รวมสุดยอด สายพันธุ์มะม่วง อนาคตไกล ปลูกเชิงการค้าเพื่อการส่งออกและในประเทศ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

หากพูดถึงผลไม้ที่เป็นประเทศไทยส่งออกเป็นอันดับต้นๆ คงจะหนีไม่พ้น “มะม่วง” และ “ทุเรียน” ที่มีการผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออกกระจายอยู่ทุกภูมิภาคของไทย ที่สำคัญรสชาติมะม่วงของไทยยังเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวต่างชาติ จนกระทั่งมีการส่งออกสร้างมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทในแต่ละปี สร้างรายได้ที่ดีแก่เกษตรกรไทยมาอย่างช้านาน

รวมสุดยอด สายพันธุ์มะม่วง อนาคตไกล ปลูกในเชิงการค้าเพื่อการส่งออก
รวมสุดยอด สายพันธุ์มะม่วง อนาคตไกล ปลูกในเชิงการค้าเพื่อการส่งออก
2.คุณสุวิทย์-คุณาวุฒิ-ปลูกมะม่วงเนื้อที่-250-ไร่-จ.ฉะเชิงเทรา
2.คุณสุวิทย์-คุณาวุฒิ-ปลูกมะม่วงเนื้อที่-250-ไร่-จ.ฉะเชิงเทรา

นิตยสารเมืองไม้ผลและพืชสุขภาพ จะขอนำเสนอเกี่ยวกับการผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออก หรือการผลิตมะม่วงในเชิงการค้า ที่มีตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ แต่ สายพันธุ์มะม่วง ที่สามารถผลิตในเชิงการค้าได้จริงๆ นั้นมีอยู่กี่ประเภท แต่ละประเภทมีจุดเด่น จุดแข็ง และจุดอ่อน อะไรบ้าง รวมทั้งแนวโน้มและทิศทางของตลาดจะเป็นอย่างไร

นิตยสารเมืองไม้ผลได้มาจับเข่าคุยกับเกษตรกรชาวสวนมะม่วงมืออาชีพระดับประเทศ หรือเป็นชาวสวนระดับเซียน อย่าง คุณสุวิทย์ คุณาวุฒิ เจ้าของสวนมะม่วง “เพชรสำโรง” เนื้อที่รวมกว่า 250 ไร่ ที่มีการผลิตมะม่วงเพื่อการค้า ไปพร้อมๆ กับการอนุรักษ์ สายพันธุ์มะม่วง เอาไว้มากกว่า 28 สายพันธุ์ โดยมี สายพันธุ์มะม่วง ที่สามารถผลิตในเชิงการค้าวันนี้ได้มากถึง 10 กว่าสายพันธุ์ ที่มีตลาดรองรับชัดเจน

3.การจัดการสวนให้สามารถนำเครื่องจักรใหญ่เข้ามาในสวนได้
3.การจัดการสวนให้สามารถนำเครื่องจักรใหญ่เข้ามาในสวนได้

สภาพพื้นที่ปลูกมะม่วง

คุณสุวิทย์เป็นชาวสวนมะม่วงแต่กำเนิด และโตมากับสวนมะม่วงที่ ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา จนกระทั่งได้มารับช่วงการทำสวนมะม่วงต่อจากบิดาเรื่อยมา จนกระทั่งหันมาผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออก ที่สร้างรายได้ที่ดีให้กับครอบครัวตลอดมา

หลังจากนั้นได้ซื้อที่ดินที่ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทราไว้ประมาณ 35 ไร่ เมื่อปี 2528 เพื่อปลูกมะม่วงพันธุ์เขียวเสวย และฟ้าลั่น ผสมผสานกับมะม่วงสายพันธุ์น้ำดอกไม้ และพันธุ์ทวายเดือน 9 ไว้บ้างนิดหน่อย  เนื่องจากเมื่อก่อนทั้งผลผลิตของมะม่วงพันธุ์เขียวเสวยกับฟ้าลั่นเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด

โดยที่พ่อค้าจะส่งผลผลิตไปขายยังต่างประเทศ จากนั้นคุณสุวิทย์ได้ขยายพื้นที่ปลูกมะม่วงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ที่มีพื้นที่สวนมะม่วงมากกว่า 250 ไร่ มีมะม่วงมากถึง 20 กว่าสายพันธุ์ “ผมปลูกไว้หลายๆ สายพันธุ์ ไปที่ไหนเห็นของใครเค้าดีก็เอามาปลูกที่สวน ปลูกเพื่อเรียนรู้ว่าของเค้าเป็นยังไง เอาไว้ศึกษา เผื่อใครไม่เคยเห็นก็มาดูที่สวนเราได้ และเผื่อไว้ว่าอนาคตพันธุ์เหล่านี้มีช่องทางการตลาด เราก็สามารถขยายได้เลย” คุณสุวิทย์กล่าวถึงข้อดีของการอนุรักษ์พันธุ์มะม่วงเอาไว้

โฆษณา
AP Chemical Thailand
4.มะม่วงน้ำดอกไม้คุณภาพเกรด-A-ส่งออก
4.มะม่วงน้ำดอกไม้คุณภาพเกรด-A-ส่งออก
ต้นมะม่วงสายพันธุ์มหาชนกให้ผลผลิตเต็มที่
ต้นมะม่วงสายพันธุ์มหาชนกให้ผลผลิตเต็มที่
ต้นมะม่วงที่ให้ผลผลิตและออกดอกพร้อมกัน
ต้นมะม่วงที่ให้ผลผลิตและออกดอกพร้อมกัน

สายพันธุ์มะม่วง

ถึงแม้ว่าสวนมะม่วงเพชรสำโรงแห่งนี้จะมีมะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ แต่มีสายพันธุ์ที่ปลูกเชิงการค้าได้เพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้น อีกทั้ง สายพันธุ์มะม่วง ที่มีการปลูกในเชิงการค้ายังมีจุดเด่น และความต้องการของตลาดที่แตกต่างกันด้วย

คุณสุวิทย์ยอมรับว่ามะม่วงสายพันธุ์แรกที่มีการปลูกในเชิงการค้าเพื่อการส่งออกมากที่สุดในวันนี้ก็คือ

สายพันธุ์ที่ 1 คือ  “มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง”

สายพันธุ์ที่ 1 คือ  “มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง” เป็นสายพันธุ์ที่ผลผลิตติดตลาดเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากมีรสชาติหวาน หอม สีสันสวยงาม เป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะประเทศจีน ไต้หวัน และเวียดนาม อีกทั้งมะม่วงสายพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองเกิดขึ้นจากการกลายพันธุ์จากต้นแม่ คือ น้ำดอกไม้พระประแดง ที่ยังคงลักษณะที่ดีของต้นแม่เอาไว้ได้ และยังมีผิวที่สวย สะดุดตา มีสีเหลืองอ่อนคล้ายมะม่วงสุก แม้ว่าจะยังอยู่บนต้นก็ตาม และสีผิวจะเข้มขึ้นเมื่อผลผลิตเริ่มแก่จัด เมื่อเก็บผลผลิตตอนแก่จัดมาบ่มจะทำให้ผลผลิตมีรสชาติหวาน หอม มากขึ้น

สายพันธุ์ที่ 2 คือ “มะม่วงฟ้าลั่น”

สายพันธุ์ที่ 2 คือ “มะม่วงฟ้าลั่น” ลักษณะของผลจะกลม ท้ายแหลม ลูกมีขนาดกลาง นิยมรับประทานเมื่อผลผลิตเริ่มแก่จัด โดยจะมีรสชาติหวาน แต่หากยังดิบจะมีรสชาติเปรี้ยว เนื้อแน่น ละเอียด เป็นมะม่วงส่งออกอีกชนิดที่นิยม โดยเฉพาะประเทศจีน

สายพันธุ์ที่ 3 คือ “มะม่วงมันขายตึก”  หรือ “มะม่วงแขกขายตึก”

สายพันธุ์ที่ 3 คือ “มะม่วงมันขายตึก”  หรือ “มะม่วงแขกขายตึก” เป็นมะม่วงสายพันธุ์โบราณของจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดอยู่ในกลุ่มมะม่วงมัน หรือมะม่วงกินดิบ อีกชนิดหนึ่ง ที่มาของชื่อเกิดจากรสชาติที่อร่อย จึงเปรียบเปรยว่า “ให้ขายตึก ขายบ้าน มาทานก็ยอมเลยทีเดียว” ลักษณะของผลจะมีรูปกลมรีคล้ายผลมะม่วงมัน หรือมะม่วงแรด แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักประมาณ 2 ผลต่อ 1 กิโลกรัม เนื้อเยอะ ไม่มีเสี้ยน เมล็ดลีบ ผลดิบจะมีสีเขียว รสชาติหวานมันปนเปรี้ยวนิดๆ ฉ่ำน้ำ กรอบเหมือนมะม่วงมัน หรือมะม่วงแรด โดยเฉพาะผลแก่จัดจะให้รสชาติอร่อยมาก นิยมปลูกเพื่อเก็บผลดิบกินมาช้านาน ผู้บริโภคนิยมปอกเปลือกแล้วเฉาะจิ้มเกลือ หรือกินกับน้ำปลาหวานจะเด็ดมาก เมื่อผลสุกจะมีสีเหลือง เนื้อในสีเหลืองปนส้ม รสหวานเย็น มีกลิ่นหอม เมื่อสุกเต็มที่ไม่เละ เคี้ยวหนึบ อร่อยฉ่ำใจดี ที่ได้เปรียบกว่ามะม่วงมันพันธุ์อื่น คือ จัดเป็นมะม่วงติดผลดก จึงนิยมปลูกกันแพร่หลายมาแต่โบราณ สายพันธุ์นี้นิยมปลูกเพื่อจำหน่ายในประเทศซะส่วนใหญ่

สายพันธุ์ที่ 4 คือ “มะม่วงเขียวเสวย”

สายพันธุ์ที่ 4 คือ “มะม่วงเขียวเสวย” เป็นมะม่วงยอดนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ นิยมรับประทานผลดิบหรือผลแก่เป็นหลัก เนื่องจากผลในระยะนี้จะมีสีขาวขุ่น หรือขาวขุ่นอมครีม เนื้อแน่น มีความกรอบ และมีรสหวานมัน จนได้รับขนานนามว่า “ราชินีของมะม่วงไทย” มะม่วงเขียวเสวยเป็นมะม่วงท้องถิ่นที่มีต้นกำเนิดในประเทศไทย เป็นมะม่วงกลายพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเมล็ด เป็นพันธุ์ใหม่ที่เพาะได้โดยบังเอิญเมื่อประมาณปี 2475 ของชาวสวนแห่งหนึ่งในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จากนั้นมีการเพาะเมล็ดเพื่อขยายพันธุ์ปลูกในแถบนี้มากขึ้น ปัจจุบันมะม่วงเขียวเสวยพบว่ามีการปลูกในทุกภาคของไทย โดยเฉพาะการปลูกเพื่อรับประทานเองเพียงไม่กี่ต้นตามหน้าบ้าน หลังบ้าน และหัวไร่ปลายนา ส่วนการปลูกในแปลงใหญ่เพื่อการค้าพบปลูกมากในภาคกลาง และภาคเหนือ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

สายพันธุ์ที่ 5 คือ “มะม่วงมหาชนก”

สายพันธุ์ที่ 5 คือ “มะม่วงมหาชนก” ประเทศไทยถือว่าเป็นต้นกำเนิดของมะม่วงมหาชนก ซึ่งเป็นมะม่วงพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการผสมกัน ระหว่างมะม่วงพันธุ์ซันเซท และพันธุ์หนังกลางวัน มีผิวสวย รูปทรงดี ทนทานต่อการขนส่ง วางจำหน่ายได้นาน รสชาติดี  มะม่วงมหาชนกมีความแตกต่างจากมะม่วงที่ปลูกกันในปัจจุบัน เมื่อผลสุกจะมีรสหวานอมเปรี้ยว และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รวมทั้งมีสีที่สวยงาม

ชื่อพันธุ์ที่ใช้ว่า “มหาชนก” มีความหมายว่า “ต้นตระกูลอันยิ่งใหญ่” ดังนั้นจึงมีการขยายการปลูกเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย ผลของมะม่วงมหาชนกเป็นผลเดี่ยว รูปทรงขอบขนาน-ยาว คล้ายมะม่วงพันธุ์หนังกลางวัน เมื่อผลแก่มีจุดประที่ผิวปานกลาง ผลดิบ มีผิวเนียนเรียบ สีเขียวอ่อน เนื้อผลดิบสีขาว เนื้อละเอียด มีเส้นใยน้อย รสชาติเปรี้ยวมาก และมีกลิ่นยาง เมื่อผลสุกมีสีเหลืองอมส้ม เนื้อละเอียด มีเสี้ยนน้อย และแน่น รสชาติหวานอมเปรี้ยว

การผลิตเพื่อการส่งออกมะม่วงมหาชนกถือว่ามีความสำคัญ ต้องควบคุมคุณภาพ เริ่มตั้งแต่สวนจนถึงผู้ส่งออก จนกระทั่งถึงมือผู้บริโภค เนื่องจากโอกาสทางการตลาดต่างประเทศเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น อย่างไรก็ตามจากการสำรวจพบว่าการส่งออกมะม่วงมหาชนกมีปริมาณมากขึ้น หมายถึง มีความต้องการสูงขึ้นจากต่างประเทศ

แต่เมื่อเปรียบเทียบผลผลิตมะม่วงมหาชนกในประเทศยังน้อย สาเหตุเนื่องจากชาวเกษตรกรยังไม่ค่อยมั่นใจสถานการณ์ตลาด  อย่างไรก็ตามเกษตรกรหลายรายเริ่มสนใจหันมาลงทุนสวนมะม่วงมหาชนกมากขึ้น ผู้ส่งออกก็เริ่มมองหาโอกาสขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นเช่นกัน สิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องการ คือ มะม่วงมหาชนกที่มีคุณภาพ

สายพันธุ์ที่ 6 คือ “มะม่วงทวายเดือน 9”

สายพันธุ์ที่ 6 คือ “มะม่วงทวายเดือน 9” สามารถออกผลเก็บกินได้ตลอดทั้งปี รสชาติดี ผลใหญ่กว่าน้ำดอกไม้ สามารถออกผลให้กินได้ตลอดทั้งปี มะม่วงทวายเดือน 9  คำว่าทวาย ก็คือ การที่เราจะเก็บผลกินได้ตลอดทั้งปี ลักษณะของมะม่วงมันเดือน 9 นั้น จะลูกใหญ่กว่ามะม่วงน้ำดอกไม้ หากกินดิบจะมีรสชาติเปรี้ยว แต่ถ้าอยากกินในช่วงที่รสชาติหวาน มัน ต้องรอให้แก่ลงซักนิด ก็จะกลายเป็นมะม่วงมัน นิยมรับประทานในประเทศเป็นหลัก ส่งออกมีบ้าง แต่ตลาดยังไม่เปิดกว้างเท่าไร มีเพียงบางประเทศเท่านั้น

สายพันธุ์สุดท้ายคือ “R2E2”

สายพันธุ์สุดท้ายคือ “R2E2”  ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่กำลังมาแรง เป็นมะม่วงของประเทศออสเตรเลียที่ปลูก และให้ผลผลิตได้ในประเทศไทย แต่เป็นสายพันธุ์ที่บังคับให้ออกนอกฤดูได้ยากกว่าพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง แม้จะมีการใช้สารแพคโคลบิวทราโซลราดเพื่อบังคับก็ตาม

โฆษณา
AP Chemical Thailand

แต่สายพันธุ์นี้มีจุดเด่นตรงที่ถ้าออกดอกแล้วช่อดอกจะใหญ่ ดอกจะค่อนข้างสมบูรณ์เพศ ทำให้มีการติดผลได้ง่ายมาก หรืออาจจะกล่าวง่ายๆ ว่าถ้าออกดอกแล้วโอกาสติดผลมีสูงมาก คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักมะม่วงสายพันธุ์นี้ ทั้งที่จัดเป็นมะม่วงที่มีเนื้อละเอียด และรสชาติอร่อย ไม่มีกลิ่นขี้ไต้ และสามารถปลูกให้ผลผลิตดีในประเทศไทย

5.ผลผลิตมะม่วงอาร์ทูอีทูลูกใหญ่สีสวย
5.ผลผลิตมะม่วงอาร์ทูอีทูลูกใหญ่สีสวย
1.มะม่วงสายพันธุ์อาร์ทูอีทู
มะม่วงสายพันธุ์อาร์ทูอีทู

ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายมะม่วงอาร์ทูอีทู

ด้านการตลาดมะม่วงอาร์ทูอีทู เป็นมะม่วงที่ตลาดมีความต้องการค่อนข้างสูง โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ โดยปกติแล้วมะม่วงอาร์ทูอีทูจะมีราคาสูงกว่ามะม่วงสายพันธุ์อื่น เนื่องจากมีสีสันที่สวยสะดุดตา มีอายุหลังการเก็บเกี่ยวที่ยาวนาน เนื่องจากมีเปลือกหนา ทำให้คุณภาพโดยรวมของมะม่วงสายพันธุ์นี้เหมาะสำหรับการส่งออก

โดยผลผลิตของมะม่วงอาร์ทูอีทูวันนี้ได้มีการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย และออสเตรเลีย แต่มีตลาดส่งออกหลักอยู่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และมาเลเซีย

ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตเกรดเอ ที่มีขนาดผลใหญ่ มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 800 กรัม/ผล มีราคาขายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 100 บาท จึงนับว่ามะม่วงออสเตรเลียพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่น่าจับตามอง ที่เกษตรกรไทยเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นด้วย

ที่สำคัญโรคและแมลงศัตรูพืชเข้าทำลายได้ยากกว่าสายพันธุ์อื่น ไม่ต้องห่อผลผลิต แม้ในช่วงแตกใบอ่อนจะพบการทำลายของเพลี้ยไฟ และด้วงงวงกรีดใบ และในระยะออกดอก ติดผล จะต้องระวังการระบาดทำลายของเพลี้ยไฟ และระยะผลแก่ระวังเรื่องแมลงวันทอง แต่ก็ยังดูแลรักษาง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นมาก ต่างกับ “มะม่วงน้ำดอกไม้” ที่จะอ่อนแอต่อเชื้อแบคทีเรียจุดดำ ตลอดจนแมลงศัตรูพืช ที่จำเป็นต้องห่อผลผลิตเพื่อป้องกันผลผลิตเสียหาย

6.ต้นมะม่วงสายพันธุ์อาร์ทูอีทู
6.ต้นมะม่วงสายพันธุ์อาร์ทูอีทู สายพันธุ์มะม่วง สายพันธุ์มะม่วง สายพันธุ์มะม่วง สายพันธุ์มะม่วง สายพันธุ์มะม่วง

แนวโน้มในอนาคต

คุณสุวิทย์ยืนยันว่า “มะม่วงสายพันธุ์อาร์ทูอีทู” เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังมาแรง ราคาดี โดยเฉพาะช่วงที่ทางประเทศออสเตรเลียหมดฤดู ของเราก็ออกพอดี ราคาจึงสูงแทบตลอดทั้งปี และกำลังขาดตลาดเนื่องจากผลผลิตยังมีน้อย “ผมว่ามะม่วงสายพันธุ์นี้จะมาแทนน้ำดอกไม้ ถึงแม้ว่าน้ำดอกไม้จะติดตลาดแล้ว แต่พื้นที่การปลูกมันมีทั่วประเทศ มีโอกาสที่จะล้นตลาด และราคาตกต่ำ แต่อาร์ทูอีทูพื้นที่ปลูกตอนนี้ยังน้อย ผลผลิตจึงไม่พอที่จะป้อนตลาด ราคามันเลยสูง ยังไงมะม่วงสายพันธุ์นี้อนาคตไกลแน่นอน” คุณสุวิทย์กล่าวทิ้งท้าย

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมด้าน สายพันธุ์มะม่วง คุณสุวิทย์ คุณาวุฒิ  เจ้าของสวนเพชรสำโรง 54 หมู่ 9 ตำบลหัวสำโรง อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา โทร.089-834-3299, 038-589-321