การเลี้ยง กุ้งขาวแวนนาไม + ก้ามกราม กำไรหลักแสน ลดต้นทุนกว่า 50% สไตล์ป้าเอ๋

โฆษณา
AP Chemical Thailand

กุ้งขาวแวนนาไม และก้ามกราม กำไรหลักแสน ลดต้นทุนกว่า 50%  สไตล์ป้าเอ๋

ทางทีมงานนิตยสารสัตว์น้ำ มีโอกาสได้เข้าไปสัมภาษณ์ คุณสายทอง   สระทองฮ่วน (ป้าเอ๋) เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่ 95 ไร่ ที่ อ. กำแพงแสน จ.นครปฐม ถึง การเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม ป้าเอ๋เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม มานานถึง 28 ปี ก่อนหน้านี้ประกอบอาชีพ ชาวนา และเป็นที่นามาก่อนทั้งหมด

ตอนที่ลูกๆของป้าเอ๋ยังเด็กก็จะมาช่วยทำนา หว่านข้าว แบกกระสอบเดินตามเรื่อยๆจนถึงคันนา แต่พอเริ่มเลี้ยงกุ้งต่างกันเลยทีเดียว ก่อนที่จะเลี้ยงกุ้งใครๆก็บอกว่าคนมีเงินเท่านั้นถึงจะได้รู้จัก การเลี้ยงกุ้งขาวด้วยตอนนั้นเธอไม่มีเงินที่จะเลี้ยงกุ้งจึงต้องทำนา ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ถ้าทำนาไปเรื่อย ก็อาจจะส่งลูกๆเรียนไม่จบ

จึงหันมา เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม เพื่อส่งลูกเรียนจนจบปริญญา เมื่อลูกของเธอเรียนจบก็มาช่วยกิจการ มากระจายหนี้ที่ลงทุนในการทำบ่อ เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม เดิมมีพื้นที่ทั้งหมด 30 ไร่ ที่เหลือ 45 ไร่ เป็นพื้นที่เช่าทั้งหมด และมีแรงงานที่ช่วยเพียง 1 คน อยู่ที่บ่อ 40 ไร่ นอกจากนั้นก็จะเป็นคุณป้า ลูกสาว และลูกชาย เป็นคนดูแลทั้งหมด

และถ้าบ่อไหนที่ใกล้ๆขึ้นกุ้งป้าก็ต้องไปนอนเฝ้าบ่อ พื้นที่ 95 ไร่ ใช้คนดูแลเพียง 3 คนเท่านั้น

โดยจะมีเนื้อหาดังนี้

โฆษณา
AP Chemical Thailand
  1. กุ้งขาวแวนนาไม
  2. การเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม
  3. วิธีเลี้ยงกุ้งขาวให้โตเร็ว
  4. กุ้งแวนนาไม
  5. สารปรับสภาพน้้ำ
  6. ค่า pH ของน้ำ 
  7. เลี้ยงกุ้งแวนนาไมและกุ้งก้ามกราม
  8. การปรับพื้นที่นามาเป็นนากุ้ง
  9. แร่ธาตุและอาหารที่เลือกใช้
  10. ติดต่อ คุณเมย์ โทร: 092-256-5358
กุ้งขาวแวนนาไม + ก้ามกราม กำไรหลักแสน ลดต้นทุนกว่า 50% สไตล์ป้าเอ๋
กุ้งขาวแวนนาไม + ก้ามกราม กำไรหลักแสน ลดต้นทุนกว่า 50% สไตล์ป้าเอ๋

การปรับพื้นที่นามาเป็นนากุ้ง

เดิมนาข้าวจะเป็นพื้นที่แปลงยาว และใหญ่ จะใช้พื้นที่ตรงคัน มาทำเป็นคันบ่อเพื่อเลี้ยง กุ้งจะไม่ปรับทั้งหมดเพราะค่าใช้จ่ายในการปรับค่อนข้างสูง เฉลี่ยออกมา 1 ไร่ ราวๆ 1 หมื่นบาท แต่ในการปรับของลูกชายป้าเอ๋จะประหยัดไปได้ครึ่งหนึ่ง

ใช้รถแม๊กโครขุดรอบบ่อ 2 ช่วง และ 2-3 ปี ค่อยทำใหม่อีกครั้ง มันจะแน่นกว่าเดิม เฉลี่ยไร่ละ 1 หมื่นบาท คือ จะค่อยๆทยอยทำ หมุนเวียนทำไป อย่างจับบ่อๆหนึ่งก็ได้กำไรราวๆ 4-5 แสนบาท แต่ยังไม่เยอะเหมือนฟาร์มอื่นๆ

คุณภาพลูกกุ้งก้ามกราม ชำในบ่อดิน ไซส์ 350-400 ตัวก.ก
คุณภาพกุ้ง

แร่ธาตุ และอาหาร ที่เลือกใช้

ป้าเอ๋ เล่าว่า แต่ก่อนก็ไม่รู้ว่าแร่ธาตุ อาหารยี่ห้อไหนดี ช่วยอะไรบ้าง ก็เริ่มจากการลองผิดลองถูก จนมาเจอ “อะตอมมิค” คือ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง เป็นจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการเจริญเติบโตลงของแร่ธาตุในดิน  และจะทำการหว่านเริ่มจากแร่ธาตุก่อน

เนื่องจากบ่อของป้าเป็นบ่อที่มีขนาดใหญ่พื้นที่ 10 ไร่ ใช้อยู่ที่ 10 ลูก หรือ 1ไร่ ต่อ 1 ลูก กระสอบละ 25 กิโลกรัม ที่เลือกใส่เพราะกุ้งมันลอกคราบดี เปลือกจะแข็ง จะใส่ทุกๆ 7 วันโกน ใส่จนกว่า กุ้งขาวแวนนาไม จะจับ

อาหารที่ใช่ก็จะใช้หัวเกลือ  เวลาเราหว่านอาหารเราจะผสมหัวเกลือ เพราะจะได้ความเค็มพอประมาณ คือ การเตรียมบ่อเราจะใส่แร่ธาตุ จุลินทรีย์  และใส่หัวเกลือ

ทำไมต้องใช้จุลินทรีย์  

พื้นบ่อที่เน่า เสีย และเหม็น ป้าเอ๋จะใช่สารปรับสภาพน้ำ “ตรากุ้ง 3ตัว” เมื่อล้างบ่อจะทำการหว่านสารปรับสภาพน้ำ ใช้ในสัดส่วนอยู่ที่ 1 ไร่ ต่อ 1 ลูก  กระสอบหนึ่ง  50 กิโลกรัม และยิ่งถ้าใส่สารปรับสภาพน้ำก่อนที่จะปล่อยน้ำเข้าบ่อ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

สารปรับสภาพน้ำ จะเข้าไปช่วยในเรื่องของการปรับสภาพดิน และสิ่งที่เกิดขึ้น คือ “ไรแดง” ที่ขึ้นในบ่อเมื่อใช้สารปรับสภาพน้ำ  เพราะเมื่อหว่านสารปรับสภาพน้ำลงในบ่อที่เตรียมไว้ ช่วง 6-7 วันแรก ก่อนที่จะปล่อยกุ้งลงในบ่อจะมีไรแดงขึ้นเป็นจำนวนมาก เพราะ “ไรแดง”เป็นอาหารธรรมชาติที่ดีสำหรับการอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน

และช่วยประหยัดต้นทุนอาหารไปได้ถึง 1 สัปดาห์ เพราะจะปล่อยให้ลูกกุ้งกินไรแดงที่อยู่ในบ่อจนครบ 7 วัน จึงจะค่อยให้อาหาร และเลี้ยงกุ้งได้ประมาณ 1 เดือน ก็จะหว่านสารปรับสภาพน้ำอีก 1-2 ลูก ต่อพื้นที่ 5 ไร่ ปรับน้ำก่อนใส่แร่ธาตุ กับ จุลินทรีย์และหว่านสารปรับสภาพน้ำ “ตรากุ้ง 3 ตัว”

4.อัตราการปล่อยกุ้งแวนนาไม,กุ้ามกราม
4.อัตราการปล่อยกุ้งแวนนาไม,กุ้ามกราม

อัตราการปล่อย ที่ได้ไซส์ตามที่ตลาดต้องการ

ป้าเอ๋ เล่าให้ทีมงานฟังว่า ถ้าเอาลูก กุ้งขาวแวนนาไม มาลง 5 แสนตัว ก็จะมีการนำมาชำไว้อีกบ่อ ใส่ไว้ 20 ถุง พอได้ 2-3 เดือน ก็จะย้ายลงบ่อดิน ปล่อย กุ้งลงบ่ออยู่ที่ 2 แสนตัว  การชำลูกกุ้งจะสามารถช่วยลดต้นทุนได้เยอะมาก อย่างรุ่นผ่านมาลงลูกกุ้ง 5 แสนตัว ได้ถึง 2 ตันกว่า

ภายในระยะเวลา 3 เดือน ไซส์ กุ้งขาวแวนนาไม จะอยู่ที่  60 ตัว/กิโลกรัม ได้กำไร 9 หมื่นบาท และก้ามกราม 5 แสนตัว จะได้กำไรอยู่ที่ 8 หมื่นบาท เมื่อเลี้ยงผสมทำให้ได้กำไรมากขึ้น และจะคัดแยกระหว่าตัวผู้กับตัวเมียออกจากกันเพื่อส่งแพรับซื้อที่ ตลาดมหาชัย อย่างปล่อยอยู่ที่ 1 ล้านตัว เราจะลากเพียงครั้งเดียว

เพราะถ้าหากเราลากบ่อยๆ ก็อาจทำให้กุ้งตายได้ พอลากกุ้งก้ามกรามเสร็จก็จะได้ระยะของการลากกุ้งขาวพอดี ซึ่งระยะการเลี้ยงอยู่ที่ 2 เดือน แต่ถ้าต้องการให้ไซส์ใหญ่ก็จะต้องเลี้ยงต่อ 2-3 เดือน ถึงจะเป็นกุ้งไซส์นิ้วที่ตลาดต้องการ

กุ้งกุลาดํา ส่งจีน บ่อ 4 ไร่ เลี้ยง 320,000 ตัว

เลือกใช้อาหารเพื่อให้ได้ กุ้งขาวแวนนาไม คุณภาพ

อาหารที่ป้าเอ๋เลือกใช้ คือ อาหารของ CP เพราะกุ้งขาวและก้ามกรามที่กินอาหารจะโตไว แข็งแรง ไม่แตกไซส์ น้ำหนักดี ทนทานต่อโรค และที่สำคัญได้ไซส์ที่ตลาดต้องการ ก่อนหน้านั้นก็เคยเอากุ้งอื่นมาเลี้ยง กินอาหาร ก็ไม่โตไม่แข็งแรง กินอาหารไม่ดี ตัวใหญ่จริงแต่น้ำหนักก็ไม่ได้ตามที่ต้องการ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

โดยคุณภาพที่ออกมา ป้าเอ๋บอกว่า ชอบที่สุด คือ ไม่แตกไซส์ ไซส์เสมอกัน อย่างสมมุติเลี้ยงได้ 120 ตัว คนอื่นที่เลี้ยงไม่ใช้ใช้กุ้งและอาหารแบบป้าก็จะได้อยู่ที่ 60 ตัว แต่ป้าจะเลี้ยงติดอยู่ที่ 120 ตัวครบ คือ ติดดี ไม่แตกไซส์ ออกครบตามจำนวนที่ลงในบ่อ

และจะมีการให้อาหารทุกๆ 2 ครั้งต่อวัน และอาหารจะมีการเช็คโดยการที่ป้าเอ๋จะเอามือกอบอาหารที่อยู่ในบ่อว่าเหลือหรือไม่ ถ้าเหลืออาหารติดมาในมือก็จะทำการลดปริมาณอาหารให้น้อยลง และการอยู่รอดของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง คือ “กำไรที่ได้ตอบแทน” ช่วงที่ราคา กุ้งขาวแวนนาไม สูงๆ ได้กำไรถึงหลักแสน

แต่ช่วงที่ราคา กุ้งขาวแวนนาไม ไม่ค่อยดี ก็จะได้กำไรอยู่ที่ 7-8 หมื่นบาท อย่างกุ้งก้ามกราม มีคนมาซื้อ 200 กิโลกรัม ราคาที่ได้ก็อยู่ที่กิโลละ 400 บาท ถือว่าเป็นกำไรที่ได้ค่าอาหารคืน ป้าเอ๋เฉลี่ยกำไรออกมาโดย การลงทุนครั้งละ 5 หมื่นบาท  ได้กำไรอยู่ที่ 3 บาท

โดยหักค่าใช้จ่ายเรื่องของค่ารถที่ขนส่งไปแพ 2 พันบาท  เฉลี่ยออกมา 3 บ่อเท่าๆกัน ใส่วิตามินทุกอย่างก็ 5 หมื่นบาท อาหาร 1ตัน ก็ 36,000 บาท ก็กำไรอยู่ที่ 7-8 หมื่นบาท

5.น้ำคือปัจจัยสำคัญในการเพาะเลี้ยงกุ้ง
5.น้ำคือปัจจัยสำคัญในการเพาะเลี้ยงกุ้ง

น้ำคือปัจจัยสำคัญในการเพาะเลี้ยงกุ้ง

น้ำ คำสั้นๆที่มีความสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิต เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเราไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีน้ำ เพราะน้ำคือชีวิต และการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำก็เช่นกัน และช่วงเดือน เมษายน-มิถุนายน จะเป็นช่วงที่รีบวิด จะเรียกว่าการกอบโกยน้ำให้ได้มากที่สุดเลยทีเดียว

เพราะเป็นช่วงที่น้ำแล้ง และเราจะต้องประคับประคองให้ได้ภาพใน 3 เดือน จึงต้องมีการปล่อยบางเป็นหลัก  บ่อ 5-6 ไร่ เราจะปล่อยอยู่ที่ 100,000 -120,000 ตัว เพื่อการอยู่รอดของเราและกุ้ง เพราะการที่เราปล่อยหนาหรือเพิ่มจำนวนกุ้งลงในบ่อ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

และยังมีการเติมน้ำเพิ่มในบ่อช่วงนั้นจะทำให้กุ้งต้องปรับตัว เกิดการแตกไซส์ อาจจะทำให้กุ้งเกิดอาการเครียด ไม่กินอาหารได้เลยทีเดียว และน้ำที่ปล่อยเข้ามาก็จะมีการปรับสภาพน้ำ

โดยการใส่สารปรับสภาพน้ำ ตรากุ้ง 3ตัว เพื่อช่วยในเรื่องของน้ำที่เน่า เสีย หรือกลิ่นเหม็นของน้ำ และที่สำคัญช่วยลดในเรื่องของโรค EMS อีกด้วย

ฝากถึงเกษตรกรผู้ที่เลี้ยงกุ้งในช่วงหน้าแล้ง

ป๋าเอ๋ แนะนำแนวทางให้กับเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งแล้วประสบปัญหา การเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม คือ จะต้องปล่อยให้บางเพื่ออัตราการรอด การเจริญเติบโตของกุ้ง อย่างส่วนตัวของป้าเอ๋ จะปล่อยอยู่ที่ 2-3 ตัว เพื่อไม่ให้กระทบในเรื่องของน้ำที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญเพื่อไม่ให้เกิดโรคต่างๆ

 

หากสนใจเยี่ยมชม หรือของคำปรึกษาได้ที่

คุณสายทอง  สระทองฮ่วน  หรือ ป้าเอ๋

ที่อยู่ 35หมู่ 5 ต. สระพัฒนา อ.กำแพง จ.นครปฐม

โฆษณา
AP Chemical Thailand

กุ้งขาวแวนนาไม กุ้งขาวแวนนาไม