การเลี้ยงปลาในกระชัง
การเลี้ยง ปลาในกระชัง เป็นวิธีการเลี้ยงปลาอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความนิยมกันอย่างแพร่หลายในแม่น้ำ หรือแหล่งน้ำทั่วไปตามธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง แอ่งน้ำ แม้แต่ในบ่อที่มีการขุดจนพบตาน้ำ การเลี้ยง ปลาในกระชัง เป็นวิธีการเลี้ยงอย่างหนึ่งที่เหมาะสม ทั้งทางเศรษฐกิจ และการปฏิบัติ นอกจากนี้อาจจะนำไปใช้ในแหล่งน้ำกร่อย หรือทะเล ก็ได้
การเลี้ยง ปลาในกระชัง สามารถควบคุมอัตราความหนาแน่นของการปล่อยปลาได้ และยังสามารถให้อาหารเสริมต่างๆ เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของปลา ให้ได้ผลผลิตในระยะเวลาอันสั้นได้อีกด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเลี้ยง ปลาในกระชัง หนีไม่พ้นสภาพน้ำที่ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะเป็นการเลี้ยงแบบเปิด ซึ่งน้ำที่ดีจะต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วน กว้างขวางพอที่จะมีพื้นที่ให้กระแสน้ำหมุนเวียนผ่านกระชังได้ คุณสมบัติของน้ำต้องห่างไกลจากแหล่งน้ำเสีย สารพิษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม และแหล่งชุมชน
ในละแวกแหล่งน้ำนั้นจะต้องมีความพร้อมด้านคมนาคมที่สะดวก เหมาะแก่การขนย้าย ขนถ่ายปลาไปยังตลาดได้ ทางทีมงาน นิตยสารสัตว์น้ำจึงขอนำเสนอข้อมูลการเลี้ยงปลาทับทิมในกระชังที่เลี้ยงในแหล่งน้ำที่ดี ตามคุณสมบัติของการเลี้ยง ปลาในกระชัง ครบทุกประการ
จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการเพาะเลี้ยงปลากระชังเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ลำน้ำ “แควน้อย”, “แควใหญ่” และ “แม่น้ำแม่กลอง” ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ปราศจากโรงงานอุตสาหกรรม
ส่งผลให้มีการเลี้ยงปลากระชังเกือบจะตลอดลำน้ำกันเลยโดยเฉพาะการเลี้ยงปลาน้ำจืด อย่าง ปลาทับทิม และปลานิลกระชัง ทำให้จังหวัดกาญจนบุรีขึ้นแท่นผู้ผลิตปลาทับทิม และปลานิล เป็นอันดับ 1 ของประเทศไปโดยปริยาย
![1.กระชังปลาของมีนกาญฟาร์ม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/1.กระชังปลาของมีนกาญฟาร์ม.jpg)
![2.คุณเป้-คนที่1-จากซ้าย-และทีมงาน](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/2.คุณเป้-คนที่1-จากซ้าย-และทีมงาน.jpg)
จุดเริ่มต้นการเลี้ยงปลาทับทิม
ด้วยเหตุนี้ทีมงาน “นิตยสารสัตว์น้ำ” จึงลงพื้นที่พูดคุยกับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาทับทิมกระชังคุณภาพ ที่ปัจจุบันหันมารวมกลุ่มเพื่อเพิ่มอำนาจในการช่วยกันต่อรองราคาของปลาทับทิมในตลาด ณ ปัจจุบัน จุดเด่นในการเลี้ยงปลาของสมาชิกแต่ละท่านที่สามารถผลิตปลาทับทิมออกสู่ตลาดได้วันละไม่ต่ำกว่า 20 ตัน ทุกวันนั้น เขาทำได้อย่างไร และอะไรคือเทคนิคที่ทำให้สมาชิกประสบความสำเร็จในอาชีพได้จนถึงทุกวันนี้
เริ่มต้นด้วยพี่ใหญ่ของกลุ่มกับ คุณคมเพชร รอดปรีชาหรือ “คุณเป้” ประธานชมรมผู้เลี้ยงปลากระชังลุ่มน้ำภาคกลาง ที่อดีตนั้น คือ พนักงานส่งเสริมการขายอาหารในธุรกิจสัตว์น้ำ ที่เมื่อวันหนึ่งถึงจุดอิ่มตัวในหน้าที่ แต่ด้วยความผูกพันกับสายงานอาชีพ จึงผันตัวมาเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาทับทิมกระชังแทน
โดยนำองค์ความรู้ที่ได้จากการเข้าฟาร์ม พูดคุยกับเกษตรกร จนรู้จักเทคนิคและวิธีการเลี้ยงมากมาย นำมาปรับแต่งใช้ในฟาร์มที่พี่สาวเป็นผู้ริเริ่มและเลี้ยงมาตั้งแต่แรก
คุณเป้ได้เล่าประสบการณ์ของการทำงาน เมื่อก่อนเป็นพนักงานส่งเสริมการเลี้ยงปลาของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำอยู่หลายปีจนมาถึงจุดอิ่มตัว จึงออกมาเปิดฟาร์มเลี้ยงปลา แต่ก่อนหน้านั้นในขณะที่ตัวคุณเป้ทำงานอยู่บริษัท ก็ได้ชักชวนพี่สาวให้หันมาทดลองเลี้ยงปลาทับทิมกระชัง เนื่องจากตนคิดว่าธุรกิจเลี้ยงปลาทับทิมกระชังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ จึงชักชวนพี่สาวมาทำธุรกิจนี้ ปลาในกระชัง ปลาในกระชัง ปลาในกระชัง ปลาในกระชัง ปลาในกระชัง
โดยสร้างกระชังเลี้ยงปลาที่จังหวัดกาญจนบุรี จำนวนกว่า 80 กระชังโดยคุณเป้จะเป็นคนคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา ในการเลี้ยงปลาทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลผลิตปลาที่ดี มีคุณภาพ “ผมเดินถอยออกมาจากบริษัทในปี 2558 และมาสร้างกระชังเลี้ยงปลาเพิ่มอีกจำนวน 120 กระชัง ขยายไปตามลำน้ำเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด พร้อมทั้งตั้งชื่อฟาร์มว่า “มีนกาญฟาร์ม”
จุดเริ่มต้นของ “มีนกาญฟาร์ม” เกิดขึ้นมาได้เพราะพี่สาวของคุณเป้ คือ พี่ปลา และพี่เขย จากเริ่มต้นเพียงแค่สิบกว่ากระชัง จนปัจจุบันขยายเพิ่มมาเกือบร้อยกว่ากระชัง เมื่อคุณเป้ก้าวเข้ามาดูแลก็เพิ่มพื้นที่ในการวางกระชังออกไปอีกร้อยกว่ากระชัง โดยกำลังการผลิตและการจัดการทั้งหมดจะเป็นการดูแลร่วมกัน
“ในสมัยนั้นฟาร์มเราเลี้ยงปลาในระบบ “คอนแทรคฟาร์มมิ่ง” ผูกกับบริษัท จำหน่ายลูกพันธุ์และอาหาร ซึ่งเมื่อปลาสามารถจับได้ ทางบริษัทก็จะมารับซื้อปลาในราคาที่บริษัทเป็นคนตั้ง เมื่อตนคำนวณต้นทุน และผลกำไรที่ได้ เมื่อนำมาเฉลี่ยดูปรากฏว่าเกษตรกรได้ผลกำไรที่ค่อนข้างน้อย ไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่เสียไป และที่สำคัญ คือ ตนไม่สามารถกำหนดราคาขายของปลาได้เลย เมื่อบริษัทตั้งราคามาเท่าไร ตนก็ต้องขายเท่านั้น ส่งผลให้ในรอบการเลี้ยงบางครั้งตนต้องยอมขาดทุนทรัพย์ เพื่อที่จะสามารถขายผลผลิตได้ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ตนจึงเริ่มมองหาตลาดนอก เริ่มหันมาทำตลาดขายปลาเอง และเมื่อฟาร์มเริ่มเดินเองได้ จึงออกจากระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่ง และหันมาผลิตปลาขายเองอย่างเต็มตัว”
ในช่วงแรกที่ฟาร์มก้าวออกมาจากระบบ “คอนแทรคฟาร์มมิ่ง” ก็เริ่มแบ่งหน้าที่ เพราะทำกันเองภายในครอบครัว ตัวคุณเป้จะดูแลในส่วนของผลผลิตและการหาตลาดกับแม่ค้าทั้งในและนอกจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนพี่สาวและพี่เขยจะดูในส่วนของการวางแผนผลิตและการดูแล ปลาในกระชัง ทั้งหมด
และนอกจากนี้ได้หลานสาวและหลานเขยมาช่วยดูส่วนของบัญชีและตัวเลขต่างๆ ซึ่งปัจจุบันทางฟาร์มได้ทำตลาดขายปลากับแม่ค้าโดยตรง ไม่ผ่านตัวแทนจากบริษัทใดๆ โดยคุณเป้ยอมรับว่ากว่าจะผ่านจุดนี้ไปได้ก็ใช้เวลาเป็นปีเหมือนกันกว่าจะลงตัวได้อย่างทุกวันนี้
การวางแผนการผลิตของทางฟาร์ม จะต้องผลิตปลาเนื้อออกสู่ตลาดให้ได้ 2 ตัน/วัน จึงจำเป็นที่จะต้องคัดสรรลูกพันธุ์ปลาที่ดีในการเลี้ยง โดยทางฟาร์มจะลงลูกปลาทุกๆ 10 วัน หมุนเวียนในแต่ละกระชัง ขนาดลูกปลาที่ใช้จะเป็น 20-25 ตัว/กิโลกรัม
ซึ่งฟาร์มจะรับลูกพันธุ์มาจากฟาร์มที่ได้คุณภาพขนาดเท่าใบมะขามมาเพาะชำ ที่ฟาร์มที่ไว้วางใจ โดยมีฟาร์มขุนสรรค์ จ.ชัยนาท เป็นฟาร์มผลิตปลารุ่นที่มีนกาญฟาร์มเลือกใช้ในปัจจุบัน
![3.มีนกาญฟาร์มใช้เครื่องตีน้ำช่วยเมื่อน้ำมีอุณหภูมิสูง](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/3.มีนกาญฟาร์มใช้เครื่องตีน้ำช่วยเมื่อน้ำมีอุณหภูมิสูง.jpg)
เทคนิคการเลี้ยงปลาทับทิม
ในส่วนของเทคนิคการเลี้ยงของทางฟาร์มนั้น จะเริ่มต้นโดยการปล่อยลูกปลาแบบหนาแน่น 60-65ตัว/ลบ.ม. (กระชังทั่วไปขนาด 5ม.x5ม.xลึก 2 ม.) จำนวนมื้ออาหารที่ให้ 4 มื้อ/วัน ต่อมาเมื่อทำการเลี้ยงไปได้ประมาณ 2 เดือน จะทำการคัดขนาดและแยกปลาให้เหลือความหนาแน่นที่ 30 ตัว/ลบ.ม.
พร้อมทั้งปรับลดมื้ออาหารลงเหลือ 3 มื้อ/วัน โดยจะเริ่มให้อาหารมื้อแรกเวลา 7-8โมงเช้า มื้อสุดท้ายเวลา 4-5 โมงเย็น แต่ถ้าในช่วงที่อากาศเย็นมากๆ ก็จะทำการเลื่อนเวลาให้อาหารมื้อเช้ามาเป็นประมาณ 8-9 โมงเช้า เพื่อกระตุ้นให้ปลาสามารถกินอาหารได้ดีขึ้น (เนื่องจากปลาเป็นสัตว์เลือดเย็น
ในช่วงหน้าหนาวน้ำจะมีอุณหภูมิต่ำมากตอนเช้า จึงจำเป็นต้องให้มีแสงแดดส่องเพื่อเพิ่มอุณหภูมิน้ำ จึงจะทำให้ปลาสามารถกินอาหารได้ดีขึ้น) บางช่วงที่น้ำไหลช้าหรือหยุดนิ่ง ทางฟาร์มจะมีการใช้เครื่องตีน้ำเข้ามาช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำให้กับปลาที่เลี้ยงด้วย เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหาย โดยหลังจากคัดแยกแล้วจะทำการเลี้ยงต่อไปอีกประมาณ 2.5-3 เดือน ก็จะได้ปลาที่มีคุณภาพดี และแข็งแรง ออกตลาดสู่ผู้บริโภค
“สาเหตุที่ฟาร์มเราลงปลาหนาแน่นในตอนแรกเพราะอยากจะคัดขนาดของปลา ซึ่งจะทำให้คนงานทำงานง่าย การดูแล การจัดการ ก็ง่ายไปด้วย อีกอย่างทางฟาร์มต้องการเพิ่มรอบการผลิต และเพิ่มศักยภาพในการใช้กระชังด้วย จากเดิมที่กระชัง 1 หลุม ใช้ระยะเวลาเลี้ยงจนกระทั่งจับเป็นเวลาประมาณ 5 เดือน ฟาร์มสามารถทำให้กระชัง 1 หลุม เลี้ยงแค่ 3 เดือน ก็ผลัดเปลี่ยนปลาชุดใหม่เข้ามาได้ จึงทำให้ในแต่ละกระชังหมุนเวียนเลี้ยงปลาได้ถึง 4 รุ่น/ปี” คุณเป้เผยข้อมูล
โรคที่พบมากในการเลี้ยงปลากระชังแม่น้ำส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ซึ่งวิธีแก้ของทางฟาร์มจะเน้นไปที่การป้องกันตั้งแต่เริ่มต้นมากกว่าการรักษา ตั้งแต่ลูกปลายังเล็ก โดยคุณเป้จะนำโปรไบโอติกคลุกผสมกับอาหารให้ปลากินตั้งแต่ช่วงปลาเล็ก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อร้ายต่างๆ ที่จะเข้ามา ทำให้ปลาเสียหาย เนื่องจากเป็นการเลี้ยงปลาในแม่น้ำ การรักษาปลายเหตุเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้แหล่งน้ำที่เลี้ยงไม่ดีไปด้วย
![4.ปลาทับทิมของมีนกาญฟาร์ม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/4.ปลาทับทิมของมีนกาญฟาร์ม.jpg)
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายปลาทับทิม
ปัจจุบัน “มีนกาญฟาร์ม” มีกำลังการผลิตปลาทับทิมกว่า 50 ตัน/เดือน ซึ่งทางฟาร์มได้ทำรอบให้มีผลผลิตออกได้ทุกวัน วันละกว่า 2 ตันโดยจะมีเหล่าแม่ค้าเข้ามาซื้อปลาภายในฟาร์ม และส่วนหนึ่งคุณเป้จะนำปลาไปส่งที่ตลาดเองโดยจะมีแม่ค้าประจำที่รับซื้อปลาทุกวัน ซึ่งผลผลิตปลาของทางฟาร์มนั้นจะมีเจ้าของจองปลาตั้งแต่ยังไม่ขึ้นปลา เนื่องจากปลาทับทิมและปลานิลของทางฟาร์มนั้นจะเป็นปลาที่ดี มีคุณภาพ สีสวย สันหนา แข็งแรง ตัวใหญ่ ได้น้ำหนัก และลักษณะตัวตามที่ตลาดต้องการ
![5.อาหารที่มีนกาญใช้ในการให้ปลากิน-โมโม่](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/5.อาหารที่มีนกาญใช้ในการให้ปลากิน-โมโม่.jpg)
การให้อาหารปลาทับทิม
ซึ่งการผลิตปลาให้ได้คุณภาพอย่างเช่นในปัจจุบันได้นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ คุณภาพของ “อาหารปลา” ดังนั้นการคัดเลือกอาหารปลาของทางฟาร์มนั้นจะเน้นอาหารปลาที่ได้คุณภาพ เหมาะสมสำหรับปลากระชังที่ตนเลี้ยง
โดยคุณเป้เลือกใช้อาหารปลา ของ บริษัท เอพีเอ็ม อะโกร จำกัด เป็นหลัก เพราะว่าคุณภาพของอาหารดี นิ่งสม่ำเสมอ ซึ่งต่างจากแต่ก่อนที่เคยใช้ยี่ห้ออื่นแล้วคุณภาพตอนแรกก็ถือว่าโอเค แต่เมื่อใช้ไปนานๆ แล้วกลับไม่ดี ลองผิดลองถูก จนมาเจอกับ “โมโม่” ตั้งแต่ใช้มาคุณภาพของอาหารไม่ตก FCR คงที่ ปลาตัวอ้วนสวย สันหนา
นอกจากนี้เมื่อช่วงหน้าฝนที่ผ่านมา ทางฟาร์มประสบปัญหากระชังปลาเสียหายจากน้ำไหลหลาก เสียหายหลายกระชัง ซึ่งทางบริษัทอาหารปลา ตรา “โมโม่” ยังเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกร โดยการแจกกระชังปลาให้กับทางฟาร์มอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทอาหารปลาที่ดูแลเกษตรกร ดูแลลูกค้า เป็นอย่างดี ไม่เอาเปรียบ และดูแลเกษตรกรเป็นอย่างดี
![6.คุณตั้มเจ้าของ-แสนล้านฟาร์ม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/6.คุณตั้มเจ้าของ-แสนล้านฟาร์ม.jpg)
การบริหารจัดการบ่อเลี้ยงปลาทับทิม
นอกจากคุณเป้แล้ว ยังมีเกษตรกรมืออาชีพที่นำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการจัดการฟาร์มให้ได้ผลผลิตปลาที่มีคุณภาพ สามารถลดจำนวนปลาตายลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเกษตรกรท่านนี้ก็คือ คุณไพชยนต์ สิทธิกูล เจ้าของฟาร์มปลาทับทิมและปลานิล ที่มีชื่อฟาร์มว่า “แสนล้านฟาร์ม”
คุณไพชยนต์ สิทธิกูล หรือคุณตั้ม เกษตรกรผู้มากความสามารถ ที่มีแนวคิดการเลี้ยงปลากระชังไม่เหมือนใคร โดยการใช้เครื่องตีน้ำมาเปิดบริเวณกระชังเลี้ยงปลา พร้อมใช้เครื่องให้อาหารแบบอัตโนมัติเหมือนบ่อกุ้ง เพื่อลดการใช้แรงงานของคนงานภายในฟาร์มอีกด้วย
จากพนักงานขายอาหารสัตว์น้ำ จนสามารถสร้างตัวเป็นเจ้าของฟาร์มปลาที่ประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คุณตั้มได้เปิดเผยเส้นทางชีวิตของตนเองกับทีมงานว่า เดิมทีตนเป็นพนักงานขายอาหารสัตว์น้ำของบริษัทยักษ์ใหญ่มานาน 5-6 ปี แต่ด้วยความจำเจของอาชีพ และความสุขในการทำงานเริ่มลดน้อยลง
คุณตั้มจึงเริ่มมองหาอาชีพเสริมที่สามารถสร้างรายได้ที่ดี เทียบเท่าหรือมากกว่างานประจำที่ตนทำอยู่ โดยขณะนั้นอาชีพการเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง คือ 1 ในอาชีพที่คุณตั้มสนใจ เนื่องจากตนมีความรู้ที่สั่งสมมานานจากการเป็นเซลล์ขายอาหารปลา เมื่อตัดสินใจลาออกจากงานประจำ จึงเลือกที่จะหันมาเลี้ยงปลาทับทิมและปลานิลในพื้นที่ลำน้ำแควน้อย จ.กาญจนบุรี โดยใช้ชื่อฟาร์มว่า “แสนล้านฟาร์ม”
เมื่อออกมาจากบริษัทเอกชนแล้ว คุณตั้มก็พุ่งเป้าหมายมาที่จังหวัดกาญจนบุรีทันที คุณตั้มให้เหตุผลที่มาเลี้ยงปลาที่นี่เป็นเพราะแหล่งน้ำในบรรดาแม่น้ำใหญ่ๆ ที่ผ่านแต่ละจังหวัดมาในละแวกลุ่มน้ำภาคกลางนั้น จังหวัดกาญจนบุรีมีแหล่งน้ำดีที่สุด เนื่องจากไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม ไม่มีแหล่งปล่อยน้ำเสีย แหล่งน้ำมีความอุดมสมบูรณ์สูง ปริมาณน้ำไหลผ่านมากที่สุดในลุ่มน้ำภาคกลาง เหมาะแก่การเลี้ยงปลาเป็นอย่างมาก เลยเลือกมาอยู่ที่นี่
มาเริ่มตั้งกระชังในปี 2555 เช่าพื้นที่บริเวณแม่น้ำแควน้อยเพื่อวางกระชัง และขอเอกสารรับรอง เริ่มแรกมีกระชังเพียง 20 กระชัง จนปัจจุบันได้ขยายกระชังเพิ่มขึ้นเป็น 200 กระชัง แต่ละกระชังจะเน้นปล่อยปลา 1,500 ตัว น้ำหนักปลารวมที่จับได้อยู่ที่ 1 ตันกว่าๆ
![7.แสนล้านฟาร์มติดตั้งเครื่องตีน้ำช่วยปรับอุณหภูมิของน้ำ](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/7.แสนล้านฟาร์มติดตั้งเครื่องตีน้ำช่วยปรับอุณหภูมิของน้ำ.jpg)
ปัญหาและอุปสรรคในบ่อเลี้ยง ปลาในกระชัง
แนวคิดนี้มาจากสิ่งแวดล้อมโดยรอบของการเลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำ แม่น้ำไม่สามารถควบคุมคุณภาพน้ำ หรือ สิ่งแวดล้อมรอบข้างได้ สิ่งที่เราทำได้และคิดว่าน่าจะได้ผลดีที่สุด คือ การสร้างออกซิเจนในน้ำ และลดการตกกระทบของแสงด้วยการสร้างน้ำให้เป็นคลื่นเพื่อให้อุณหภูมิลดลง
เนื่องจากบริเวณที่คุณตั้มวางกระชังเป็นจุดที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง ทำให้อุณหภูมิในน้ำและบริเวณผิวน้ำค่อนข้างร้อน ส่งผลให้เกิดปัญหาในการเลี้ยงปลา คือ ปลาจะไม่ค่อยกินอาหาร และมีการตายทุกวัน วันละหลายสิบตัว เสียหายต่อปีไม่ต่ำกว่า 15 ตัน หรือบางปีอาจมากกว่า และในปี 2558 เคยเสียหายไปถึง 30 ตัน ด้วยเหตุนี้คุณตั้มจึงมองหาวิธีการเพื่อลดการสูญเสียของปลา จึงได้รวบรวมองค์ความรู้ที่สะสมมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์
โดยนำเครื่องตีน้ำมาติดตั้งบริเวณหลังกระชัง เป็นการเพิ่มออกซิเจนในน้ำ และเพิ่มการเคลื่อนที่ของมวลน้ำให้ไหลผ่านตัวกระชังเลี้ยงปลา ทำให้ของเสียที่เกิดในบริเวณกระชังเลี้ยงปลาเคลื่อนที่ออกสู่ด้านนอกกระชัง.ไม่เกิดการหมักหมม
อีกทั้งยังช่วยให้เกิดคลื่นน้ำขนาดเล็กๆ ถี่ๆ จำนวนมาก คลื่นน้ำนี้จะช่วยพรางแสงแดดได้ ทำให้ปลาไม่เครียด เมื่อวันใดที่แสงแดดจัด คลื่นน้ำจากเครื่องตีน้ำจะช่วยพรางแสงแดดที่ส่องสู่กระชังเลี้ยงปลา และยังช่วยปรับอุณหภูมิน้ำบริเวณผิวน้ำให้ลดลงอีกด้วย
หลังจากติดตั้งเครื่องตีน้ำในเดือนแรก อัตราการตายของปลาลดลงอย่างเห็นได้ชัด ด้วยทางฟาร์มจะทำการบันทึกข้อมูลการเลี้ยงตลอดเวลา จึงทำให้รู้ว่ายอดการตายของปลาอยู่ที่เท่าไหร่/วัน ซึ่งหลังจากที่ทางฟาร์มได้ติดตั้งเครื่องตีน้ำไปแล้ว ผลเฉลี่ยในการเลี้ยงครอปแรกพบว่าอัตราการตายของปลาลดลงเหลือเพียงไม่ถึง 5 ตัน จากเดิมที่ปลาเคยตายหลาย 10 ตัน/ครอป
นอกจากช่วยลดอัตราการตายของปลาแล้ว การติดตั้งเครื่องตีน้ำยังช่วยให้ปลาไม่เครียด กินอาหารดี และโตไวอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อน น้ำจะร้อนมากเป็นพิเศษ ส่งผลให้ช่วงนี้เลี้ยงปลาได้ค่อนข้างลำบาก
ซึ่งเครื่องตีน้ำก็เป็นตัวช่วยที่ดี ที่สามารถช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่กระทบลงผิวน้ำ ทำให้อุณหภูมิในน้ำคงที่ไม่ร้อนมากจนเกินไป ส่งผลให้ปลาที่เลี้ยงมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี ได้ ผลผลิตที่ตรงตามเป้าเหมือนเดิม
“การเพิ่มเครื่องตีน้ำเข้ามาอาจจะเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิต แต่เมื่อคิดคำนวณต้นทุนออกมาเป็นค่าไฟฟ้า ค่าพลังงาน ในแต่ละเดือน แล้วนำไปหารกับผลผลิตปลาต่อเดือนของฟาร์ม ต้นทุนจะเฉลี่ยอยู่ที่ .50 สตางค์ ต่อปลา 1 กก. ถือว่าเป็นที่พอใจเป็นอย่างมาก และยังช่วยให้ปลาแข็งแรง กินอาหารเก่ง โตไวด้วย”
“แนวคิดนี้ใครๆ ก็สามารถทำได้ แต่อยู่ที่ทำเลที่ตั้งของฟาร์ม หากมีไฟฟ้าเข้าถึงก็สามารถทำได้ แต่ส่วนมากเขาไม่ทำกัน เพราะมันเพิ่มต้นทุนการเลี้ยงเข้าไป แต่ถ้ามองกลับกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มกับการลงทุน”
![8.เครื่องออโต้ฟีดในแสนล้านฟาร์ม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/8.เครื่องออโต้ฟีดในแสนล้านฟาร์ม.jpg)
การให้อาหารปลาด้วยการใช้เครื่องออโต้ฟีด
ในส่วนของการให้อาหารปลา ทางฟาร์มเลือกใช้เครื่องออโต้ฟีดในการให้อาหารปลาเป็นหลัก เนื่องจาก จำนวนกระชังปลาที่ฟาร์มมีค่อนข้างมาก อีกทั้งทางฟาร์มยังมีการจำหน่ายปลาสดที่หน้าฟาร์มอีกด้วย ทำให้ในแต่ละวันคนงานจะต้องดูแลฟาร์มหลากหลายหน้าที่
ดังนั้นการใช้เครื่องออโต้ฟีดในการให้อาหารปลาก็จะช่วยให้ประหยัดแรงงาน คนงานก็สามารถทำหน้าที่อื่นๆ ภายในฟาร์มได้ อีกทั้งเครื่องออโต้ฟีดยังสามารถควบคุมปริมาณอาหารที่ให้ในแต่ละมื้อได้อย่างสม่ำเสมอ จะไม่เกินการให้อาหารมากเกินไป ทำให้สูญเสียต้นทุนค่าอาหารมากขึ้น
“เครื่องให้อาหารกึ่งอัตโนมัติสามารถช่วยลดการใช้แรงงานคน และยังเป็นการให้อาหารที่สามารถควบคุมปริมาณการให้ในแต่ละวันได้แม่นยำทั้งหมดเป็นอย่างดี ต่างจากแรงงานคนบางครั้งให้มาก ให้น้อย แตกต่างกัน ทำให้เกิดความคาดเคลื่อนเรื่องปริมาณการให้อาหารสูง”
![9.กระชังปลาทับทิมของแสนล้านฟาร์มที่แม่น้ำแควน้อย](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/9.กระชังปลาทับทิมของแสนล้านฟาร์มที่แม่น้ำแควน้อย.jpg)
การป้องกันกำจัดโรคระบาด
ปัญหาในการเลี้ยงปลาของ “แสนล้านฟาร์ม” ที่มักพบเจอ คือ เรื่องของอุณหภูมิของน้ำที่ไม่สามารถควบคุมได้เพราะเป็นแม่น้ำใหญ่ แต่เมื่อนำเครื่องตีน้ำเข้ามาใช้ภายในฟาร์มก็สามารถช่วยลดปัญหานี้ไปได้ค่อนข้างมาก
ในส่วนของโรคและศัตรูของปลาที่มักพบเจอ คือ ปรสิตที่เข้ามาเกาะติดตัวปลา โดยเฉพาะปรสิตซึ่งทางฟาร์มจะแก้ปัญหาโดยการเลี้ยงดูแลปลาให้แข็งแรงมากที่สุด นอกจากนี้จะเป็นโรคที่เกิดจากแบคทีเรียเป็นหลัก และจะเห็นว่าตัวปลามีการตกเลือด และเหงือกเน่า ซึ่งมักพบเจอในช่วงที่น้ำเปลี่ยนกะทันหัน
ซึ่งทางฟาร์มจะแก้ปัญหาโดยการดูแลปลาให้แข็งแรงมากที่สุด ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกลูกพันธุ์ การอนุบาลปลา โดยจะเน้นนำปลาไซซ์ใบมะขามมาชำเองในบ่อดิน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างความแข็งแรง ให้กับลูกปลามากที่สุด เมื่อได้ขนาดที่ต้องการก็จะนำมาปล่อยลงสู่กระชัง
![10.อาหารปลาของแสนล้านฟาร์ม-แม็กน่าฟีด](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/10.อาหารปลาของแสนล้านฟาร์ม-แม็กน่าฟีด.jpg)
![คุณตั้มเดินหว่านอาหารให้ปลา](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/คุณตั้มเดินหว่านอาหารให้ปลา.jpg)
การบำรุงดูแลรักษาลูกพันธุ์ปลาทับทิม
ลูกพันธุ์ปลาทับทิมที่ฟาร์มนั้นจะไม่มีการผูกติดกับที่ไหนเป็นหลัก แต่จะดูจากลูกพันธุ์ในแต่ละรอบที่รับมาจะเป็นลูกปลาขนาดเท่าใบมะขาม นำมาชำเองในบ่อดิน ดูแลให้ลูกพันธุ์แข็งแรงมากที่สุด เพื่อให้ลูกพันธุ์ขนาด 25-30 ตัว/กิโล หลังจากนั้นก็จะนำปล่อยลงสู่กระชังความหนาแน่นอยู่ที่ 1,500 ตัว/กระชัง เลี้ยง 5-6 เดือน แล้วจับขาย
อาหารจะให้ตามเปอร์เซ็นต์ฟีดที่คำนวณตั้งไว้ คอยดูแลเช็คปลาตาย และวัดอุณหภูมิของน้ำ หากอุณหภูมิสูงจะรีบเปิดเครื่องตีน้ำทันที และเอาสแลนปิดบางกระชังเพื่อลดแสงที่ตกลงมากระทบกับน้ำ และดูการกินอาหารของปลา อาหารที่ใช้ต้องมีโปรตีนที่เหมาะสม
ทางฟาร์มใช้อาหารของทาง “แม็กน่าฟีด” เพราะว่ามีโปรตีนที่เหมาะสม ปลาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หมด ปลากินดี แข็งแรง โตไว อัตราการแลกเนื้อดี การดูแลจากทางบริษัทมีการดูแลที่ดี และด้วยราคาอาหารที่ไม่สูง แต่คุณภาพโอเค จึงใช้ยี่ห้อนี้มาตลอด
![11.ปลาทับทิมของแสนล้านฟาร์ม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/11.ปลาทับทิมของแสนล้านฟาร์ม.jpg)
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายลูกปลาทับทิม
ปัจจุบัน “แสนล้านฟาร์ม” มีกำลังการผลิตปลาอยู่ที่ 30 ตันต่อเดือน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทางฟาร์มจึงได้ตั้งเป้าหมายขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้น โดยการกระจายรายได้แก่เกษตรกรท่านอื่นๆ ที่สนใจเลี้ยงปลา ร่วมกับทางแสนล้านฟาร์ม ทางแสนล้านฟาร์มจะทำการส่งลูกปลาให้แก่เกษตรกรทำการเลี้ยง
เมื่อได้ขนาดทางฟาร์มจะเข้าไปรับซื้อผลผลิตปลาจากเกษตรกรคืนทุกตัว และบริหารส่งต่อให้แก่พ่อค้า แม่ค้า และช่องทางในตลาดต่างๆ ของแสนล้านฟาร์มต่อไป ทำให้เกษตรกรสามารถยึดอาชีพเลี้ยงปลาโดยไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่ขาย และสามารถยึดเป็นอาชีพที่มั่นคงได้
![12.คุณโก้เจ้าของฟาร์ม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/12.คุณโก้เจ้าของฟาร์ม.jpg)
การเลี้ยงปลานิลและปลาทับทิมในกระชัง
มาต่อที่สมาชิกท่านที่ 3 ของชมรม คือ คุณจารุวัฒน์ สระน้อย หรือคุณโก้ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังแห่งลุ่มลำน้ำแควน้อยตัวจริง ที่คลุกคลีอยู่ในวงการปลามานานร่วม 10 ปี เห็นทุกช่วงจังหวะชีวิตของคนเลี้ยงปลา ทั้งขาขึ้น และขาลง ปัจจุบันคุณโก้เป็นสมาชิกของชมรมผู้เลี้ยงปลาทับทิมกระชังลุ่มน้ำภาคกลาง
เส้นทางชีวิตของคุณโก้ในวงการปลากระชังก็ไม่ธรรมดา เพราะเขา คือ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาตัวจริง เติบโตจากอาชีพเกษตรกร อดีตที่เคยร่วมหุ้นเลี้ยงปลากับเพื่อนจนสามารถประสบความสำเร็จ มีเงินทุน และสามารถสร้างฟาร์มเป็นของตนเองได้
จากการเลี้ยงปลากับเพื่อนเพียง 5 ปีเท่านั้น แน่นอนว่าด้วยระยะเวลาเพียง 5 ปี แต่คุณโก้สามารถสร้างตัว และเก็บเงินทุนในการขยายกระชังปลาเป็นของตนเองกว่า 30 กระชัง ได้นั้น เป็นเรื่องไม่ธรรมดา เพราะต้องใช้เงินทุนที่ค่อนข้างสูง
![13.กระชังปลาคุณโก้ที่วางอยู่บริเวณต้นน้ำแควน้อย](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/13.กระชังปลาคุณโก้ที่วางอยู่บริเวณต้นน้ำแควน้อย.jpg)
สภาพพื้นที่เลี้ยงปลานิลและปลาทับทิมในกระชัง
จนเมื่อปี 2560 คุณโก้สามารถสร้างกระชังปลาเป็นของตนเองได้ เริ่มต้นจาก 30 กระชัง จากนั้นจึงขยายเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันคุณโก้ดูแลปลานิลและปลาทับทิมกระชังร่วม 300 กระชัง (รวมของเพื่อนด้วย) ซึ่งในแต่ละกระชังจะลงปลาหนาแน่นประมาณ 1,500 ตัว ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่หนาแน่นมากเกินไป ทำให้ปลาไม่เครียด เหมาะสมกับการเลี้ยงในกระชัง
เมื่อเปรียบเทียบกับความหนาแน่นที่มากกว่านี้ ระยะเวลาการเลี้ยงเท่ากัน แต่ได้น้ำหนักปลาที่เท่ากัน แต่การเลี้ยงอัตราที่หนาแน่นกว่านี้ ปริมาณอาหารเพิ่มขึ้นมาก ปลาตายเยอะกว่า จึงเลือกปล่อยลูกปลาปริมาณเท่านี้
![14.ปลาทับทิม ปลาในกระชัง](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2019/01/14.ปลาทับทิม-ปลาในกระชัง.jpg)
ขั้นตอนการลงลูก ปลาในกระชัง
ขั้นตอนการลงปลา ทางฟาร์มจะใช้ลูกปลาขนาด 50 กรัม มาลงกระชังประมาณ 75,000 ตัว วิธีการจะทำคล้ายกับคุณเป้ โดยจะนำลูกปลามาปล่อยรวมกันในกระชังที่เตรียมไว้ 10 กระชัง เพื่อพักให้ลูกปลาแข็งแรง ให้ลูกปลาได้กินอาหารเสริมเป็นวิตามินอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์
เมื่อลูกปลาแข็งแรงดีแล้วทำการคัดขนาดลูกปลาที่มีขนาดใกล้เคียงกันให้มาอยู่ในกระชังเดียวกัน ความหนาแน่น 1,500 ตัว/กระชัง หลังจากนั้นให้อาหารวันละ 3 มื้อ อาหารที่ใช้จะเป็น “แม็กน่าฟีด” สาเหตุที่ใช้เพราะว่าปลากินแล้วโตดี รูปร่างสวย โปรตีนเหมาะสมกับที่ปลานำไปใช้ FCR อยู่ที่ 1.5 เหมาะสมที่สุด จึงเลือกใช้ตัวนี้มาตลอด
ข้อดีของการเลี้ยงปลาต้นน้ำ ด้วยกระแสน้ำตรงนี้มีความแรง มักไม่พบปัญหาอะไรมากนัก ข้อดีหลักๆ ออกซิเจนในน้ำมีความคงที่ อุณหภูมิไม่สูง เนื่องจากน้ำไหลแรง ต้นไม้ปกคลุมตลอดแนว อัตราการตายของปลามักพบน้อยมาก นี่จึงเป็นสาเหตุที่เลือกมาเลี้ยงปลาตรงนี้
![15.ปลาทับทิมฟาร์มคุณโก้](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2018/12/15.ปลาทับทิมฟาร์มคุณโก้.jpg)
ข้อดีของการรวมกลุ่มผู้เลี้ยงปลากระชัง
“ผมมองว่าการที่รวมกลุ่มกันแบบนี้เป็นทางเลือกที่ดี เพราะกลุ่มไม่ได้ผูกมัดกับปัจจัยการผลิตบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ทำให้สมาชิกทุกคนมีทางเลือกที่จะใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ที่เราพึงพอใจ และยังไม่คอนแทรคกับบริษัทไหนอีกด้วย” คุณเป้กล่าว
“การรวมกลุ่มผู้เลี้ยงปลากระชังเป็นสิ่งที่ดี เวลาเจอปัญหาก็มีคนช่วยหาทางแก้ไข หาแนวทาง หาทางออก และการรวมกลุ่มกันแบบนี้ยังช่วยในเรื่องราคาการซื้อขายปลาได้อีกด้วย” คุณตั้มกล่าว ปลาในกระชัง ปลาในกระชัง ปลาในกระชัง ปลาในกระชัง ปลาในกระชัง
“เกษตรกรทุกคนมีทางเลือกเป็นของตัวเอง การรวมกลุ่มจึงเป็นแนวทางที่จะช่วยเหลือเราได้ ช่วงปลาล้น ปลาขาด เราก็ดูแลกัน หยิบยื่นปลาให้กัน ช่วยเหลือกันตลอด นี่เป็นสิ่งที่ดีของการรวมกลุ่มกัน” คุณโก้กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูล
ชมรมผู้เลี้ยงปลากระชังลุ่มน้ำภาคกลาง
เกษตรกรท่านใดสนใจปรึกษาธุรกิจ
ติดต่อได้ที่ แสนล้านฟาร์ม 086-478-7978, 086-735-2223
เพสเฟสบุ๊ค : ชมรมผู้เลี้ยงปลากระชังลุ่มน้ำภาคกลาง