![9014](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2015/08/9014-300x169.jpg)
เมื่อ “ไฟฟ้า” กลายเป็นปัจจัยหลักของการดำรงชีวิต จึงมีการเสาะหา “เชื้อเพลิง” ต่างๆ เพื่อผลิตไฟฟ้า
หากแต่เชื้อเพลิงตามธรรมชาติเริ่มลดน้อยลงทุกที ไม่ว่าจะ เป็น ก๊าซธรรมชาติ และถ่ายหิน เป็นต้น
ขณะที่ “เชื้อเพลิงสะอาด” อย่าง ลม แสงแดด และน้ำ ยังไม่สามารถผลิตได้เพียงพอสำหรับความต้องการปัจจุบัน
ส่วนพลังงานนิวเคลียร์ แม้จะได้รับความนิยม และพิษสงทางลบของมันร้ายแรงมหันต์
โดยเฉพาะเหตุการณ์ สึนามิถล่มญี่ปุ่นเมื่อไม่กี่ปีก่อน ทำให้คนญี่ปุ่น และทั่วโลก หวาดกลัวเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าชนิดนี้มาก
ญี่ปุ่นจึงต้องหาพลังงานทางเลือกที่ปลอดภัยเพื่อทดแทน
หนึ่งในนั้นคือ “พลังงานชีวมวล”
แต่ละปีประเทศแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ ต้องนำเข้า “วู๊ดชิพ” จากประเทศแคนาดากว่า 270,000 ตัน/ปี ซึ่งเป็นไม้ที่เกิดจาก ไม้เชิงพาณิชย์ ปลูกเพื่อป้อนการผลิตไฟฟ้าโดยเฉพาะ
แต่เมื่อความต้องการผลิตไฟฟ้ามีสูงขึ้น ประเทศญี่ปุ่นจึงเสาะหาและสำรวจเชื้อเพลิงจากไม้ชนิดอื่นเพื่อทดแทนความต้องการมนอนาคต ที่ความต้องการ 1.3 ล้านตันในปี 2019
เชื้อเพลิงที่ญี่ปุ่น ส่องแว่นโฟกัสมากที่สุด คือ ไม้ยางพารา จากประเทศไทยนั่นเอง
แต่ปัญหาที่กลายเป็น “หอกข้างแคร่” ของอุตสาหกรรมไม้ยางมาตลอด คือ การถูกมองว่าเป็นไม้ที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า ต่างจาก ไม้เชิงพาณิชย์ จากต่างประเทศ
นี่เองที่ทำให้ ไม้ยางไทยไม่สามารถ “ติดปีก” โบยบินสู่อุตสาหกรรมกรรมไม้โลกได้
แต่ปัญหาดังกล่าวกำลังจะหมดไปเมื่อ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง หรือ สกย. กำลังจะสร้างความกระจ่างแจ้งเรื่องความบริสุทธิ์ ของไม้ยางพาราไทย
![นายเชาว์ ทรงอาวุธ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2015/08/นายเชาว์-ทรงอาวุธ-300x196.jpg)
นายเชาว์ ทรงอาวุธ รองผู้อำนวยการ สกย. และโฆษก สกย. เดิม ปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของการยางแห่งประเทศไทย เผยถึงประเด็นดังกล่าวว่า มีโอกาสร่วมหารือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจากกระทรวงพาณิชย์ และ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ “เจโทร กรุงเทพฯ” เพื่อหารือในการรับรองเรื่องของการนำเศษไม้ยางพารา และ ขี้เลื่อย จากไม้ยางพาราเข้าสู่กระบวนการอัดก้อน ทำเป็นถ่าน เพื่อนำส่งขายไปประเทศญี่ปุ่นในการนำไปสู่การสร้างพลังงานชีวมวล
ทั้งนี้จากการหารือ พบว่า รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานทางเลือกนอกเหนือจาก “พลังงานนิวเคลียร์”
ขณะนี้ทางญี่ปุ่นเองมีการนำเข้าไม้อัดจากประเทศแคนาดาเป็นหลัก และในประเทศไทยเอง มีภาคเอกชนหลายแห่งที่กำลังดำเนินธุรกิจโรงงานชีวมวล
แต่ทั้งนี้ การส่งวัตถุที่เป็นถ่านอย่างไม้ยางพาราไปขายที่ประเทศญี่ปุ่น ยังคงติดประเด็นปัญหาเรื่องการรับรองไม้ยางที่นำไปทำเป็นผงถ่าน เป็นไม้ยางที่ถูกต้อง ไม่ได้เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า
เพราะฉะนั้นทาง ในฐานะองค์กรที่ให้การดูแลและส่งเสริมให้การสงเคราะห์การปลูกยางพารากับภาคเกษตรกรโดยตรง มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้การสนับสนุนการรับรองแหล่งที่มาของไม้ยางพารา ว่าเป็นไม้ที่มาจากการปลูก ไม่ได้มาจากไม้ป่าธรรมชาติ
“ผมคิดว่า เป็นแนวทางหนึ่งหรือทางเลือกหนึ่งของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง รวมถึงผู้ประกอบการภายในประเทศที่คิดจะทำเรื่องของธุรกิจไม้ยางพาราไม่ว่าจะเป็นกิ่ง เศษไม้เล็กๆ รากไม้ยาง เอามาบดเพื่อที่จะไปทำเป็นถ่านอัดก้อนส่งไปขาย ทำให้เกษตรกรมีโอกาสเพิ่มรายได้ในการขายเศษไม้ยางที่ขายไม่ได้ราคา ซึ่งส่วนมากจะทำลายด้วยการเผาทิ้ง ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ และภาคเอกชน ได้มีโอกาสทำธุรกิจขายพลังงานชีวมวลให้กับต่างประเทศ นับว่า เป็นการสร้างประโยชน์ให้กับทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี”
![นางอุมาพร ฟูตระกูล](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2015/08/นางอุมาพร-ฟูตระกูล-300x196.jpg)
นางอุมาพร ฟูตระกูล ผู้แทนกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการนี้ เป็นหนึ่งในหลายๆ โครงการจากความร่วมมือการเจรจาทางธุรกิจร่วมกันระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น การส่งเสริมสินค้า “วู้ดพาเลท” ไปยังประเทศญี่ปุ่น เป็นโครงการที่มีความเป็นมาจากกรณีเหตุการณ์โรงงานผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่นระเบิด ทำให้โรงงานก็มีจำนวนลดลง ส่งผลต่อการผลิตกำลังไฟฟ้าภายในประเทศ ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงหันมาส่งเสริมโรงงานผลิตไฟฟ้าแบบชีวมวลมากขึ้น
ปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นได้มีการนำเข้าไม้จากประเทศแคนาดาโดยส่วนใหญ่ และผลิตใช้เองในประเทศ แต่จะเป็นรูปแบบของ “วู้ดชิพ” เป็นเศษไม้จริงๆ ที่ได้จากการปลูกเพื่อตัดมาทำเป็นพลังงานโดยเฉพาะ ประกอบกับแนวโน้มของโลกที่ต้องการจะลดมลภาวะ จึงทำให้มีการส่งเสริมการตั้งโรงงานไฟฟ้าและผลิตโดยชีวมวล
ทั้งนี้ ชีวมวล จะมีวัตถุดิบที่นำมาเผาเป็นเชื้อเพลิงก็มีหลายแบบ ประเทศไทยมองเห็นว่าขณะนี้ ยางพารามีปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ ดังนั้น รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญในการจะสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตนี้ได้อย่างไร
ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จึงมองเห็นว่าผู้ประกอบการไทยมีความสนใจที่จะผลิตวู้ดพาเลทจากเศษไม้ยางพารา
ที่ผ่านมา ไม้ยางพาราที่มีการโค่นแล้วในส่วนที่เหลือก็ต้องมีการเผา ทำให้เกิดมลภาวะในอากาศ หากเอาเศษไม้ยางพารามาใช้ประโยชน์ โดยการนำมาอัดแท่งเป็นขี้เลื่อย จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพารา และสร้างรายได้ทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการต่อไป
นางอุมาพร กล่าวเพิ่มเติมว่า กระบวนการนำเข้าวู้ดพาเลทไปประเทศญี่ปุ่น จะต้องมีกฎระเบียบ โดยเฉพาะเรื่องใบรับรองแหล่งที่มาของไม้ เพราะกฎหมายของทางญี่ปุ่น ได้มีการระบุว่า ไม้ที่นำมาทำนั้น ทำมาจากเศษไม้ยางพาราและไม่ได้นำมาจากการตัดไม้ทำลายป่า แต่เป็นป่าที่ต้องมีการปลูกทดแทนอยู่แล้ว เนื่องจากหมดสภาพ
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่จะให้การรับรองในส่วนนี้ได้ จะต้องให้ทาง สกย. พิจารณา เพื่อส่งเสริมและอุดหนุนเกษตรกรชาวสวนยาง และคิดว่า สกย. จะเป็นไฟสว่างให้ไปเจอทางออกของเศรษฐกิจให้ได้ขณะนี้
ข้อกังวลเดียวคือ ใบรับรอง สำหรับช่องทางการตลาด กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ดำเนินการไว้แล้ว
ทั้งนี้ ในปี 2015 ประเทศญี่ปุ่น มีความต้องการวู้ดพาเลทประมาณ 270,000 ตัน และในปี 2019 มีความต้องการสูงถึง 1.3 ล้านตัน ที่ผ่านมา
ผู้ประกอบการของไทยมีความตื่นตัวและกำลังเร่งสร้างโรงงานประมาณ 50 แห่งในภาคใต้ เพราะภาคใต้เป็นภาคที่ปลูกยางพาราเป็นหลัก โดยมีการส่งขายภายในประเทศ แต่หากการเจรจาครั้งนี้ทางญี่ปุ่นยอมรับการรับรองการนำเข้าดังกล่าวได้ จะช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น
![นายโยชิอะกิ โยเนะยะมะ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2015/08/นายโยชิอะกิ-โยเนะยะมะ-300x198.jpg)
ด้าน นายโยชิอะกิ โยเนะยะมะ ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือทางการค้า เจโทร กรุงเทพฯ ให้ข้อมูลว่า เจโทร มีหน้าที่ในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก เจโทร ยังให้ความสำคัญในการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการพร้อมกันด้วย การเจรจาธุรกิจในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ประกอบของต่างประเทศ (ญี่ปุ่น) และผู้ที่จะส่งออกของชาวไทย ซึ่งมีความต้องการซื้อ และขายวัตถุดิบที่จะนำไปสู่การผลิตพลังงานไฟฟ้า ที่เรียกว่า พลังงานชีวมวล จึงเป็นบทบาทของเราที่มีหน้าที่ติดต่อประสานงาน เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีในการทำธุรกิจระหว่างผู้นำเข้า และส่งออกของประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม ในการเจรจาหารือครั้งนี้ มีประเด็นการรับรองผลิตผลทางการเกษตรเป็นไม้ยางพาราสามารถกระจ่างได้อย่างชัดเจน ทางเจโทรจะเร่งกลับไปดำเนินการให้กระบวนการต่างๆ นั้น สามารถดำเนินการไปได้อย่างรวดเร็วขึ้น เพราะเรามีข้อมูลอยู่แล้วว่าบริษัทเทรดดิ้ง ที่ต้องการใช้วู้ดพาเลทมีกี่แห่ง ที่ใดบ้าง จึงเป็นโอกาสดีที่จะทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นจริงในเวลาอันรวดเร็วได้ เพราะทางญี่ปุ่นจะรู้สึกจะดีใจมาก หากสามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับเกษตรกรชาวไทย และทำให้การนำเข้าเป็นประโยชน์ของผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายด้วย
![111](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2015/08/111-300x200.jpg)
tags: ไม้ยางพารา ส่งออก ญี่ปุ่น 1.3 ล้านตัน ผลิตไฟฟ้า ชีวมวล เชื้อเพลิงชีวมวล ไม้ยาง ไม้ยางพารา ยางพาราผลิตไฟฟ้า ไม้ยางพาราส่งออก ส่งออกไม้ยางพารา ยางพารา ยาง
[wpdevart_like_box profile_id=”112152085551102″ connections=”show” width=”300″ height=”220″ header=”big” cover_photo=”show” locale=”th_TH”]