“นกกระทา” (Quail) อีกหนึ่งสัตว์เศรษฐกิจอนาคตไกล ที่ตลาดในประเทศและต่างประเทศมีความต้องการบริโภคสูงอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทย การเลี้ยงนกกระทา นั้นมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงนกกระทาโดยพบเห็นทั่วไปในแต่ละจังหวัด ทว่าที่เปิดเป็นฟาร์มเลี้ยงอย่างจริงจังภายใต้ระบบปิด (EVAP) ที่ได้มาตรฐานสากลนั้น นับจำนวนผู้เลี้ยงในเมืองไทยมีไม่มากนัก
![1.คุณระวีพงศ์-และคุณชิชญาส์-วีระพงศ์](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/02/1.คุณระวีพงศ์-และคุณชิชญาส์-วีระพงศ์.jpg)
การเลี้ยงนกกระทา ระบบอีแวป
สำหรับในประเทศไทย ฟาร์มนกกระทาที่ได้มาตรฐานและกิจการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยครองส่วนแบ่งตลาดนกกระทาในประเทศกว่า 80% อีกทั้งยังดำเนินธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 30 ปี โดยเริ่มต้นตั้งแต่อาชีพเกษตรกรเพาะเลี้ยงนกกระทา จนกระทั่งเกิดการต่อยอดจนกลายเป็นธุรกิจหลักสามารถสร้างรายได้ และยกระดับการเลี้ยงให้มีมาตรฐาน ทั้งเรื่องของ “นกเนื้อ” และ “นกไข่” และ “ผลิตภัณฑ์แปรรูป” พร้อมสร้างแบรนด์ และทำการตลาดสร้างช่องทางจำหน่าย ขยายฐานลูกค้าไปทั่วประเทศ
โดยฟาร์มนกกระทาดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.คลองวัว อ.เมืองอ่างทอง โดยเอ่ยชื่อในแวดวงฟาร์มเลี้ยงนกกระทาในประเทศไทย เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักในนาม “วีระพงศ์เจริญฟาร์ม”
นิตยสารสัตว์บกได้มาเยือน (อีกครั้ง) ที่ “วีระพงศ์เจริญฟาร์ม” แห่งนี้ และมีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณตั้ว-ชิชญาส์ วีระพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ดับเบิ้ลยู อาร์ พี แอนด์ โปรดักส์ จำกัด (WRP & Product) บุตรชายคนโตทายาทรุ่น 2 ผู้นำทัพอาณาจักร “วีระพงศ์เจริญฟาร์ม”
โดยคุณชิชญาส์ (ตั้ว) ปัจจุบัน (ปี 2563) อายุ 25 ปี ได้สืบทอดกิจการครอบครัวและของคุณพ่อ (คุณเต้ย-ระวีพงศ์ วีระพงศ์) มาตั้งแต่ตนเองกำลังศึกษาอยู่ระดับอุดมศึกษา สาขาสัตวศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง ซึ่งหลังเรียนจบจึงเข้ามารับช่วงต่ออย่างเต็มตัว
คุณชิชญาส์เล่าย้อนอดีตสมัยคุณพ่อเริ่มต้นอาชีพให้ฟังว่า ตลอดระยะเวลาที่คุณพ่อ คุณแม่ เริ่มต้นอาชีพดังกล่าวก็ได้ส่งเสริมเกษตรกรควบคู่กับการทำฟาร์มด้วย ขณะที่ความต้องการของนกกระทาเนื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เกษตรกรผู้เลี้ยงนกกระทายังคงผลิตได้เท่าเดิม จึงเกิดปัญหาสินค้ามีไม่เพียงพอ
![2.โรงเรือนนกกระทา](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/02/2.โรงเรือนนกกระทา.jpg)
สภาพพื้นที่เลี้ยงนกกระทา
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเล็งเห็นความสำคัญกับต้นน้ำ (ฟาร์ม) มากขึ้น จึงตัดสินใจสร้างฟาร์มเลี้ยงนกกระทาในปี พ.ศ.2555 นามว่า “วีระพงศ์เจริญฟาร์ม” โดยทำเป็นมาตรฐานในระบบปิด (EVAP) และเริ่มเลี้ยงในปีต่อมา จากนั้นก็เพิ่มโรงเรือนจนปัจจุบันมีทั้งหมด 20 หลัง
กระทั่งมาถึงในยุคสมัยของคุณชิชญาส์ ซึ่งเข้ามาบริหารจัดการ เริ่มตั้งแต่การปรับปรุงฟาร์ม ยกระดับฟาร์มนกกระทาให้เทียบเท่ากับการเลี้ยงไก่เนื้อ-ไก่ไข่ พร้อมสร้างระบบอีแวปภายในฟาร์ม และลงทุนนำเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ทันสมัยนำมาใช้ในส่วนของไลน์ผลิตและบรรจุผลิตภัณฑ์แปรรูป โดยที่สร้างชื่อและเป็นที่รู้จัก คือ ไข่นกกระทาต้มสุก พร้อมรับประทาน แบรนด์ “วีระพงศ์”
สำหรับ “วีระพงศ์เจริญฟาร์ม” ปัจจุบันเป็นฟาร์มเลี้ยงนกกระทาได้มาตรฐาน และถือเป็นต้นแบบฟาร์มนกกระทาของจังหวัดอ่างทอง โดยเป็นโรงเรือนระบบปิด (อีแวป) ได้รับฟาร์มมาตรฐาน GAP ของกรมปศุสัตว์
![3.ไข่นกกระทาสด](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/02/3.ไข่นกกระทาสด.jpg)
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่าย นกกระทา และไข่นกกระทา
ด้านผลิตภัณฑ์ วีระพงศ์เจริญฟาร์ม ปัจจุบันผลิตและจำหน่าย นกกระทาชำแหละ (นกเนื้อ) นกกระทาสาวพร้อมขึ้นกรง ไข่พันธุ์ และไข่บริโภค (ไข่สด และไข่แปรรูป) โดยจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง เจาะกลุ่มทั้งตลาดพรีเมียม ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรดต่าง ๆ และจำหน่ายกลุ่มตลาดกลาง-ล่าง ทั่วประเทศ (Mass Market) อีกด้วย
คุณชิชญาส์เผยว่าสำหรับการทำตลาดและช่องทางจำหน่าย ไข่สด และไข่ดิบ ปัจจุบันมีออร์เดอร์จัดส่งวันละ 1 ล้านฟอง (ไข่ต้ม 6 แสนฟอง และไข่สด 4 แสนฟอง) โดยช่องทางจำหน่ายจัดส่งให้กับลูกค้าหลักๆ ได้แก่ ตลาดโมเดิร์นเทรด เช่น ส่งขึ้นห้างฯ แม็คโคร ตีตราแบรนด์ ARO มี 3 แพ็คเกจจิ้ง ได้แก่ บรรจุ 30-50-100 ฟอง โดยมียอดสั่งซื้อจากห้างฯ แม็คโคร ร่วม 4 แสนฟอง/วัน ทั้งนี้ “โรงต้มของ WRP” มีกำลังการผลิตที่เพียงพอ ซึ่งสามารถผลิตได้สูงกว่า 8 แสนฟอง/วัน
![4.การเลี้ยงนกกระทา ผลิตไข่นกกระทาต้ม](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/02/4.การเลี้ยงนกกระทา-ผลิตไข่นกกระทาต้ม.jpg)
การแปรรูปไข่นกกระทา
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน วีระพงศ์เจริญฟาร์มบริหารจัดการอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งประกอบด้วยฟาร์มเพาะเลี้ยงนกกระทา จำนวนเลี้ยงกว่า 1 ล้านตัว มีโรงงานแปรรูป (WRP) โรงบรรจุไข่สด และไข่แปรรูป (ไข่นกกระทาต้มสุก) โดยใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลคุณภาพสูง และมีกำลังคนอีกส่วนหนึ่งเพื่อคอยตรวจเช็ค/คัดแยกคุณภาพของสินค้า เป็นต้น
ในส่วนของไลน์ผลิตด้านการแปรรูปไข่นกกระทา โดยโรงงาน WRP เดินเครื่องจักรกำลังการผลิตเต็มที่ 100% จะสามารถผลิตได้ถึง 1.5 ล้านฟองต่อวัน ซึ่งปัจจุบันวีระพงศ์เจริญฟาร์มเดินเครื่องผลิตอยู่ที่ 85%
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของวีระพงศ์เจริญฟาร์ม อย่างที่กล่าวไป คือ ไข่นกกระทาต้มสุก ถือเป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ Biotechnology ผ่านมาตรฐานการผลิต GMP, HACCP โดยผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองจาก อย. และเครื่องหมายฮาลาล (HALAL) เป็นต้น
โดย ไข่นกกระทาต้มสุก เมื่อผ่านกระบวนการแปรรูปสามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้นานนับปี ที่สำคัญ คือ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย และปลอดภัยต่อการบริโภค 100% โดยเป็นไข่ต้มสุก บรรจุภัณฑ์อย่างดีด้วยกระบวนการ Vacuum หรือแพ็คสุญญากาศ และพร้อมรับประทานได้ทันที พกพาสะดวก รสชาติอร่อย ไม่ต้องปรุงแต่งรสชาติใดๆ เพิ่มเติมอีก
สำหรับการแปรรูปเป็นแนวคิดของคุณชิชญาส์ วัตถุประสงค์เพื่อต่อยอดเพิ่มมูลค่าสินค้า และเป็นการแก้ไขปัญหาไข่ล้นตลาด นอกจากนี้การแปรรูปยังเป็นการเปิดโอกาสขยายช่องทางจำหน่ายไปถึงลูกค้าหลากหลายกลุ่มมากยิ่งขึ้น และทำให้มีเชลล์ฟไลฟ์ (Shelf Life) ได้นานยิ่งขึ้นด้วย
![5.นกกระทาแข็งแรง โตเร็ว](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/02/5.นกกระทาแข็งแรง-โตเร็ว.jpg)
การบริหารจัดการฟาร์มนกกระทา
ด้านการบริหารจัดการฟาร์มเลี้ยงนกกระทา โดยปัจจุบันวีระพงศ์เจริญฟาร์มป้อนผลผลิตออกสู่ตลาด รวมทั้งนกเนื้อ และนกไข่ ที่หมุนเวียนอยู่กับฟาร์มวีระพงศ์ฯ ทั้งหมดกว่า 3 ล้านตัว/เดือน รวมไปถึงการสร้าง “ระบบลูกเล้า” ที่มีเกษตรกรในเครือข่ายที่เลี้ยงนกกระทาอีกกว่า 50 ราย เลี้ยงจำนวนกว่า 5 แสนตัว ภายใต้รูปแบบการเลี้ยงระบบปิดที่ได้มาตรฐานเหมือนกันทุกฟาร์ม ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ไข่สดที่ได้คุณภาพ ปลอดเชื้อ และผลผลิตป้อนสู่ตลาดตลอดทั้งปี
สำหรับการตรวจสอบเชื้อ วีระพงศ์เจริญฟาร์มนำส่งตรวจเชื้อที่ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด (Central Lab) ทุกเดือน ในส่วนผลของยาปฏิชีวนะ นำส่งตรวจทุก 3 เดือน ซึ่งกรมปศุสัตว์จะเข้ามาเก็บผลตรวจในฟาร์มโดยตลอด
![6.ผลิตภัณฑ์ไข่นกกระทาสดและไข่นกกระทาแปรรูป](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/02/6.ผลิตภัณฑ์ไข่นกกระทาสดและไข่นกกระทาแปรรูป.jpg)
แนวโน้มในอนาคต
ปัจจุบันวีระพงศ์เจริญฟาร์มสามารถยกระดับผลิตภัณฑ์เพื่อเตรียมส่งออกไปยังต่างประเทศหลายประเทศในอาเซียน เริ่มต้นปักหมุดประเทศสิงคโปร์ก่อนที่แรก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาและตกลงเรื่องของเอกสารสัญญา ทั้งนี้ลูกค้าสิงคโปร์มีความต้องการจำนวนกว่า 5 ล้านฟอง/เดือน ซึ่งเป็นความต้องการในปริมาณที่สูงมาก
นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้ได้วางแผนเตรียมส่งออกผลิตภัณฑ์บุกตลาดเอเชีย เนื่องด้วยในหลายๆ ประเทศ ประชากรส่วนใหญ่ในแถบเอเชียมีการบริโภค ซึ่งบางประเทศมีการบริโภคไข่นกกระทาเฉลี่ยประมาณ 10 ล้านฟองต่อเดือน
เมื่อถามถึงเป้าหมายที่จะทำในปี 2563 นี้ และปีต่อไป โดยคุณชิชญาส์เปิดเผยกับนิตยสารสัตว์บกถึงความตั้งใจที่จะทำ 3 ประการ ซึ่งตอนนี้บรรลุสิ่งที่ตั้งใจไว้เกือบ 100% แล้ว ได้แก่
1.สร้างและปรับปรุงโรงชำแหละ (โรงเชือด) ให้ได้มาตรฐานของกรมปศุสัตว์
2.สร้างโรงงานปุ๋ย เพื่อแปรรูปมูลนกกระทา ซึ่งมีปริมาณมากในแต่ละวัน โดยแปรรูปทำเป็นปุ๋ย เพื่อแก้ปัญหาเรื่องกลิ่น เรื่องแมลงรบกวน อีกด้วย ทั้งนี้มูลนกกระทามีคุณค่าสูง ไม่แตกต่างจากมูลวัว/มูลควาย ซึ่งเป็นรองแค่มูลค้างคาวอย่างเดียว ซึ่งนำไปทำปุ๋ยก็จะได้คุณภาพที่สูง
3.แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า นั่นคือ ไข่นกกระทาต้มสุก
![7.ไข่นกกระทาต้มปอกเปลือก](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/02/7.ไข่นกกระทาต้มปอกเปลือก.jpg)
การวางแผนในอนาคต
“สำหรับการปรับปรุงโรงเชือดใหม่ให้ได้มาตรฐานยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นตัวแปรเรื่องของ Demand และ Supply ที่สำคัญมาก หากต้องการยกระดับสินค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่ตลาดต่างประเทศ
เหตุผลที่ต้องการปรับปรุงโรงเชือด เพราะปัจจุบันมีออร์เดอร์นกเนื้อที่ต้องผลิตให้ได้กว่าวันละ 5 ตัน เพื่อเตรียมจัดส่งให้กับตลาด ที่พ่อค้า แม่ค้า จะรับซื้อนำไปทำนกหัน ซึ่งขณะนี้ปริมาณการผลิตก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จึงต้องการพัฒนาโรงเชือดแห่งใหม่ให้ได้มาตรฐานและเสร็จสิ้นโดยเร็ว และเพิ่มการบริการ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า และลูกค้าสามารถนำผลิตภัณฑ์ของเราไปปรุงอาหารได้อย่างสะดวก สะอาด และปลอดภัย ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น และสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้น
รวมถึงในอนาคตวางแผนจะขยับขยายพื้นที่ โดยจะจัดสร้างห้องเย็นเพื่อต่อยอดโรงงานบรรจุผลิตภัณฑ์รูปแบบกระป๋อง และเพื่อเพิ่มยอดการผลิตและจำหน่ายให้มากขึ้น ตลอดจนการให้ความสำคัญถึงระบบ Biosecurity การจัดการภายในฟาร์ม และรักษาคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ เพื่อป้อนผลผลิตเกรดพรีเมียมสู่ลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะตลาดพรีเมียม อย่าง ห้างโมเดิร์นเทรด เพราะตลาดโมเดิร์นเทรดไม่ได้คุยกันที่เรื่องของราคา แต่คุยกันที่เรื่องมาตรฐานและคุณภาพต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก
ด้านตลาดส่งออก โดยในปี 2563 นี้ ไปจนถึงปี 2564 เราวางแผนไปตลาดส่งออกให้ได้อย่างมีมาตรฐานและเข้มแข็ง เพราะตลาดในประเทศไทยขณะนี้เติบโตไปได้ในทุกๆ ปี ซึ่งในอนาคตตั้งเป้าส่งออกประเทศในอาเซียนให้ได้ทั้งหมด รวมถึงตลาดส่งออกรายใหญ่ ได้แก่ ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ซึ่งประชากรทั้ง 2 ประเทศนี้บริโภคไข่นกกระทาในอัตราที่สูงมาก”
![8.ฟาร์มนกกระทา](https://www.palangkaset.com/wp-content/uploads/2020/02/8.ฟาร์มนกกระทา.jpg)
ฝากถึงเกษตรกรที่สนใจเลี้ยงนกกระทา
ในตอนท้ายคุณชิชญาส์ยังได้กล่าวฝากเกี่ยวกับอาชีพทำฟาร์มเลี้ยงนกกระทา ฝากไปถึงเกษตรกรที่สนใจจะเลี้ยง รวมไปถึงผู้บริโภคทั่วประเทศอีกด้วย โดยบอกว่าสำหรับ การเลี้ยงนกกระทา เป็นอาชีพที่น่าจับตามอง และยังมีอนาคตไกล โดยไข่นกกระทาถือเป็นแหล่งของโปรตีนที่ให้พลังงานแก่ร่างกายที่สูงกว่าการบริโภคไข่ไก่เสียอีก ยกตัวอย่างเช่น โปรตีนไข่ไก่/น้ำหนัก 100 กรัม จะอยู่ที่ 12.8 แต่ถ้าเป็นไข่นกกระทาต้มสุก โปรตีนจะอยู่ที่ 13.1 ซึ่งถ้าเทียบน้ำหนักเท่ากันแล้ว ไข่นกกระทาต้มสุกจะมีโปรตีนสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ในส่วน การเลี้ยงนกกระทา เป็นอาชีพหลักๆ แบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ เลี้ยงพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ เพื่อขยายพันธุ์ และเลี้ยงนกไข่ (เลี้ยงรุ่นในกรง) อย่างไรก็ตามเกษตรกรจะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ และปรับปรุงพัฒนา การเลี้ยงนกกระทา ให้เป็นที่รู้จัก และมีมาตรฐานเหมือนการเลี้ยงไก่ไข่และไก่เนื้อให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
ทางวีระพงศ์เจริญฟาร์ม ปัจจุบันยกระดับ การเลี้ยงนกกระทา เพื่อให้เป็นตัวอย่างของลูกเล้า เพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบไปในทิศทางเดียวกันที่มีมาตรฐาน เนื่องจากมองว่าเทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยนไป การตลาดก็เปลี่ยนไปด้วย ทั้งนี้หากเกษตรกรท่านใดที่สนใจอยากจะขอคำปรึกษา การเลี้ยงนกกระทา ที่ได้มาตรฐานอย่างถูกต้อง โดย วีระพงศ์เจริญฟาร์ม พร้อมที่ให้คำปรึกษาแก่ทุกท่านด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
สนใจผลิตภัณฑ์คุณภาพ นกกระทาชำแหละ (นกเนื้อ) นกกระทาสาวพร้อมขึ้นกรง ไข่พันธุ์ ไข่บริโภค จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ “วีระพงศ์เจริญฟาร์ม ฟาร์มนกกระทา” ที่อยู่เลขที่ 71/7 ม.2 ต.คลองวัว อ.เมือง จ.อ่างทอง โทร.081-853-6162, 089-239-5812 และ Facebook : วีระพงศ์เจริญ ฟาร์มนกกระทา
อ้างอิง : นิตยสารสัตว์บก ฉบับที่ 322