ปัจจุบัน กุ้งขาววานาไม ยังคงเป็นกุ้งหลักในการส่งออก สร้างรายได้เข้าประเทศ และ กระเป๋าของเกษตรกร แม้ต้องแข่งกับตัวเอง และประเทศคู่แข่งอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามที่ตลาดต้องการ รวมไปถึงการพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ให้มี “คุณภาพ” มากยิ่งขึ้น เพราะหลายฟาร์มแข่งกันพัฒนาฝีมือ เพื่อให้ได้ “นอเพลียส” ที่ดี ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
การเพาะเลี้ยงกุ้งขาว
คุณสุรพงษ์ คงแป้น หรือ คุณบ่าว เจ้าของ MS. FARM ฟาร์มอนุบาลลูกกุ้งขาว สายพันธุ์ SIS แท้ 100% ตั้งอยู่ที่ ต.เทพราช จังหวัดฉะเชิงเทรา ฟาร์มแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งฟาร์มที่อนุบาลลูกกุ้งได้คุณภาพ อยู่ระดับแนวหน้า ด้วยฝีมือและการบริหารงานของคุณบ่าว ทำให้เกษตรกรเลี้ยงกุ้งไม่มีใคร ไม่รู้จัก ลูกกุ้งจาก MS. FARM
MS. FARM มีฟาร์มอนุบาลทั้งหมด 6 แห่ง วางแผนการอนุบาล นอเพลียสตั้งแต่ขนาด P5-P26 ป้อนลูกค้าหลากหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มที่ต้องการลูกกุ้งตัวเล็ก / กลุ่มต้องการลูกกุ้งตัวใหญ่ และบางกลุ่มต้องการลูกกุ้งซุปเปอร์พีแอล เป็นต้น
การผลิตกุ้ง P หลายไซซ์ของลูกค้าหลายกลุ่ม เป็นงานท้าทายมากๆ เพราะกระบวนการผลิตถูกกำหนดด้วย “ปัจจัย” ที่ควบคุมไม่ได้ เช่น สภาพความแปรปรวนของฤดูกาล และอากาศ ภายใต้ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เป็นต้น อีกทั้ง ราคากุ้งเนื้อ ยังตกต่ำ ส่งผลให้ผู้เลี้ยงหลายรายชะลอการเลี้ยงกุ้ง และบางส่วนหันมาใช้ลูกกุ้งราคาถูกเพื่อลดต้นทุนการเลี้ยง ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์
ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่กล่าวมา ส่งผลให้ MS. FARM จะเลือกผลิตลูกกุ้งให้เพียงพอต่อออเดอร์ที่รับมาเท่านั้น จะไม่ทำลูกกุ้งให้เหลือเพิ่ม เป็นการลดต้นทุนการเลี้ยง “ในแต่ละรอบการลงกุ้งเราจะรู้อยู่แล้วว่ากุ้งชุดนี้จะออกได้เท่าไร แล้วเรามีออเดอร์เท่าไร ที่ฟาร์มจะทำกุ้งให้พอดีกับออเดอร์ จะไม่เลี้ยงเผื่อ เพราะต้นทุนการเลี้ยงตอนนี้สูงมาก”
ความพร้อมในการผลิตกุ้งแต่ละชุด จะประกอบด้วย มืออนุบาลนอเพลียส ระบบน้ำ ระบบอาหาร เวชภัณฑ์ฆ่าเชื้อ ระบบออกซิเจน และ ระบบโลจิสติกส์ เป็นต้น ซึ่งจะต้องบริหารจัดการ 24 ชั่วโมง มิให้เกิดผิดพลาด และมีความแม่นยำสูง ตอบสนองลูกค้า 100%
สภาพพื้นที่เลี้ยงกุ้ง
ด้วยการออกแบบบ่ออนุบาลเป็นบ่อปูน แต่ละฟาร์มมี 32 บ่อ ขนาดบ่อละ 3 ตัน ติดตั้งระบบให้ออกซิเจนให้เรียบร้อย จากนั้นทำความสะอาดบ่อ และ อุปกรณ์การอนุบาล ด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ เมื่อบ่อสะอาดแล้วจะนำน้ำจืดที่ซื้อมาจากแหล่งน้ำที่ดี ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว เติมลงในบ่ออนุบาลผสมกับน้ำเค็ม ซึ่ง 1 บ่ออนุบาลจะลงนอเพลียสประมาณ 300,000 ตัว โดยในช่วง 4 วันแรก ทางฟาร์มจะเลี้ยงนอเพลียสด้วยคีโตเซอรอส จากนั้นจะเลี้ยงต่อด้วยอาร์ทีเมียคุณภาพ วันละ 8 มื้อ “ที่ฟาร์มจะให้อาหารน้อย แต่เน้นให้บ่อย เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค เพราะถ้าให้เยอะ กุ้งกินไม่หมด อาหารเหลือ พวกนี้แหละจะเป็นแหล่งก่อให้เกิดโรคในลูกกุ้งได้”
เมื่ออนุบาลลูกกุ้งโตถึง P5 หรือ P6 ทางฟาร์มจะย้ายลูกกุ้งมาลงบ่อที่ใหม่ ในฟาร์มแห่งใหม่ ซึ่งการย้ายลูกกุ้งแต่ละชุด วันเวลาจะแตกต่างกัน ซึ่งลูกกุ้ง 1 บ่อ จะสามารถขนย้ายได้ประมาณ 3 รุ่น เพราะลูกกุ้งจะโตไม่พร้อมกัน “เราจะคัดเป็นชุด 1 ชุด 2 ชุด 3 ที่มันเข้าระยะไม่พร้อมกัน บางตัวก็เกิดก่อน กินก่อน สมมติ คัดมาชุด 1 ประมาณ 6 ล้าน ชุด 2 ประมาณ 3 ล้าน และชุด 3 ประมาณ 1 ล้าน ก็ทยอยเลี้ยงชุด 1 แยกไว้ ตั้งไว้ก่อน ที่เหลือก็ขายปกติ ชุด 2 เลี้ยงต่ออีก 2 วัน ก็จะกลายเป็นชุด 1 ไล่กันแล้ว ก็ขายออก ชุด 3 เลี้ยงต่ออีก 3-4 วัน ก็จะโตเท่ากัน” คุณบ่าว ให้ความเห็นเรื่องแผนการเลี้ยง
เทคนิคการจัดการน้ำเลี้ยง
นอกจากนี้ เรื่อง “น้ำเลี้ยง” ต้องวัดค่าให้แมทช์กับฟาร์มที่ทำนอเพลียส วัดคุณภาพน้ำ พร้อมทั้งฆ่าเชื้อทั้งบ่อ 1 และบ่อ 2 ความเค็มของน้ำมีการปรับระดับความเข้มข้น ตั้งแต่ P2 “มีการปรับอ่อนอยู่แล้ว แต่ที่จริงมันมีความเค็มที่ต่างกัน ตั้งแต่ P2, P3, P4 พอย้าย P5 ความเค็มจะเพิ่มขึ้นเป็น 12-15 ppt. ขึ้นอยู่กับรอบไหนที่ออเดอร์ฝั่งไหนเยอะ ถ้าออเดอร์น้ำจืดเยอะ เราก็จะปรับน้ำลงมาจืดหน่อย เพื่อจะให้ทางนี้ทำรอบได้ไวขึ้น ถ้าน้ำเค็มเยอะ ก็ปรับน้ำประมาณ 15 ppt. ความเข้มข้นของแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน จนต่ำสุด ของเรารองรับ 3 แต้ม” คุณบ่าว เปิดเผยเทคนิคการจัดการน้ำเลี้ยงตามความต้องการของลูกค้า
สำหรับ เงื่อนเวลา ในการลงทุนเลี้ยงนอเพลียส จากนั้นสู่ P5 จนถึง P12 ใช้เวลาประมาณ 14 วัน และเลี้ยงต่อไปอีก 6-7 วัน ก็ขายได้ รวมๆ แล้ว 21 วัน ขายได้เงินในชุดแรก จากนั้นอีก 3 วัน ก็ขายชุด 2 อีก 2 วัน ก็ขายชุด 3 พูดง่ายๆ ว่า 30 วัน ขายได้ 3 ชุด จากการเลี้ยงแบบย้ายลูกกุ้ง 2 ครั้ง เพื่อป้องกันการหมักหมมของเชื้อโรค และเทคนิคการเลี้ยงกุ้ง 2 น้ำนี้ จะทำให้ลูกกุ้งโตไว แข็งแรง ทันกับความต้องการของลูกค้า
การให้อาหารกุ้ง
ในเรื่องการให้อาหารสด เมื่อลูกกุ้งเข้าระยะ “ซูเอีย” ทางฟาร์มให้ อาร์ทีเมีย ปลอดเชื้อ 3 ชั่วโมง/ครั้ง แต่ให้ครั้งละน้อยๆ เมื่อย้ายลูกกุ้งมาเลี้ยงน้ำ 2 ก็ต้องให้อาหารลูกกุ้งวัยอ่อน เบอร์ 300, 400, 500 เป็นอาหารชนิดผง ให้ตามขนาดของลูกกุ้ง จากวันละ 4 มื้อ ก็ค่อยๆ ลดลงจนถึงวันขาย ทั้งอาร์ทีเมียและอาหารวันละ 4 มื้อ ทำให้ลูกกุ้งแข็งแรง โตไว โดยทุกๆ 2 ชั่วโมง ต้องตรวจสอบว่ากุ้งกินหมดมั๊ย ถ้าเพิ่มต้องเพิ่มในสัดส่วนพอดี ไม่ให้เหลือ เพราะถ้าเหลือ วิบริโอ จะบูม ซูโอโทเนียม ก็จะตามมา
สำหรับ วิตามิน ได้หยดลงในน้ำในช่วงก่อนย้ายลูกกุ้ง จากนั้นเมื่อเลี้ยงในน้ำ 2 จะนำวิตามินคลุกกับอาหารเสริม แล้วเคลือบด้วยไคโตซานให้เหนียว ให้อาหารจับวิตามิน และไม่ละลายไว หรือไม่แตกตัวไวนั่นเอง
นอกจากนี้ลูกกุ้งที่ถูกย้ายจากฟาร์ม 1 ไปฟาร์ม 2 ได้อยู่บ้านสะอาด น้ำใหม่ มีการลอกคราบ ตัวเปล่งขึ้นกว่าเดิม ได้อาหารถี่ขึ้น ไซซ์โตไว จาก C ไปสู่ A ได้ง่าย และอัตรารอดมากกว่า 99% “ไซซ์กุ้งเสมอมากขึ้น ตัวกุ้งที่เข้าระยะมันจะสปีดตัวเองให้มาใกล้เคียงกัน กุ้งจะเป็นชุด 1 ชุด 2 ได้ง่าย เท่ากับว่ากุ้งในบ่อเดียวที่มันมี 1, 2, 3 อยู่ ตัวที่ 3 กลายเป็น 2 ทำให้เราคัดกุ้งได้ง่ายขึ้น กุ้งจะสวยขึ้นด้วย และอัตราการสูญเสียจะน้อย เท่ากับอัตรารอดเพิ่มขึ้น” คุณบ่าว ยืนยันถึงข้อดีของการย้ายบ่อ และยืนยันว่า ระบบ 2 น้ำ ลูกกุ้งอยู่คนละครึ่ง สามารถเช็คยอได้ว่ากุ้งรอดเท่าไหร่ ก็รับออเดอร์ ได้เลย
การอนุบาลลูกกุ้ง
สรุปได้ว่า เมื่อได้นอเพลียสคุณภาพมาเลี้ยงในบ่อที่เน้นการจัดการน้ำให้มีคุณภาพด้วยระบบ 2 น้ำ และคุณบ่าวได้พัฒนาอาหารด้วยสูตรเฉพาะของตัวเอง “เรามีทั้งโปรไบโอติก สารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน วิตามิน และ เกลือ การเสริมความสมดุลของอาหารด้านการมิกซ์ เราก็ใช้การปั่นทั่วๆ ไป เราไม่ได้ใช้อาหารของเขาโดดๆ เราเสริมปรุงแต่งเป็นสูตรของเรา เพื่อให้กุ้งเราสมบูรณ์” เมื่อมีการคัดแยกกุ้งไซซ์จะสม่ำเสมอ จะได้ลูกกุ้งทรงสวย หุ่นดี เป็นกุ้งพรีเมียมนั่นเอง จึงเห็นได้ว่าการบริหารไซซ์กุ้งตั้งแต่ P5 จนถึง P20 ด้วยกลไกดังกล่าว
ในกระบวนการผลิตลูกกุ้งให้พรีเมียม คุณบ่าวทำทุกวิถีทาง เพื่อ “ปลอดเชื้อ” “เราตัดเชื้อตั้งแต่อาร์ทีเมีย และน้ำที่รองรับการเลี้ยงทำเหมือนการลงนอเพลียส ละเอียด สะอาดใส กุ้ง P5, P6 ที่ย้ายมาเหมือนลงนอเพลียส อาร์ทีเมีย คือ แหล่งที่มาของเชื้อต้องปลอดเชื้อ ส่วนอาร์ทีเมียกระป๋องเราเพาะเอง ใส่สูตรเพื่อยับยั้งเชื้อ” คุณบ่าว ยืนยัน ด้วยเหตุนี้จึงต้องใช้หลายบริษัท เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพ
เรื่อง “แรงงาน” ในการอนุบาลลูกกุ้งพรีเมียมก็เป็นเรื่องใหญ่ MS. FARM เข้าใจเรื่องนี้ จึงคัดคนเก่งมีฝีมือในงานละเอียดให้ทำงานประจำ รับนโยบายของฟาร์มไปปฏิบัติได้ก็ให้อยู่ประจำ เพื่อจะรับออเดอร์ล่วงหน้าจากลูกค้าได้ ขณะนี้มีคนมาสมัครมาก สามารถคัดคนมีฝีมือได้ง่าย จึงไม่ต้องแปลกใจ ทางฟาร์มผลิตลูกกุ้งเฉลี่ย 30 ล้านตัว/เดือน
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายลูกกุ้งขาว
สุดท้าย เรื่อง “การตลาด” ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ๆ พอๆ กับการผลิต คุณบ่าวเปิดเผยว่า “เราต้องเรียนรู้และปรับตัวตลอดเวลา ไม่ว่าสถานการณ์กุ้งราคาแบบไหน ตลาดจะแคบหรือใหญ่ขึ้นแค่ไหน ต้องปรับตัวตลอด ให้มันแมชชิ่งกับช่วงเวลาของมัน เพราะยังไงเราก็ต้องทำกุ้งตลอด เป็นอาชีพหลักที่สนุกและท้าทายของเรา”
หมายความว่า พัฒนาให้สินค้าคง “คุณภาพ” ลูกค้าศรัทธา ผลิตให้ปริมาณขาดสัก 10% แต่ละชุดลูกค้ารอไม่นานก็ได้ลูกกุ้งตามออเดอร์ เพราะแต่ละชุดไม่ห่างกันมาก 7-8 วัน รอได้ และที่สำคัญลูกกุ้งทรงสวย สะอาด เหมือนกันทุกชุด ซึ่งเป็นงานฝีมือล้วนๆ
จะเห็นได้ว่า วันนี้ MS. FARM กลายเป็นฟาร์มมาตรฐานด้านการผลิตลูกกุ้งขาวพรีเมียม ด้วยการคัดสรร “คู่ค้า” ระดับมืออาชีพ มีความซื่อสัตย์ทางธุรกิจ ตั้งใจผลิตลูกกุ้งแต่ละชุดด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จน “ลูกค้า” ศรัทธา นำไปเลี้ยงในบ่อดินแล้วได้ผลผลิตที่ดี ซึ่ง “ลุกกุ้ง” คือ 1 ในกลไกหลักในการเลี้ยง กุ้งเนื้อ ให้รอด และได้ไซซ์ ที่ตอบโจทย์ด้านกำไรที่ชัดเจน
สนใจสั่งซื้อลูกกุ้ง หรือ เข้าเยี่ยมชมฟาร์ม ติดต่อได้ที่ คุณสุรพงษ์ คงแป้น (คุณบ่าว) โทร.089-746-1771 ดูข้อมูลฟาร์มได้ที่ เพจ Facebook : MS. Farm Office