ปลาจีน ปลายี่สก และปลานวลจันทร์น้ำจืด เพราะปลาพวกนี้ต้องผลิตน้ำเชื้อเทียมถึงจะออกไข่ในธรรมชาติ

ในการเลี้ยงแบบเดิม เป็นการเลี้ยงกุ้งขาวเพียงอย่างเดียว ประสบปัญหากุ้งขาวเป็นโรคตายหมดบ่อ ทำให้ขาดทุนเป็นอย่างมาก จึงหาวิธีการเลี้ยงเพื่อลดปัญหาดังกล่าว คือ “การเลี้ยงร่วมกับปลา” เป็นเทคนิคการเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสาน สามารถลดปัญหาเรื่องโรคได้ และยังเพิ่มรายได้อีกด้วย

การ เลี้ยงกุ้งผสมปลา เป็นแนวทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้ ภายใต้เศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย นอกจากนี้ที่บ้านกำนันมณูญยังปลูกมะนาว “น้ำหอมทูลเกล้าฯ” และผลไม้อีกหลากหลายชนิด ขายผลผลิตมากมาย และนอกจากนี้ถ้ากุ้งที่จับมีการลอกคราบแล้วเปลือกนิ่ม นำไปขายจะได้ราคาที่ต่ำ จึงนำมาต้มแล้วตากแดด เพื่อทำเป็นกุ้งแห้ง เป็นการเพิ่มรายได้อีกทาง ส่วนเรื่องอาหารที่ใช้เลี้ยง ใช้เลี้ยงรวมกับปลาและกุ้งนั่นเอง

3.บ่อที่เลี้ยงกุ้งร่วมกับปลา-3-ชนิด

3.บ่อที่เลี้ยงกุ้งร่วมกับปลา-3-ชนิด

สภาพพื้นที่การเลี้ยงกุ้งขาวผสมผสานปลา

ในการเตรียมบ่อจะทำการตากบ่อ 10-15 วัน ไม่ต้องให้บ่อแห้งมาก แล้วตรวจสอบไม่ให้มีศัตรูภายในบ่อ จากนั้นปล่อยน้ำเข้าบ่อ 1.5-2 เมตร แล้วใส่น้ำอามิ เป็นน้ำเหลือจากการผลิตผงชูรส เพื่อสร้าง “ไรแดง” ให้เป็นอาหารธรรมชาติของกุ้งขาวและปลา โดยใส่น้ำอามิ 10,000 ลิตรต่อ 50 ไร่ ให้ได้ 20 วันขั้นต่ำ หลังจากนั้นวัด pH ให้ได้ค่าที่ประมาณ 7.7-8.0 แล้วก็ปล่อยกุ้งและปลาได้เลย พอเลี้ยงผ่านไป 3 อาทิตย์ ก็ใส่น้ำอามิเพิ่มจำนวน 500 ลิตรต่อ 50 ไร่ และเปิดเครื่องตีน้ำ เมื่อหมดรอบการเลี้ยงจะทำการถ่ายน้ำ และตากบ่อเกือบแห้ง เพื่อสลับที่พักน้ำ ทำให้ไม่เปลืองน้ำในการใช้เลี้ยงในรอบต่อไป

4.เลี้ยงกุ้งผสมปลา 3 ชนิด เน้นลดต้นทุนอาหารได้เกินครึ่ง กำไรเพิ่ม50%

4.เลี้ยงกุ้งผสมปลา 3 ชนิด เน้นลดต้นทุนอาหารได้เกินครึ่ง กำไรเพิ่ม50%

การให้อาหารกุ้งและปลา

กำนันมณูญกล่าวว่าในส่วนของการให้อาหาร ใช้แรงงานคนหว่านอาหารให้ทั่วบ่อ แต่ใช้คนน้อย เพราะสามารถเดินดูรอบบ่อ ดูความเปลี่ยนแปลงของน้ำ และพฤติกรรมของกุ้งและปลาในบ่อ อาหารที่ใช้ก็เป็นอาหารดี มีคุณภาพ เลือกอาหารที่มีโปรตีนสูงมากกว่าอาหารที่เป็นไฟเบอร์ ส่วนประกอบหลักของอาหาร ได้แก่ ปลาป่น กากถั่วเหลือง ข้าวโพด ปลายข้าว เป็นต้น และยังมีอาหารเสริม ได้แก่ แอล-ไลซีนดี, แอล-แมทไธโอนีน, โมโนไดแคลเซียมฟอสเฟตพี 21, แคลเซียมคาร์บอเนต, เกลือ, วิตามิน และแร่ธาตุ จึงเลือกอาหารหมูของ LAB INTER มาใช้ พบว่ากุ้งและปลาสามารถกินได้หมด เพราะเมื่ออาหารโดนน้ำก็จะแตกตัว ทำให้กุ้งที่หากินแพลงก์ตอน และอาหารแขวนลอยในน้ำได้ และพวกปลาที่หากินตามพื้นท้องน้ำก็สามารถกินอาหารได้ ทำให้อาหารที่ให้ทั้งกุ้งและปลากินได้หมด ไม่เหลือ ทำให้น้ำไม่เน่าเสีย โดยให้กินวันละ 2 มื้อ มื้อละ 15 กิโลกรัม เท่านั้น

5.ลักษณะโดยรอบของฟาร์มในพื้นที่ไผ่หูช้าง

5.ลักษณะโดยรอบของฟาร์มในพื้นที่ไผ่หูช้าง

การควบคุมคุณภาพน้ำในบ่อ

โดยทั่วไปฟาร์มของกำนันมณูญวัดคุณภาพน้ำแค่ 2 อย่าง ได้แก่ ความเค็ม และ ค่า pH ความเค็มจะอยู่ที่ 0-10 ppt. ส่วนค่า pH อยู่ที่ 7.7-8.0 แต่โดยรวมแล้วค่าอื่นไม่ได้วัด เพราะมีการเลี้ยงแบบผสมผสาน ทำให้เศษอาหารที่เหลือ หรือมูลของกุ้ง ของปลา ที่อยู่ก้นบ่อ มีการแปรสภาพตลอด จากพฤติกรรมการกินของปลานวลจันทร์ที่ชอบกินที่บริเวณพื้นท้องน้ำ อย่างไรก็ดีกำนันมณูญก็ต้องเปิดเครื่องตีน้ำในช่วงเวลา 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ถ้าในเวลาเช้าอากาศร้อนจัด หรือพฤติกรรมของกุ้งเปลี่ยนไป ก็จะเปิดเครื่องตีน้ำในตอนเช้าด้วย

ต้นทุนโดยหลักจะเป็นอาหารหมู และน้ำอามิ ที่นำมาทำน้ำเขียว แต่ถ้าเทียบกับกำไรที่ได้มาถือว่าคุ้มทุน เพราะอาหารที่นำมาใช้ต้นทุนน้อย อาหารกุ้งปกติราคาจะอยู่ที่กระสอบละ 950 บาท โดยประมาณ อาหารหมูใช้กระสอบละ 340 บาท เท่านั้น จึงลดต้นทุนค่าอาหารได้มาก ส่วนน้ำอามิต้นทุนก็อยู่ที่ประมาณ 8,200 บาท ต่อ 10,000 ลิตร

ในการ เลี้ยงกุ้งผสมปลา แบบระบบปิดในน้ำความเค็มต่ำ คือ ต้องระวังในการให้อาหาร ต้องมีการควบคุมตอนเริ่มเลี้ยง ลูกปลายังไม่ต้องการอาหารมากนัก จึงมีการเตรียมน้ำเขียวก่อนเลี้ยง เพื่อให้ลูกปลา ลูกกุ้ง ได้กินอาหารในธรรมชาติ และมีการปูพื้นที่ดี เตรียมน้ำที่ดี ที่เหมาะสมในการเลี้ยง สร้างอาหารธรรมชาติ ที่เป็นตัวทำให้สุขภาพสัตว์น้ำแข็งแรง ก็จะไม่มีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้น แต่เรื่องลูกกุ้งต้องเลือกซื้อลูกกุ้งจากโรงเพาะฟักที่มีการนำพ่อแม่พันธุ์ที่ปลอดเชื้อมาผลิตลูกพันธุ์ไม่ควรซื้อลูกกุ้งจากโรงเพาะฟักที่ไม่ทราบแหล่งที่มาของพ่อแม่พันธุ์

6.การนำกุ้งลอกคราบมาต้มตากแดดเพื่อทำกุ้งแห้ง

6.การนำกุ้งลอกคราบมาต้มตากแดดเพื่อทำกุ้งแห้ง

การจำหน่ายผลผลิตกุ้งและปลา

ในช่วงเดือนพฤษภาคม ราคาที่รับซื้อกุ้งก็แล้วแต่ขนาดของกุ้ง 99 ตัวต่อ 1 กิโลกรัม จะอยู่ที่ราคา 105 บาท ถ้า 47 ตัวต่อ 1 กิโล จะอยู่ที่ราคา 165 บาท ส่วนราคาปลาที่รับซื้อ ปลาจีน และปลายี่สก ตัวละครึ่งกิโลกรัม จะอยู่ที่ราคา 10 บาท ส่วนปลานวลจันทร์ ถ้าขนาดเท่าถ่านไฟฉายจะได้ราคาดี เพราะแม่ค้าใช้ทดแทนปลากระบอกทะเล ส่วนผลผลิตที่ได้ต่อเดือน ถ้าพูดเป็นวัน จะเห็นภาพได้มากกว่า 1 ฟาร์ม จะได้ผลผลิต 100 กิโลกรัม โดยประมาณ คิดในภาพรวมที่ยังไม่คัดไซด์

7.ลอบที่ใช้ดักกุ้งในเวลาการคืน

7.ลอบที่ใช้ดักกุ้งในเวลาการคืน

เปิดไฟไว้เหนือลอบจับกุ้งในพื้นที่ฟาร์มไผ่หูช้าง

เปิดไฟไว้เหนือลอบจับกุ้งในพื้นที่ฟาร์มไผ่หูช้าง

เทคนิคการ เลี้ยงกุ้งผสมปลา

แนวทางการเลี้ยงกุ้งในปัจจุบัน ต้องเลี้ยงแบบผสมผสานไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ และสารเคมี เนื่องจากพวกเชื้อต่างๆ ที่เกิดไม่สามารถฆ่าได้หมดไป เพียงแต่ยับยั้งเท่านั้น เมื่อได้อากาศและสภาวะที่เหมาะสมก็เกิดขึ้นใหม่ เกษตรกรต้องมีแนวทางการเลี้ยงใหม่ เป็นการเลี้ยงผสมผสาน และการใช้น้ำอามิสร้างอาหารธรรมชาติ เว้นรอบการเลี้ยงให้ห่างขึ้น ไม่ลงในฤดูที่เสี่ยงต่อการสูญเสีย เป็นต้น

นำกุ้งปรับความเค็มโดยเลี้ยงในน้ำจืด จะปล่อยกุ้งขาวในอัตรา 10,000 ตัวต่อไร่ ปล่อยก่อนปลา 10-14 วัน เมื่อกุ้งเริ่มโตได้ขนาด ใช้ลอบดักกุ้งนำไปดักในบ่อ และนำไฟไปห้อยไว้เหนือน้ำตรงบริเวณที่ดัก เปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืน ตอนเช้าเก็บลอบขึ้น และสามารถเก็บเกี่ยวกุ้งขาวได้ทุกวัน

และเมื่อเลี้ยงไปแล้ว 2-3 เดือน ก็สามารถลงชุดใหม่ได้ เช่น ลงกุ้ง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2561 จับกุ้งครั้งที่ 1 วันที่ 5 พฤษภาคม 2561 ไซด์ 144 ตัวต่อกิโลกรัม  วันที่ 16 พฤษภาคม 2561 ไซด์ 98 ตัวต่อกิโลกรัม วันที่ 22 พฤษภาคม 2561 ไซด์ 78 ตัวต่อกิโลกรัม เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้กำนันมณูญได้จดบันทึกทำสถิติไว้ทั้ง 3 ฟาร์ม เพื่อดูตัวชี้วัดต่างๆ

เนื่องจากปลานวลจันทร์เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ แต่สามารถปรับตัวเข้ากับแหล่งน้ำธรรมชาติ หนอง บึง อ่างเก็บน้ำ บ่อเลี้ยง และนาข้าว ได้ดี หากินตามพื้นท้องน้ำ ชอบกินซากพืช ซากสัตว์ ที่เน่าเปื่อย สามารถกินได้ทั้งอาหารประเภทพืชและสัตว์ ลูกปลาขนาดเล็กจนถึง 2.5 เซนติเมตร ชอบกินแพลงก์ตอนสัตว์ โดยเฉพาะลูกไรและโรติเฟอร์

ส่วนแพลงก์ตอนพืชอาจกินได้บ้างในบางโอกาส ปลาใหญ่กินสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว สาหร่ายเส้นสีเขียว เศษเล็กๆ ของพืชชั้นสูงรวมกัน พืชเน่าเปื่อย โคลน และอินทรีย์สารในดิน ทำให้หน้าดินแปรสภาพ ตลอดอาหารที่เหลือ และขี้กุ้ง ขี้ปลา ที่ตกตะกอนมันจะกระจายผสมกัน พื้นดินจะไม่เสีย เพราะมันจะไม่นอนก้นกับที่ ปลานวลจันทร์ชอบกินน้ำขุ่น การเลี้ยงผสมผสาน พื้นที่เดิมเลี้ยงปลาจีน ปลายี่สก ปลานวลจันทร์ แต่ด้วยความนิยมของปลานวลจันทร์น้ำจืดที่ทำรายได้ดีกว่า จึงเน้นที่ปลานวลจันทร์เป็นหลัก 

ในการ เลี้ยงกุ้งผสมปลา ของกำนันมณูญ เป็นเทคนิคการเลี้ยงแบบผสมผสานที่สามารถเพิ่มรายได้ 2 ทาง เป็นการเลี้ยงโดยไม่ต้องให้อาหารกุ้ง เนื่องจากกุ้งขาวสามารถเก็บกินอาหารที่เหลือจากการให้อาหารปลา เป็นการลดของเสียในบ่อ และยังเป็นการลดต้นทุนเรื่องค่าอาหาร แต่ได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ

8.อาหารหมูของ-LAB-INTER-ที่มีคุณภาพดีในการเลี้ยงปลาและกุ้ง

8.อาหารหมูของ-LAB-INTER-ที่มีคุณภาพดีในการ เลี้ยงกุ้งผสมปลา เลี้ยงกุ้งผสมปลา เลี้ยงกุ้งผสมปลา

รายได้จากการ เลี้ยงกุ้งผสมปลา

เมื่อถามถึง “รายได้” จากการ เลี้ยงกุ้งผสมปลา กำนันมณูญกล่าวว่า “ผมยังตอบเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าสามารถอยู่ได้มั๊ย อยู่ได้ เพราะทุกอย่างที่เราเลือกมาใช้เป็นการประหยัดต้นทุนในการเลี้ยงอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะอาหารหมูของ LAB INTER ที่มีคุณภาพที่ดี และน้ำอามิที่นำมาใช้สร้างอาหารธรรมชาติ ล้วนแล้วมีแต่คุณภาพที่ดี และต้นทุนที่ต่ำ”

การปล่อยลูกกุ้งลงในบ่อเลี้ยง เกษตรกรมักจะนำถุงที่บรรจุลูกกุ้งลอยไว้ในบ่อ เพื่อปรับอุณหภูมิให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิของน้ำในบ่อ  เนื่องจากลูกกุ้งที่ขนส่งลำเลียงมาจากโรงเพาะฟักจะมีการปรับอุณหภูมิระหว่างการเดินทางไม่ให้สูงมาก  เพื่อลดความเครียดของลูกกุ้ง การลอยถุงใส่ลูกกุ้งในบ่ออย่าให้นานเกินไป เพราะเมื่ออุณหภูมิของน้ำในถุงอุ่นขึ้นเท่ากับในบ่อ ลูกกุ้งจะเริ่มปราดเปรียว ว่องไว ลูกกุ้งตัวที่โตกว่าอาจจะกินตัวที่เล็กกว่า หรือทำอันตรายตัวที่เล็กกว่า

เคล็ดลับที่พบได้นำมาใช้ให้เกิดความสำเร็จ คือ อาหารหมูของ  LAB INTER  ที่ดี และมีคุณภาพทางโปรตีนที่สูง จึงทำให้ได้ผลผลิตที่ดี ทำให้กุ้งและปลามีการเจริญเติบโตที่ดี และการนำน้ำอามิมาใช้ในการเลี้ยง ทำให้กุ้งและปลามีแหล่งอาหารธรรมชาติ เช่น พวกแพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์

นี่คือเส้นทางธุรกิจสัตว์น้ำของกำนันมณูญ สุทธิจินดา ที่ฝ่าอุปสรรคต่างๆ มากมาย แต่วันนี้เขายังอยู่ได้ในธุรกิจ เพราะปรับตัว พลิกแพลงรูปแบบเพาะเลี้ยง จนเป็นตัวอย่างของคนในวงการ

สนใจเยี่ยมชมฟาร์ม ติดต่อได้ที่ กำนันมณูญ สุทธิจินดา โทร.081-9483032 เลขที่ 7 ม.7 ต.คลองนกกระทุง อ.บางเลน จ.นครปฐม 73130 เลี้ยงกุ้งผสมปลา เลี้ยงกุ้งผสมปลา เลี้ยงกุ้งผสมปลา เลี้ยงกุ้งผสมปลา