ทฤษฎี “เกษตรพอเพียงตามรอยพ่อ” ถือว่าเป็นหลักการทำเกษตรที่น่ายกย่องและปฏิบัติตาม ด้วยปรัชญาที่องค์พ่อหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงชี้แนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่ปวงชนชาวไทยมาเป็นระยะเวลานาน ในช่วงตั้งแต่ก่อนการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เพื่อมุ่งให้พสกนิกรได้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืน มั่นคง และปลอดภัย ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามกระแสโลกาภิวัฒน์ สวนมะนาวอินทรีย์
ด้วยเหตุนี้จึงมีพสกนิกรชาวไทยเป็นจำนวนมาก ที่ใช้ทฤษฎีเกษตรพอเพียงในการดำรงเลี้ยงชีพ อย่างเช่น “สวนมะนาวโคตรดก แป้นนภา โครงการเกษตรอินทรีย์” จังหวัดกาญจนบุรี
![1.การทาบกิ่งมะนาวเพื่อขยายสายพันธุ์](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/1.การทาบกิ่งมะนาวเพื่อขยายสายพันธุ์.jpg)
จุดเริ่มต้นของการปลูกมะนาว
คุณวรทัศน์ ปภาพิมพ์น้อย เจ้าของสวนมะนาวโคตรดก แป้นปภาไร้หนาม และสวนผสมผสานเกษตรอินทรีย์ บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ เดิมทีคุณวรทัศน์มีอาชีพเป็นตัวแทนบริษัทขายตรงเกี่ยวกับปุ๋ย-ยา ด้วยทางบริษัทเห็นแก่กำไรเกินควร โดยไม่คำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของพนักงาน เขาจึงลาออกมาทำ “สวนเกษตรอินทร์” ที่บ้าน โดยเปลี่ยนจากผืนนาเดิมให้เป็นสวนเกษตรอินทรีย์ปลูกพืชผักแบบผสมผสาน
![2.คุณวรทัศน์-ปภาพิมพ์น้อย-ปลูกมะนาว-เกษตรผสมผสาน-และครอบครัว](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/2.คุณวรทัศน์-ปภาพิมพ์น้อย-ปลูกมะนาว-เกษตรผสมผสาน-และครอบครัว.jpg)
ปลูกมะนาว และเกษตรผสมผสาน
โดยให้เหตุผลว่า “ทุกวันนี้ขายข้าวได้เกวียนละ 7,000 บาท ต่อ 1 ไร่ ต้นทุนค่าปุ๋ย-ยา ค่าเช่าที่นาอีก ชาวนาเหลือกำไร 2,000 บาท ใช้ระยะเวลา 4 เดือนกว่า จะได้เงิน 2000 บาท เฉลี่ยได้เงิน 500 บาท/เดือน คุณวรทัศน์จึงมองว่าการทำนาต้นทุนสูง และขายได้ราคาถูก เขาจึงตัดสินใจปลูกผัก ผลไม้ ดีกว่า เพราะให้ผลผลิตเร็ว และราคายังดี ยิ่งเป็นอินทรีย์ด้วยแล้วตลาดมีความต้องการสูง”
คุณวรทัศน์ให้เหตุผล พร้อมย้ำว่าทุกวันนี้ขายต้นพันธุ์มะนาวได้วันละ 2 ต้น ก็ดีใจแล้ว เพราะไม่มีต้นทุนอะไร แต่เมื่อก่อนขายของได้ 10,000 ก็หมด 10,000 เพราะไหนจะค่าที่พัก ค่ารถ บริษัทไม่ได้มาดูแลเรื่องตรงนี้ คืออีกสาเหตุที่ตัดสินใจออกจากงาน
![3.ต้นมะนาวแม่พันธุ์ภายในสวน](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/3.ต้นมะนาวแม่พันธุ์ภายในสวน.jpg)
สภาพพื้นที่การทำ สวนมะนาวอินทรีย์
โดยเริ่มลงทุนในที่นาเดิม และซื้อที่ดินเพิ่มเติมรวมเป็น 3 ไร่ จากนั้นจึงเปลี่ยนที่นาเป็นสวนโดยปลูกพืชผักผสมผสาน เริ่มแรกด้วยการขุดร่องน้ำรอบสวนก่อน จากนั้นก็ให้ที่นาข้างเคียงปล่อยน้ำเข้ามาในร่องรอบสวนเพื่อทำระบบกักเก็บน้ำ โดยใช้ระบบท่อเพื่อปรับน้ำเข้า-ออกได้สะดวก ก่อนจะเริ่มปลูกมะนาว โดยใช้ “มะนาวพันธุ์แป้นปภาไร้หนาม” ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีลักษณะเด่นต้นไม่มีหนาม ให้ผลดก เปลือกบาง น้ำหอม จำนวน 200 ต้น
![4.มะละกอฮอลแลนด์ภายใน-สวนมะนาวอินทรีย์](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/06/4.มะละกอฮอลแลนด์ภายใน-สวนมะนาวอินทรีย์.jpg)
![มะละกอฮอลแลนด์อินทรีย์รสชาติหวาน](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/มะละกอฮอลแลนด์อินทรีย์รสชาติหวาน.jpg)
การปลูกมะละกอแซมระหว่างต้นมะนาว
เนื่องจาก มะนาวกว่าจะเก็บผลผลิตได้ต้องใช้ระยะเวลา 3 ปี ช่วงแรกจึงต้องปลูก “มะละกอฮอลแลนด์” ปลูกเสริมระหว่างต้นมะนาว จำนวน 600 ต้น เพื่อเป็นรายได้ขณะที่รอผลผลิตจากมะนาว เนื่องจากมะละกอให้ผลผลิตเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 7 เดือน เท่านั้น อีกทั้งยังสามารถเก็บผลผลิตได้นานถึง 3 ปี และนอกจากมะละกอแล้ว คุณวรทัศน์ยังเคยทดลองปลูกผักชีใต้ต้นมะละกอ
แต่ในช่วงที่ปลูกผักชี ราคาไม่ดี จึงเลิกไป แล้วหันมาปลูก “มันญี่ปุ่น” แทน ซึ่งให้ผลผลิตดีมาก ทั้งหัวมัน และต้นกล้า สร้างเม็ดเงินให้จำนวนไม่น้อย แต่สุดท้ายมีคู่แข่งมาขายตัดราคา เขาจึงเลิกขายมันญี่ปุ่น และไม่ปลูกมันญี่ปุ่นอีกต่อไป
ณ ปัจจุบันคุณวรทัศน์นอกจากทำสวนมะนาว มะละกอ แล้ว เขายังปลูกพริกใต้ต้นมะละกอเสริมอีกด้วย เนื่องจากพริกให้ผลผลิตเร็วเพียง 3 เดือน ส่วนพื้นที่รอบๆ สวนที่ว่างอยู่ได้นำต้นกล้วยมาปลูกไว้จำนวน 200 ต้น ทั้งกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า และกล้วยไข่ และยังปลูกต้นชะอมเพื่อเป็นรั้วกั้นอีก 400 ต้น
แต่เนื่องจากพื้นที่ติดกับร่องน้ำ และขาดการดูแลเป็นประจำ ต้นชะอมจึงล้มตายลง คุณวรทัศน์จึงเปลี่ยนมาปลูกแก้วมังกรแทน เนื่องจากเป็นพืชทนแล้ง และไม่ต้องดูแลมาก โดยตั้งใจปลูกจำนวน 200 ต้น แล้วปล่อยตามธรรมชาติ ทำให้ทุกพื้นที่ของสวนไม่มีพื้นที่ว่าง เพราะปลูกพืชหมด เรียกว่าอยากกินอะไรก็ปลูกหมด ทำให้ปัจจุบันสวนมะนาวของเขามีพืชผัก และผลไม้ หลากหลายชนิด ที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้ตลอดทั้งปี
![5.การผสมปุ๋ยใช้เองภายในสวนอินทรีย์](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/5.การผสมปุ๋ยใช้เองภายในสวนอินทรีย์.jpg)
การบริหารจัดการต้นมะนาว และพืชผักอื่นๆ
คุณวรทัศน์ยอมรับว่าไม้ผลหลักๆ ของสวนจะเป็นต้นมะนาวที่มีถึง 200 ต้นโดยมะนาวและพืชผักในสวนของคุณวรทัศน์จะเป็นอินทรีย์แบบทั้งหมด 100% ไม่ใช้สารเคมีเลย เพราะหลักการทำอินทรีย์เพียงรู้ว่าต้นไม้ต้องการอะไรก็ให้สิ่งที่พืชต้องการ เช่น องค์ประกอบที่สำคัญของพืช คือ
- น้ำ แต่น้ำที่พืชชอบ คือ น้ำบวกควาย เพราะมีธาตุอาหารที่พืชสามารถกินได้ดี คุณวรทัศน์จึงมีวิธีการสร้างระบบน้ำด้วยการโดยนำพวกซากสัตว์ต่างๆ อีเอ็ม หรือเศษอาหารต่างๆ นำมาผสมกับน้ำเก็บไว้ในถัง จากนั้นค่อยๆ ปล่อยไปกับน้ำประปา เท่านี้เราก็จะได้น้ำบวกควายไว้ใช้ในสวนตรงตามที่พืชต้องการ
- สภาพอากาศ ซึ่งตรงนี้ไม่สามารถที่จะควบคุมได้ เพราะเป็นธรรมชาติโดยแท้ เพียงแต่ดูแลใส่ใจในต้นพืชที่ปลูก รดน้ำอย่าให้ขาดก็เพียงพอ
- ดิน ต้องหมั่นดูแลพรวนดินอยู่สม่ำเสมอ นำปุ๋ยคอกมาโรยในสวนเพื่อช่วยปรับสภาพดินให้ดีขึ้น เพราะอาหารของพืช
- ปุ๋ย จะใช้ปุ๋ยธรรมชาติที่คุณวรทัศน์คิดค้นขึ้นเองโดยนำจุลินทรีย์หน่อกล้วย จาวปลวกสังเคราะห์แสง และสับปะรด นำมาหมักใส่อีเอ็มทิ้งไว้ จากนั้นนำมาโรยรอบๆ ต้นไม้ สามารถใช้แทนปุ๋ยเคมีได้ ส่วนเรื่องแมลงศัตรูพืชได้นำเชื้อราเมธาไรเซียม เชื้อราบีเอส เชื้อราบิวเวอร์เรีย และเชื้อไตรโคเดอร์มา ผสมกับข้าวดิบคลุกให้เข้ากัน จากนั้นหมักไว้ 7 วัน แล้วนำมาละลายแล้วปล่อยกับระบบน้ำเข้าสวน ให้พืชดูดซึมน้ำเข้าต้นได้เลย และแมลงก็จะไม่เข้ามาทำลาย และเสริมด้วยกับการนำพริกแกงเผ็ดไป มาละลายน้ำอัตราส่วนพริกแกง 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 500 ลิตร แล้วนำมากรองกากออก จากนั้นนำไปฉีดพ่นรอบๆ ต้น พวกแมลงก็จะไม่สามารถเข้าทำลายได้ เพราะพริกแกงเผ็ดมาก ด้วยสมุนไพรนานาชนิด ทั้งกลิ่น และรสชาติที่ร้อนแรง ทำให้แมลงๆ ต่างไม่กล้าเข้า แต่เพียงต้องฉีดพ่นให้บ่อยขึ้นเท่านั้น
แต่โรคที่พบในมะนาวส่วนมากที่แก้ไม่ตก คือ โรคแคงเกอร์ แต่ที่สวนมีวิธีกำจัดโรคนี้โดยการใช้จุนสีที่คล้ายกับสารส้มจำนวน 1 กิโลกรัม มาละลายน้ำ 5 ลิตร หมักไว้ 1 คืน จากนั้นนำมาผสมน้ำ 500 ลิตร นำไปฉีดลูกมะนาวที่เป็นแคงเกอร์ ภายใน 2 วัน แคงเกอร์ที่ขึ้นบนลูกมะนาวก็จะค่อยๆ ร่วงหมดไป
![6.สวนมะนาวโคตรดก](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/02/6.สวนมะนาวโคตรดก.jpg)
ด้านตลาดมะนาว
“มีหลายคนเคยบอกว่าอนาคตมะนาวจะล้นตลาดเพราะคนปลูกกันเยอะ แต่คุณวรทัศน์มองว่ายังไงก็ไม่ล้นตลาด เพราะคำพูดนี้พูดกันมาตั้งแต่ปลูกมะนาวใหม่ๆ จนถึงปัจจุบันมะนาวก็ยังไม่ล้นตลาด เพราะว่าช่วงที่มะนาวราคาแพง คนส่วนมากหันมาปลูกมะนาวก็เยอะ
แต่พอช่วงราคาถูกเหลือลูกละ 1 บาท กลับโค่นมะนาวทิ้งแล้วปลูกอย่างอื่น และทุกวันนี้คนที่ปลูกมะนาวไม่เอาใจใส่ ไม่ได้เรียนรู้ รู้แค่ว่าปลูกตามกระแส ฉะนั้นคนที่ปลูกมะนาวแล้วประสบความสำเร็จจริงๆ จึงมีน้อยไม่ถึง 10% คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ คือ คนที่เค้าทำเป็นอาชีพจริงๆ ซึ่งมีน้อยมาก เพราะต้องเอาใจใส่ดูแล และให้เวลา ถึงจะประสบความสำเร็จได้”
นอกจากคุณวรทัศน์จะเป็นเกษตรกรปลอดสารพิษ เพราะทำเกษตรอินทรีย์ 100% แล้ว ยังเป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมะนาวแป้นปภา และด้วยความที่คุณวรทัศน์มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านเกษตรอินทรีย์ จึงมักถูกเชิญให้ไปเป็นวิทยากร บรรยายเรื่องเกษตรอินทรีย์ และการทำสวนมะนาวเสมอ
นอกจากนี้ยังเปิดสวนให้เป็นแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพ่อหลวง โดยเปิดอบรมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ “วันนี้คุณมาเอาฟรี เรียนฟรี ทุกอย่างฟรี แต่ผมขอคุณ 1 ข้อ คือ ถ้าคุณเอาความรู้ที่ผมให้ไป และนำไปปฏิบัติแล้วได้ผลดี ให้เอาความรู้ตรงนี้ไปถ่ายทอดให้คนรุ่นหลัง อย่าหวงความรู้” คุณวรทัศน์กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามเพิ่มเติม คุณวรทัศน์ ปภาพิมพ์น้อย 77/1 หมู่ 1 ตำบล บ้านใหม่ อำเภอท่าม่วง จังหวัด กาญจนบุรี 71130 โทร.092-459-1195